วันนี้จู่ ๆ เราก็ได้รับโทรศัพท์ซึ่งปลายสายคือ คุณสายธาร ผู้เป็นหุ้นส่วน เป็นเจ้านาย รวมทั้งเป็นเพื่อนสนิท ก็โทรมาชวน ดรีมเอ๊ย!! ศุกร์นี้เราไประนองกันเถอะ จะไปเซอร์เวย์เส้นทางก่อนจะพาคณะทัวร์ไป เพราะเราสองคนไม่รู้จักเส้นทางนี้เลย และจากการค้นหาข้อมูลจาก google และการดูแผนที่ จาก google map เอาจริง ๆ ก็ช่วยได้บางส่วน แต่ให้ชัวร์จริง ๆ เราต้องออกเดินทางด้วยตัวเอง ต้องไปเห็นด้วยตา รับรู้ด้วยใจ ภารกิจเราครั้งนี้จึงยิ่งใหญ่มาก ๆ และในการเดินทางครั้งนี้มีเวลาให้เราได้เตรียมตัวแค่เพียง 4 วัน เราออกเดินทาง เส้นทาง เชียงราย-สนามบินดอนเมือง และจากสนามบินดอนเมืองไปลงสนามบินชุมพรเพราะเส้นทางนี้ราคาตั๋วเครื่องจะค่อนข้างจะถูกกว่าไปลงเส้นทางสนามบินระนองเนื่องจากระนองนั้นเป็นจังหวัดที่คนมาเที่ยวเยอะราคาตั๋วก็จะสูงกว่าเป็นธรรมดา และเนื่องจากครั้งนี้เราต้องประหยัดค่าใช้จ่ายมาก ๆ เพราะเราต้องออกค่าใช้จ่ายเองทั้งหมดซึ่งเราสองคนวางค่าใช้จ่าย 4 วัน 3 คืนทั้งหมดรวมไม่เกินคนละ 10,000 บาทเท่านั้น ภารกิจวันที่ 1 เราสองคนเดินทางมาถึงสนามบินชุมพร เวลา 8.35 น.เที่ยวบินแรกจากสนามบินดอนเมืองสู่สนามบินชุมพร ทริปนี้เราใช้บริการของสายการบินแอร์เอเชียถึงสนามบินชุมพร เราก็เดินออกจากเกทเพื่อมารับรถที่เราเช่าไว้ http://ployphucarrent.com/ เลือกจองกับที่นี่เนื่องจากเราไม่ต้องการวางเงินประกันจำนวนมากแค่ถ่ายเอกสารใบขับขี่ เซ็นต์สัญญา และมัดจำ 2,000 บาท ตอนรับรถแค่นี้ก็เรียบร้อย ...หลังจากได้รถแล้วเราควรตรวจสอบเช็ครถ เช็คสภาพ และเช็ครอยรอบคันก่อนที่เราจะใช้รถ หากมีรอยควรถ่ายเก็บไว้เป็นหลักฐานไว้ก่อน วันนี้เรามุ่งหน้าเพื่อจะเดินทางสู่ ระนอง คุณสายธาร หรือ เจ๊ใหม่ ผู้ร่วมชะตากรรม เอ้ยยย ร่วมทริปเรานั้นนอกจากตำแหน่งต่าง ๆ ที่เราระบุข้างต้นแล้ว นางยังเป็นไกด์มือวางอันดับต้น ๆ ของภาคเหนือ เมื่อเราเริ่มออกเดินทางสถานที่แรกที่นางแนะนำเราก็คือฉันอยากกินซาลาเปาทับหลี และนางยังบอกอีกว่าเธอรู้ไหม ? ระหว่างทางเราต้องเดินทางผ่านเส้นทางซาลาเปาทับหลี ซึ่งเป็นหมู่บ้านสำหรับขายซาลาเปาโดยเฉพาะครั้งหนึ่งนะเรามาถึงถิ่นของเค้าแล้วเราต้องมาลองชิมซักครั้ง เราขับรถเส้นทางชุมพร เดินทางเข้าระนองใช้เวลา เกือบ ๆ 2 ชั่วโมงก็มาถึงถิ่นซาลาเปาทับหลี พอมาเยือนถิ่นเราถึงรู้ว่า หมู่บ้านนี้ขายซาลาเปากันจริง ๆ มีแทบทุกบ้าน ชิมร้านละลูกก็ยังได้ แม่ค้าแถวนี่เค้าใจดีม๊ากกกกกก รสชาติอร่อย สมคำร่ำลือและโดยส่วนตัวเป็นคนชอบทานซาลาเปาอยู่แล้วมาบวกกับเจ๊ใหม่บิวท์ความเป็นมาอีกยิ่งน่าทานเข้าไปอีก หลังจากทานซาลาเปาอิ่มหนำกันคนละ 4-5 ลูก เราก็มุ่งหน้าสู่ระนอง ใช้เวลาอีก 2 ชั่วโมง หลังจากที่เราหาที่พักในเมืองระนองกันเสร็จเรียบร้อย เราขับรถเพื่อเดินทางไปยัง "บ่อน้ำร้อนรักษะวาริน" และเนื่องจากเรามาค่อนข้างจะช่วงเย็นเกือบค่ำ เราสองคนจึงข้ามโปรแกรมแช่น้ำร้อนและโดยปกติแล้วชาวบ้านละแวก ใกล้ ๆ จะพากันมาแช่บ่อน้ำร้อนกันตอนเย็น ๆ อารมณ์จะคล้าย ๆ กับมาแช่ออนเซ็นแล้วก็กลับบ้านนอนพักผ่อนเปรียบเสมือนวัฒนธรรมที่นี่ไปโดยปริยาย นอกจากการแช่น้ำร้อนที่นี่ลักษณะคล้ายสวนสาธารณะ ชาวบ้านก็จะพาครอบครัวมานั่งพักผ่อนหย่อนใจ บางคนมาเพื่อเล่นโยคะร้อนซึ่งบริเวณใกล้ ๆ บ่อน้ำร้อนมีลานโยคะซึ่งตรงพื้นจะร้อนเนื่องจากมีน้ำร้อนไหลผ่านบริเวณด้านล่างซึ่งถือว่าเป็นการผ่อนคลายและเป็นสิ่งที่น่าประหลาดใจเหมือนกัน ได้เวลาอาหารเย็นอาหารใต้มื้อแรกของเราวันนี้ "ร้านอาหารคุ้นลิ้น" ร้านอาหารชื่อดัง มีกิมมิคที่น่าสนใจคือรถไม้สัญลักษณ์ของระนองหาไม่ยากเลยเพราะอยู่ในบริเวณบ่อน้ำร้อนรักษะวาริน ทริปนี้เราไม่ต้องทำการบ้านเรื่องอาหารเท่าไร ? เพราะเรามากับเจ๊ใหม่ของเราเมนูที่นางสั่งนางก็จะทำการบ้านมาแล้วทั้งนั้นโดยนางจะชอบตบท้ายด้วยคำว่า ถ้ามาที่นี่ไม่ทานแบบนี้เราจะเหมือนมาไม่ถึง จะไม่ถึงได้ยังไงน้ออ ในเมื่อเราก็ไปถ่ายรูปกับป้ายร้านเค้าแล้ว 55555หลังอาหารเราสองเดินทางกลับที่พักเพื่อพักผ่อน เพราะพรุ่งนี้เรามีภาระกิจที่จะต้องทำกันแต่เช้า แต่ ๆ ยังไม่สาแก่ใจเจ๊ใหม่ซึ่งยืนยันว่าการมา ระนองครั้งนี้ต้องไปลองโรตี ชาชัก สักสองสามร้าน!! รสชาติอร่อยมาก... โรตีที่ระนองมีหลายร้านมาก ร้านนี้เรามาตามรีวิวของคนท้องถิ่นซึ่งเป็นเพื่อนของเจ๊ใหม่นั่นเอง สำหรับวันแรกเชิญทุกท่านพักผ่อนตามอัธยาศัย ภารกิจวันที่ 2 วันนี้เราต้องตื่นเช้ากว่าปกติเนื่องจากเราต้องเดินทางเพื่อไปเช็คอินที่ท่าเรือแกรนด์อันดามันก่อนเวลา 08.30 น.เพราะวันนี้เราจะไปดำน้ำ เกาะหัวใจมรกต เย้ ๆ..ซึ่งก่อนจะเดินทางเพื่อไปดำน้ำ กองทัพก็ต้องเดินด้วยท้องเจ๊ใหม่ บอกว่าถ้ามาระนอง อาหารเช้าเราต้องทานติ่มซำเท่านั้น จริง ๆ เราทั้งสองคนชอบการตามรีวิวมาก เพราะอยากรู้ว่าจริงไหม ? ที่เค้าพูด ๆ กัน สำหรับมื้อเช้าวันนี้เบา ๆ ก็พอ เจ๊ใหม่ได้กล่าวไว้... หลังมื้ออาหารเราสองคนได้ขับรถไปจอด ณ ท่าเรือของแกรนด์อันดามันที่จอดรถสะดวกสบาย สำหรับคนที่นำรถส่วนตัวมานั้นไม่ต้องห่วงเรื่องของความปลอดภัยเนื่องจากที่นี่ มี รปภ.ดูแลตลอด 24 ชั่วโมง และในวันนี้นั้นเราจะไปนั่งเรือเพื่อเข้าพักโรงแรมระดับ 5 ดาว "โรงแรมแกรนด์อันดามัน" ซึ่งอยู่บนเกาะฝั่งพม่าเราสองคนพร้อมกระเป๋าใบไม่ใหญ่คนละ 1 ใบ แพ็คกระเป๋าสำหรับนอนโรงแรมแกรนด์อันดามัน 1 คืน สิ่งที่พิเศษสุด ๆ ของทริปนี้ก็คือ"แพ็คเกจฟรี" จ้าาา เนื่องจากเราสองคนเดินทางมาทริปเซอร์เวย์ หรือทริป inspection นั่นเอง....ก่อนที่เราจะเดินทางมาถึงระนองเราต้องส่งเอกสารบัตรประชาชนของเรามาให้ทางบริษัทก่อนประมาณ 1 อาทิตย์ เพื่อทำ Border Pass เนื่องจากเราต้องเข้าไปฝั่งพม่า หลังจากลงทะเบียนเสร็จเจ้าหน้าที่ก็จะให้สายรัดข้อมือเพราะนอกจากคณะของเราสองคนนั้นจะมีลูกค้าสำหรับเดินทางไปทริปอื่นเช่น เกาะสอง เกาะนาคินโย เกาะค็อกเบิร์น เกาะนาวโอพี ซึ่งสายรัดข้อมือจะกรุ๊ปละสี และระหว่างที่เราไปดำน้ำกันนั้นกระเป๋าของเราเจ้าหน้าที่ก็นำไปเก็บไว้ให้ ณ ที่พักเรียบร้อย เจ๋งปะละ !!! ทริปดำน้ำวันนี้ เกาะหัวใจมรกตพม่า-เกาะตาฟุ๊กการเดินทางครั้งนี้มันทำให้เราได้ค้นพบอีกอย่างหนึ่งว่า "ถ้าเราไปในที่ที่เราไม่เคยไป แล้วเราจะได้เห็นในสิ่งที่เราไม่เคยเห็น" โดยส่วนตัวเป็นคนชอบ ปลานีโมมากเห็นทีไร ใจบางมาก น้องน่ารัก... ภาพใต้ทะเล เราใช้กล้อง Gopro 4 ถ่าย ภาพอาจจะมัว ๆ บ้าง เราดำน้ำเก็บภาพบรรยากาศจนถึงเย็นสถานที่แห่งนี้ยังสดยังใหม่ น้ำทะเล ปลา ปะการัง ทุกอย่างยังอยู่ในสภาพที่สวยมาก หลังจากนั้นเราก็เข้าพักที่ โรงแรมแกรนด์อันดามัน พอไปถึงท่าเรือก็จะมีรถรางคอยบริการขึ้น-ลง ระหว่างท่าเรือและที่พักตลอดจนถึงเวลา 22.00 น. เราสองคนรับกุญแจและเข้าห้องพัก หลังจากเก็บข้าวเก็บของก็เดินสำรวจที่พัก โรงแรมแกรนด์อันดามัน เก็บภาพบรรยากาศทั่วไปรอบ ๆ บริเวณโรงแรม เราสองคนมีนัดทานอาหารตอน 18.30 น.อาหารที่นี่อาหารเย็นจะเป็นแบบบุฟเฟต์ โรงแรมแกรนด์อันดามัน ที่ ๆ นักท่องเที่ยวจากชอบมาเสี่ยงโชคเนื่องจากชั้นล่างของโรงแรมมีคาสิโนเราจึงเห็นคนชอบเสี่ยงโชคจากทั่วทุกสารทิศเดินทางเข้าออกที่นี่เป็นจำนวนมากโดยเฉพาะชาวจีนและรวมถึงตัวเราด้วยความอยากรู้อยากเห็นจึงขอเดินเข้าไปสักหน่อยแต่ด้านในทุก ๆ ที่ของ คาสิโนเค้าจะห้ามถ่ายรูปโดยเด็ดขาด เดินวน 3 รอบก็เดินกลับมาเพราะเล่นอะไรไม่เป็นเลย 555 คืนนี้เราต้องพักผ่อนเพราะเนื่องจากพรุ่งนี้เราต้องเช็คเอาท์ออกจากที่นี่ในเวลา 07.30 น. ภารกิจวันที่ 3 นั่งเรือกลับมายังฝั่งระนอง 09.00 น. วันนี้เราสองคนมีนัดกับพี่หมอหน่อยเจ้าของรถสองแถวไม้ที่ระนองและวันนี้เรามีทริปเที่ยวครึ่งวันระนองโดยนั่งรถไม้ของพี่หมอหน่อยซึ่งเราไม่เคยเจอกันมาก่อนแต่เรากลับรู้สึกคุ้นเคยและถูกชะตากับพี่หมอหน่อยมาก อาจเป็นเพราะพูดจาภาษาเดียวกันแบบถูกคอ ออกจะลุย ๆ ยังไงก็ได้ เลยทำให้เราเข้ากันได้เร็ว เช้านี้เราเดินทางมาเจอพี่หมอหน่อย ณ ร้านอาหารเช้าร้านหนึ่ง พี่หมอหน่อยแจ้งกับเราว่าวันนี้เราจะมีลูกค้ามาแชร์รถและแกต้องพาลูกค้าเที่ยวเหมือนกับเราและบอกเราว่าวันนี้สำหรับเราไม่คิดเงินค่าพาเที่ยวถือว่าไปเที่ยวด้วยกัน ประหยัดอีกแล้ววว :) ดี๊ดี หลาย ๆ ครั้งก็รู้สึกขอบคุณโชคชะตาที่นำพากัลยาณมิตรที่ดีให้มาพบเจอ รถพี่หมอหน่อยสำหรับทริปนั่งรถไม้ ก็เป็นการทำการบ้านของเจ๊ใหม่บอกว่า "ถ้าไม่ได้นั่งรถไม้เรามาไม่ถึงระนองนะ "คนต้นคิดเรื่องนั่งรถไม้ระนองและเรามองว่าคลาสสิคดีสนุกไปอีกแบบวันนี้แบบว่าเค้าจะพาไปไหนเราไปหมด เราไปฟรี 555555+ ภูเขาหญ้าระนอง...สถานที่ต้องห้ามพลาดพี่หมอหน่อยบอกว่า เอาเลยน้องพี่ไม่ถือลูกค้าพี่อยากทำอะไรกับรถพี่ได้หมด อือหืออออออ พอภาพออกมาแล้วแบบโคตรชอบ..... รถไม้แบบคลาสสิคกับพื้นหลังที่เป็นภูเขาหญ้า เข้ากันมากกกเราว่าถ้ามาระนองแล้วไม่ได้ถ่ายรูปแบบนี้นะ เราว่าน่าเสียดาย รู้สึกขอบคุณพี่หมอหน่อยมาก ๆ พี่หมอหน่อยแกเล่าว่าแกออกจากงานเดิมมาเพื่อ มาขับรถเพราะความชอบส่วนตัวซื้อรถไม้มาเพื่อรับนักท่องเที่ยว แกมีความสุขที่ได้พาคนอื่นเที่ยวชอบพบปะผู้คนทำให้รู้สึกไม่เหงาและมีเพื่อนเยอะ วัดหงาว จ.ระนอง อีกสถานที่ที่ห้ามพลาด ซึ่งมีพระพุทธรูปดีบุกที่ใหญ่ที่สุดในโลก เจ๊ใหม่กับพี่หมอหน่อยของเราหลังจากที่เราเที่ยวระนองกันแบบออกอรรถรส ก็ได้เวลาอำลาเมืองระนองเพื่อเดินทางกลับสู่ จ.ชุมพร คืนนี้เราสองคนต้องนอน ตัวเมือง จ.ชุมพร เนื่องจากพรุ่งนี้เราต้องขึ้นเครื่องกลับแต่เช้า เราสองคนเดินทางกลับสู่ จ.ชุมพร โดยใช้เวลา 2.30 ชั่วโมง ใช้เส้นทางเดิมผ่าน อ.ทับหลี เพื่อเดินทางไปเขามัทรี ซึ่งเป็นจุดชมวิวของ จ.ชุมพร การเดินทางขึ้นเขามัทรีค่อนข้างชันและทางค่อนข้างแคบต้องใช้ความระมัดระวังในการเดินทาง แต่เนื่องจากเราเดินทางมาจากจังหวัดทางภาคเหนือ เส้นทางขึ้นเขามัทรีจะคล้ายคลึงกับการเดินทางขึ้นเขาจังหวัดเราและจังหวัดใกล้เคียง เราจึงค่อนข้างชินกับการขับรถ แต่สิ่งสำคัญคือการไม่ประมาทจะดีที่สุด กาแฟหลักสิบ วิวหลักล้าน ณ เขามัทรีปลดปล่อยใจไปกับบรรยากาศวิวข้างหน้าเราที่มองด้วยตาเราเองสวยกว่าในภาพอีกเป็นร้อย ๆ เท่า ซึ่งไม่สามารถบรรยายเป็นคำพูดได้หมด อย่างที่เขาว่ากันว่าการออกเดินทางท่องเที่ยวก็เหมือนกับการชาร์ตพลังให้ร่างกาย วันนี้เราสองคนชาร์ตพลังกับ จ.ระนอง และจ.ชุมพร ได้เต็มอิ่ม มีแรงกลับไปต่อสู้กับหน้าที่การงานได้อีกหลายเดือน ได้เวลาเดินทางกลับจากเขามัทรีเราก็เดินทางสู่ที่พักตัวเมืองชุมพร ซึ่งหาไม่ยากเลยเพราะที่พักชุมพรเยอะมากและไม่แพงอีกด้วย เมืองเล็ก ๆ ที่มีมนต์เสน่ห์ให้น่าหลงไหลอีกเมืองหนึ่งของภาคใต้ ภารกิจวันที่ 4 เดินทางกลับจากชุมพรสู่สนามบินดอนเมืองโดยสายการบินแอร์เอเชีย 09.10 น.-10.30 น.และออกจากที่พัก 07.00 น. เนื่องจากเราต้องมาทำเรื่องคืนรถและเติมน้ำมันให้เต็มถังเหมือนเดิม **สรุปทริปนี้เราใช้เงินไปกับทานอาหาร ที่พัก ส่วนตัว เที่ยว เช่ารถ น้ำมัน รวมตั๋วเครื่องบิน 4 ไฟล์ เชียงราย-ดอนเมือง-ชุมพร ไปกลับ 11,000 บาทโดยประมาณ เกินงบกันมาคนละ 1,000 บาทโดยเราจะเสียเงินไปกับการทานอาหาร ทานขนม ซะส่วนใหญ่ เราจึงเรียกชื่อทริปนี้อีกชื่อว่า ทริปตัวแตก..ระนองเคยลองหรือยัง ? บ๊าย บาย..ชุมพร เราสัญญาว่าจะกลับมาอีกหลาย ๆ รอบ รักน้าาาาา .....**คิดถึงก่อนมีโควิดเนอะ ถ้าตอนนี้ไม่มีโควิด หน้าร้อนปีนี้เราคงได้ไปนอนโง่ ๆ ริมทะเลที่ไหนสักแห่ง** "ภาพประกอบทั้งหมด โดยผู้เขียน"By Sensitivearea