จากเกาะภูเก็ต สู่เกาะมะพร้าว กับเรื่องราวที่แสนน่าจดจำ... ขอบคุณภาพ จาก Google Map ผู้เขียนเกริ่นนำชื่อเรื่อง ถึงเกาะมะพร้าว เชื่อว่าคนภูเก็ตหลายท่านยังไม่รู้จักและไม่เคยได้ขึ้นไปสัมผัสผืนแผ่นดินแห่งนี้ ผู้เขียนเองก็เป็นครั้งแรกเลยที่ได้ย่างกรายขึ้นไปเหยียบบนเกาะมะพร้าวแห่งนี้ ก่อนอื่นผู้เเขียนขอเล่าให้ฟังสักนิดว่าทำไมถึงได้รู้จักเกาะมะพร้าวแห่งนี้ อย่างที่หลาย ๆ บทความที่ผู้เขียนได้เขียนเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้เดินทางไปในวันหยุดในการแสวงหาแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ๆ ในการพักผ่อนและเก็บภาพ เพราะผู้เขียนชอบรักในการถ่ายภาพ โดยเฉพาะภาพวิว สถานที่ ภูเขา ทะเล ประมาณนี้ เมื่ออาทิตย์ก่อนผู้เขียนได้แวะไปถ่ายภาพท่าเรือแหลมหิน ภาพโดย : ผู้เขียน ระหว่างที่ผู้เขียนถ่ายภาพอยู่นั้น ก้ได้เข้าไปพูดคุยกับชาวบ้านที่ได้มาพักผ่อน ตกปลา หว่านแห บริเวณท่าเรือ เพราะสงสัยว่า เกาะที่เห็นอยู่ไม่ไกล เห็นมีเรือจากท่าเรือนี้บรรทุกคนข้ามไปมาอยู่ เป็นเกาะอะไร เพราะไม่เคยรู้หรือมีข้อมูลมาก่อนเลย เพิ่งจะทราบจากปากชาวบ้านนี่ละว่า นั่นคือ เกาะพร้าว หรือ เกาะมะพร้าว ผู้เขียนจึงถามว่าแล้วจะไปเกาะนั้นยังไง ด้วยเรือที่ไปจากท่านี้หรือเปล่า "ใช่ ขึ้นจากที่นี่ไป จะมีทั้งเรือโดยสาร กับเรือของโรงแรมที่คอยมารับส่งพนักงานและลูกค้าที่อยู่บนฝั่งภูเก็ตข้ามไปที่รีสอร์ทต่าง ๆ นั้น ๆ ด้วย ภาพโดย : ผู้เขียน เนื่องวันนั้นเราไม่มีแปลนที่จะไปกันต่อ เราอยู่ที่ท่าเรือชมบรรยากาศกันไปสักพักก็เดินทางกลับที่พักกัน แต่ในใจของผู้เขียนนั้น นึกไว้แล้วว่าวันหยุดนี้จะต้องข้ามทะเลไปที่เกาะมะพร้าวนั้นให้ได้ อยากรู้จริง ๆ ว่าที่นั่นจะมีอะไรให้ได้ชมกันบ้าง และแล้ววันหยุดที่เรารอคอยก็มาถึง วันนี้ผู้เขียนจัดเตรียมอุปกรณ์ถ่ายภาพ กล้อง เลนส์ แบตเตอรรี่ ใส่กระเป๋าอย่างพร้อม แล้วออกเดินทางกันไปยังท่าเรือแต่เช้า เพื่อหาข้อมูลข้ามไปยังเกาะมะพร้าวในทริปวันนี้ให้ได้ แต่ก่อนที่เราจะถึงท่าเรือ เราได้แวะกินข้าวเช้าเติมพลังกันก่อนด้วยราดหน้าผักสักจานสองจาน เมื่ออิ่มกายสบายท้องกันแล้วจึงเดินทางกันต่อถึงท่าเรือ หาที่ฝากรถมอเตอร์ไชด์ สักวันหนึ่ง ซึ่งบริเวณท่าเรือก็มีให้บริการฝากรถอยู่แล้ว จากนั้นเราเข้าไปติดต่อเพื่อซื้อตั๋วเรือข้ามไปเกาะมะพร้าว เมื่อถามเจ้าหน้าที่ได้ความว่า ค่าโดยสารท่านละ 20 บาท นะ เราตกใจทำไมถูกจัง แต่ในขณะที่เรากำลังจะซื้อตั๋วได้เจอกับพี่ที่รู้จักท่านหนึ่ง ท่านทำงานอยู่ที่เกาะมะพร้าว ได้ทักทายกันสักพัก พี่คนนี้ก็อาสาออกค่าตั๋วเรือให้เราทั้งหมด พร้อมทั้งชวนพวกเราไปเที่ยวยังที่ทำงานด้วย แต่เนื่องจากไม่อยู่ในแผนที่เราจะไปได้จึงปฏิเสธที่จะไปเยี่ยมที่ทำงานพี่เขา แต่ไม่ปฏิเสธที่พี่เขาจะออกค่าตั๋วข้ามฝั่งให้ เมื่อเรือเทียบท่า เราและพี่ที่รู้จักได้ลงเรือกันระหว่างเรือแล่นไป เราก็ได้ซักถามสารทุกข์สุขดิบ การทำงาน ทีท่องเที่ยวบนเกาะแห่งนี้คร่าว ๆ พูดกันยังไม่ทันรู้เรื่อง เรือก็มาถึงท่าเทียบเรือบบ้านเกาะมะพร้าวเรียบร้อยแล้ว เร็วจริง ๆ ไม่ถึง 5 นาทีเลยนะนี่ ภาพโดย : ผู้เขียน เมื่อขึ้นจากเรือ ต่างคนต่างร่ำลากัน พี่เขาได้แยกเดินทางไปกับรถของที่ทำงานที่เดินทางมารับ ส่วนเรา ไม่รู้จะไปทางไหน เพราะบนเกาะนี้ไม่มีรถโดยสาร ไม่มีมอเตอร์ไชด์หรือแท็กซี่ ตุ๊ก ๆ รับจ้าง เราจึงตัดสินใจเดินสิครับ รออะไร เดินออกจากท่าเรือ ไปไม่ถึง 100 เมตร ต้องหยุดแล้วกลับมานั่งคิดกันใหม่ที่ท่าเรือ คิดกันใหม่ว่า ทั้งเกาะเราคงเดินไปไม่รอดแน่ แดดก็ร้อนขนาดนี้ พื้นที่เราก้ยังไม่เคยรู้จัก สงสัยทริปนี้จะจบแค่นี้ สงสัยต้องได้นั่งเรือกลับเกาะภูเก็ตแบบสูญเปล่าแน่ ๆ ทันใดนั้น พลันสายตาเหลือบไปเห็น ข้อความเขียนด้วยปากกาเมจิกที่ข่ือไม้ของศาลาที่ท่าเรือ เขียนว่า บังฝาด บริการนำเที่ยว พร้อมเบอร์โทร ผู้เขียนรู้สึกมีความหวังขึ้นมาในทันทีทันใด รีบยกมือถือกดโทรไปตามเบอร์ที่เขียนไว้ เมื่อปลายสายรับ เราได้รับการยืนยันว่า บังฝาดจะมารับพวกเรา พาเที่ยวชมเกาะโดยคิดราคาคนละ 100 บาท เราตอบตกลง รอไม่นาน บังฝาดก็มาพร้อมรถ คล้าย ๆ รถมอเตอร์ไชด์พ่วงข้างแต่มีหลังคา ภาพโดย : ผู้เขียน บังฝาด เป็นลุงที่มีอายุมากแล้วแต่ท่านดูแข็งแรง เพราะเป็นชาวบ้านที่ทำการประมง และท่านดูใจดีกับพวกเรามาก ๆ จุดแรกที่ท่านพาไปเยี่ยมชมคือ บ้านของชาวบ้านที่อาศัยริมทะเล ติดกับท่าเรือเล็ก ๆ ของชาวบ้าน ลักษณะบ้านจะมีเสาเป็นปูนคอนกรีต ตัวบ้านเป็นบ้านไม้ชั้นเดียว อยู่กันแบบเรียบง่าย เท่าที่ดูบนเกาะแห่งนี้พี่น้องส่วนใหญ่จะเป็นชาวมุสลิม ภาพโดย : ผู้เขียน เมื่อชมได้สักพัก บังฝาดได้พาพวกเราไปอีกฟากของเกาะ เพื่อชมชายหาด เนื่องจากเกาะมะพร้าวเป็นเกาะไม่ใหญ่มากนัก จากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่งจึงใช้เวลาไม่นานนัก เส้นทางที่ไปจะผ่านโรงเรียนบ้านเกาะมะพร้าว ผ่านป้ายบ้านหินลูกเดียว เพราะป้ายนี้ละ ชวนให้ผู้เขียนสงสัย ทำไมชื่อ หินลูกเดียว ผู้เขียนเลยตะโกนถามบังฝาด ที่จริงไม่อยากตะโกนถามเพราะเสียมารยาทกับผู้ใหญ่ แต่ด้วยเสียงของรถเครื่องของลุงและเสียงเพลงพื้นบ้านจากวิทยุ AM/FM ที่บังฝาดติดไว้หน้ารถดังแข่งกัน กลัวว่าท่านจะไม่ได้ยินที่เราถาม แต่ท่านก็ได้ยินและตอบว่า ข้างหน้าจะเป็นคำตอบ อยู่ซ้ายมือนะ ผู้เขียนก็เตรียมกล้องไว้เลยทีเดียว เมื่อบังฝาดแกชี้ให้ดู ก็รีบถ่ายภาพไว้ทันที จากภาพที่เห็นนั่นคือ เป็นก้อนหินก้อนเดียวก้อนใหญ่โตมาก จึงเป็นที่มาของ บ้านหินก้อนเดียว ภาพโดย : ผู้เขียน ผ่านความสงสัยของบ้านหินก้อนเดียวเรียบร้อยแล้ว ไม่นานเราก็มาถึงชายหาด ที่อยู่ติดกับ โรงแรมจินดาริน บีช รีสอร์ท โรงแรมนี้อยู่ในทำเลหน้าชายหาดเลย เป็นรีสอร์ทที่สวยงามมาก ๆ เราเลยขอถ่ายภาพเก็บไว้สักหน่อยเผื่อมีโอกาสได้มาพักในวันข้างหน้า ถ้าราคาไม่แพงนะ อย่างหลังนี่ละทำให้ต้องคิดกันให้หนัก ฮ่า ๆ ภาพโดย : ผู้เขียน ผู้เขียนขอเวลาบังฝาดสักพัก เพื่อเดินลัดเลาะไปตามชายหาดเพื่อชมความงดงามและถ่ายรูปสวย ๆ เก็บไว้ เพราะอาจจะครั้งเดียวในชีวิตที่ได้มา และไม่รู้จะได้มาอีกหรือเปล่า น้ำทะเลกำลังลง ทำให้เราได้เห็นเรือที่เกยตื้นอยู่ริมชายหาด หากมองออกไปไกล ๆ ที่มีแนวสีเขียว ๆ และ แนวทิวเขายาว ๆ สลับกันอยู่นั้น คือ เกาะภูเก็ตที่เรามา ช่างเป็นภาพที่สวยงามมากทีเดียว อากาศร้อนนะ แต่เราถ่ายภาพ ชมบรรยากาศ ทั้งสนุก ทั้งเพลินจนลืมร้อนกันไปเลยทีเดียว รีบไปต่อกันดีกว่า ภาพโดย : ผู้เขียน เมื่อได้ภาพที่เพียงพอแล้ว จึงกลับมาขึ้นรถ บังฝาดท่านบอกว่าเดี๋ยวจะพาไปต่ออีกฟากหนึ่งสวยไม่แพ้กันเลยละ ขณะรถแล่นไป ลมเย็น ๆ โชยมา พร้อมกับเสียงเพลงที่ดังออกมาจากวิทยุของบัง ไม่มีบรรยากาศแบบนี้หาได้จากที่ไหนอีกแล้ว ไม่นานเราก็มาถึงอีกชายหาดหนึ่ง มาชมภาพกันเลยครับ ชายหาดฝั่งนี้บังฝาดบอกว่า จะมีท่าเรือที่เราเห็นอยู่ไกล ๆ ท่าเรือนี้สามารถเดินทางต่อไปยังเกาะต่าง ๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นเกาะรังใหญ่ เกาะยาวใหญ่ เกาะยาวน้อย หรือหมู่เกาะพีพี ภาพโดย : ผู้เขียน จริง ๆ แล้วชายหาดฝั่งนี้จะติดกับโรงแรม The Village Coconut Island เป็นโรงแรมสุดหรูบนเกาะมะพร้าวเลยก็ว่าได้ บังฝาดจะพาเราเข้าไปชมบางส่วนของโรงแรม ก่อนที่เราจะกลับไปยังท่าเรือเพื่อปิดทริปนี้กัน ผู้เขียนถ่ายภาพได้เฉพาะในส่วนของถนนภายในโรงแรมนะครับ เพราะเราแค่ผ่านเส้นทางนี้ออกไปสู่ท่าเรือเท่านั้น ภาพโดย : ผู้เขียน จากท่าเรือบ้านเกาะมะพร้าว-ชายหาดจินดาริน บีช รีสอร์ท-ชายหาด The Vallage Coconut Island ที่บังฝาดพาพวกเรามาเยี่ยมชม ใช้เวลาไม่นานมากนักแต่ก็ถือว่าได้ทำตามที่ผู้เขียนต้องการอยากรู้อยากทราบอยากเห็นเกี่ยวกับเกาะมะพร้าวแห่งนี้และที่หายสงสัยอีกประการคือ ชื่อของเกาะ ว่าทำไมถึงชื่อว่าเกาะมะพร้าว ก็เพราะว่าบนเกาะไปตรงไหนเราก็จะได้เห็นได้เจอแต่ต้นมะพร้าวกันเยอะแยะทีเดียว ภาพโดย : ผู้เขียน เราไม่อยู่กันนาน ก็ต้องรีบเดินทางกลับมาที่ท่าเรือ เพราะบังฝาดท่านต้องใช้รถไปรับส่งผู้โดยสารที่ข้ามมาจากฝั่งภูเก็ตต่ออีก สรุปทริปสำหรับวันนี้ ผู้เขียน รู้สึกมีความสุขและประทับใจในการดูแลของบังฝาดเป็นอย่างมาก ถ้าไม่มีท่าน ภารกิจทัวร์เกาะมะพร้าวในวันนี้ของผู้เขียนคงล้มเลิกตั้งแต่อยู่ท่าเรือนั้นแล้ว ตลอดเวลาที่บังฝาดขับรถพาเราตระเวณไปตามที่ต่าง ๆ ผู้เขียนจะได้เห็นรอยยิ้มของแกตลอดเวลา และคำบรรยายให้ได้ยินได้ฟังเกี่ยวกับหลาย ๆ สิ่ง หลาย ๆ อย่างของคนบนเกาะนี้ การตัดสินใจมาออกทริปวันนี้ถือว่าประสบความสำเร็จและคุ้มค่ากับการที่ไม่ท้อถอยเสียก่อน ลาก่อนครับบังฝาด ลาก่อนเกาะมะพร้าว โอกาสหน้าถ้ามี คงได้มาเยือนอีกครั้งนะครับ ขอจบทริปนี้ด้วยรูปรอยยิ้มของบังฝาดที่ท่านเอารถมารับส่งคนที่ท่าเรือ สังเกตรอยยิ้มของท่านนะครับ ขอฝากเบอร์สำหรับติดต่อรถรับจ้างนำเที่ยวเกาะมะพร้าวของบังฝาด 084-889-2990 และมีความสุขไปกับทริปนี้ด้วยกันนะครับ อย่าลืมติดตามบทความอื่น ๆ ของพ่อน้องน้ำมนต์ด้วยครับ ขอบคุณครับ