สุดยอด 9 สถานที่ เทพนิยาย ที่มีอยู่จริงบนผืนโลก
เชื่อว่าในวัยเด็ก ทุกคนคงสนุกสนานกับโลกในจินตนาการ ซึ่งในความเป็นจริงบนผืนโลกใบนี้มีสถานที่แปลกๆ ที่ปรากฎอยู่ในเทพนิยายนั้นจริงๆ ค่ะ ดั่งที่เราเห็นได้ในโลเกชั่นของภาพยนตร์หลายๆ เรื่อง และมันคงดีไม่น้อยหากเราได้สัมผัสและเห็นสถานที่ต่างๆ เหล่านั้นด้วยตาตนเอง…แต่ถึงตอนนี้ยังไม่สามารถก็ไม่เป็นไรค่ะ เพราะเราจัดมาให้ชมกันแล้ว
สุดยอด 9 สถานที่ เทพนิยาย ที่มีอยู่จริงบนผืนโลก
1. Socrota Island : เยเมน
Socotra หนึ่งในสถานที่ที่ห่างไกลที่สุดในโลก อยู่ในทะเลอาระเบียประมาณ 150 ไมล์ของแอฟริกา เกาะเป็นที่รู้จักของชาวอียิปต์โบราณ และมาร์โคโปโลก็เป็นผู้เขียนเรื่องราวเกี่ยวกับที่นี่ อย่างไรก็ตามที่นี่ยังคงสภาพเดิมอยู่ และมีประชากรเพียง 80,000 คน อีกทั้งยังไม่มีถนนลาดยางจนกระทั่งถึงปี 2007
นอกจากถ้ำ เกาะที่แปลกประหลาด และน้ำทะเลที่สวยงามแล้ว ความแห้งแล้งบนเกาะยังทำให้เกิดพืชพันธุ์ที่มีรูปทรงคล้ายมาจากต่างดาว มีงานวิจัยแสดงให้เห็นว่าประมาณ 33% ของพืชเหล่านี้ไม่สามารถพบได้ที่ใดในโลก และหนึ่งในสิ่งที่แปลกประหลาดที่สุด นับว่าเป็นสัญลักษณ์ของเกาะ Socrota ก็คือต้น Dragon Blood ที่มีรูปทรงเป็นร่มนั่นเอง
=======================
2. The Doorway to Hell : เติร์กเมนิสถาน
หลุมไฟแปลกประหลาดนี้มีชื่อเรียกว่า Door to Hell (ประตูสู่นรก) ตั้งอยู่กลางทะเลทราย Karakum มองเผินๆด้านหลังนั้นมันเหมือนประตูอันมืดมิดของมอร์ดอร์ (Mordor) ทั้งที่แท้จริงแล้วมันเป็นหลุมไฟที่เกิดขึ้นด้วยน้ำมือของนักธรณีวิทยาในปี 1971 และนับแต่นั้นก็เกิดการเผาไหม้มาตลอด…โดยนักวิทยาศาสตร์ของสหภาพโซเวียตค้นพบ และเชื่อว่ามีแหล่งน้ำมันขนาดใหญ่ จึงตั้งขึ้นแท่นขุดเจาะเพื่อแสวงหาก๊าซ แต่นั่นมันเป็นสิ่งที่ผิดพลาดอย่างมหันต์
พื้นดินทรุดตัวลงและแท่นขุดเจาะหายเข้าไปในปากปล่องภูเขาไฟกว้าง แต่ไม่มีผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์นั้น อย่างไรก็ตาม ปริมาณของก๊าซมีเทนได้กระจายตัวออกมาสร้างความเสี่ยงอย่างมากให้กับสภาพแวดล้อม และหมู่บ้านใกล้เคียง ในขณะที่พยายามจะระงับสถานการณ์ นักวิทยาศาสตร์จึงตัดสินใจปล่อยก๊าซมีเทนไปในหลุมไฟด้วยเชื่อว่ามันจะเผาไหม้ภายในไม่กี่วันเท่านั้น แต่ที่สุดแล้วกว่า 40 ปีต่อมามันก็ยังคงลุกไหม้อยู่เช่นนั้น…กลายเป็นประตูสู่นรกที่สร้างความตื่นตะลึงท่ามกลางทะเลทราย
- อ่านเพิ่มเติมได้ที่ ทัวร์นรก หลุมโลกันต์ดาร์วาซา Gateway to Hell แห่งเติร์กเมนิสถาน
=======================
3. Hobbiton : นิวซีแลนด์
Dmitri Ogleznev/Shutterstock.com
เมื่อพูดถึง Lord of the Rings คุณจะไม่พูดถึงฮ็อบบิทเป็นไปไม่ได้เลย…Matamata เมืองเล็กๆ ในนิวซีแลนด์เป็นโลเคชั่นสำหรับ Lord of the Rings ทั้ง 3 ภาค และทางรัฐบาลนิวซีแลนด์ได้ตัดสินใจให้หมู่บ้านฮ็อบบิทแห่งนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวอย่างเป็นทางการ
=======================
4. Cano Crystales แม่น้ำที่สวยงามที่สุดในโลก : โคลัมเบีย
ลึกเข้าไปในป่าของโคลัมเบียจะมีแม่น้ำสายเก่าแห่งหนึ่งที่ดูเหมือนแม่น้ำธรรมดาๆ หากแต่ในความเป็นจริงคุณสามารถข้ามแม่น้ำสายนี้ได้หลายร้อยครั้งต่อปี อย่างไรก็ตามถ้าเป็นช่วงฤดูฝนและฤดูแล้งจะเกิดปรากฎการณ์ประหลาดที่ทำให้คุณอาจจะตะลึงจนขากรรไกรค้างได้เลยว่า นี่ไม่ใช่ฝันไปใช่มั้ย นี่มันไม่ใช่ภาพหลอนใช่มั้ย
ปรากฏการณ์แปลกประหลาดนี้เกิดขึ้นโดยสาหร่ายหลากสีสันที่อยู่ด้านล่างของแม่น้ำพากันพลิ้วไสว อย่างสวยงาม ซึ่งเป็นปรากฎการณ์ทางชีวภาพที่ไม่ซ้ำกัน ทำให้ Cano Crystales ถูกขนานนามว่า “แม่น้ำห้าสี”, “แม่น้ำแห่งสรวงสวรรค์” และ “แม่น้ำที่สวยที่สุดในโลก”
=======================
5. Igloo Village : ฟินแลนด์
source : inhabitat.com
Igloo Village มีเอกลักษณ์อยู่ที่เพดานกระจก และยิ่งตอนที่หิมะตกจะเป็นหนึ่งในความมหัศจรรย์มากที่สุดของรีสอร์ทในโลกนี้ ผู้เข้าพักจะได้สัมผัสกับความสงบสุขในการนอนหลับบนเตียงอันแสนอบอุ่นท่ามกลางหิมะ
รูปนี้ถ่ายใน แลพแลนด์ (Lapland) ประเทศฟินแลนด์ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีว่ามีอุณหภูมิต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง ต้นไม้ใบหญ้าถูกปกคลุมไปด้วยเกร็ดน้ำแข็ง และมีเสียงร่ำลือถึงความน่าสะพรึงกลัวว่า มีคนถูกแช่แข็งอยู่ใต้กองเกร็ดน้ำแข็งนั้นด้วย
=======================
6. Neuschwanstein ปราสาทซินเดอเรลล่า : เยอรมัน
พระราชวังสมัยศตวรรษที่ 19 ตั้งอยู่บนเนินเขาขรุขระทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของบาวาเรีย ประเทศเยอรมัน มีลักษณะเหมือนปราสาทในเทพนิยาย พระราชวังแห่งนี้เปิดให้ประชาชนเข้าชม และเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์หลายต่อหลายเรื่อง และแม้จะเป็นปราสาทยุคกลางของลุดวิก (Ludwig) แต่ก็มีเทคโนโลยีทันสมัย ทั้งห้องน้ำแสนสะอาด มีน้ำร้อน น้ำเย็น กันเลยทีเดียวค่ะ
=======================
7. The Temple Cave : เกาะบอร์เนียว ประเทศอินโดนีเซีย
เกาะบอร์เนียวเป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นสถานที่สุดอะเมซิ่ง และมีถ้ำหินปูนขนาดใหญ่ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ ถ้ำบาตู (Batu Cave) ตั้งชื่อตามแม่น้ำบาตูที่ไหลผ่านเนินเขา หากเดินไปจนถึงใจกลางของภูเขา คุณจะได้พบกับวิหารสุดลึกลับของวัดฮินดู ที่ดูเหมือนว่าจะหลุดออกมาจากภาพยนตร์เรื่ออินเดียน่าโจนส์เลยล่ะ
=======================
8. The Crooked Forrest : โปแลนด์
เมืองใน New Czarnowa ประเทศโปแลนด์ ป่าสุดแสนประหลาดที่เต็มไปด้วยต้นสนขนาดใหญ่ที่มีส่วนล่างของลำต้นโค้งเข้าด้านใน ลำต้นของต้นสนเหล่านี้จะเริ่มโค้งเข้าก่อนที่มันจะเติบโตขึ้นตามปกติ นอกจากนี้ยังมีความลี้ลับบางอย่างที่ทำให้คุณไม่อยากจะติดอยู่ในป่าแห่งนี้ยามค่ำคืนอีกด้วย
=======================
9. Majlis al Jinn, the Cave of Wonders : โอมาน
Majlis al Jinn ถ้ำอาละดินที่สามารถเห็นได้จริง สุดแสนมหัศจรรย์กับถ้ำที่แบ่งออกเป็นสองห้องใหญ่ที่สุดในโลก และสามารถผ่านเข้าไปในช่องเล็กๆได้ หรือจะหากจะท้าทายความกลัวในใจด้วยการห้อยตัวลงมาในความสูงประมาณ 150 เมตร ก็วัดใจกันได้เลย
====================
ตามติดเทรนด์เที่ยว อัพเดทที่พักสวย
แชร์ทริปสุดชิล โพสต์ภาพสุดปัง ของคุณได้แล้วที่ แอปทรูไอดี
คลิกเลย >> TrueID Travel Community <<