นครพนมเป็นอีกเมืองหนึ่งที่บรรยากาศดีมาก เพราะอยู่ติดริมแม่น้ำโขง คนเมืองนี้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่น่าอิจฉา ตื่นเช้ามาก็ปั่นจักรยานเลาะริมโขง หรือออกกำลังกายด้วยการเดิน วิ่ง เต้นแอโรบิค ท่ามกลางอากาศบริสุทธิ์ มาพร้อมกับพระอาทิตย์ขึ้นสวยๆ ยามเช้า ถนนบางจุดไม่มีสายไฟระโยงระยางให้รำคาญสายตา ถามว่านอกจากเดินชมแม่น้ำโขงยามเช้าและยามเย็น เรายังท่องเที่ยวที่ไหนได้อีกบ้างในบริเวณริมโขงเช่นนี้ มีค่ะ และทุกจุดก็ล้วนอยู่เลียบแม่น้ำโขงทั้งสิ้น เราจะยกมาบางที่ที่น่าสนใจและเป็นหมุดเด่นๆ ของเมืองนี้ บ้านลุงโฮ แม้บ้านลุงโฮจะไม่ได้อยู่ริมโขง แต่เป็นหมุดที่ไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง เพราะบ้านหลังนี้คือประวัติศาสตร์อันสำคัญสำหรับเมืองนครพนม ในยุคของสงครามอินโดจีนและสงครามเวียดนาม โดยเฉพาะในชุมชนบ้านนาจอก ต.หนองญาติ อ.เมืองนครพนม ซึ่ง ณ สถานที่แห่งนี้ ในอดีตเคยเป็นสถานที่อดีตประธานาธิบดี โฮ จิ มินห์ แห่งเวียดนาม ได้เดินทางลี้ภัยเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารในประเทศไทยนานถึง 7 ปี ระหว่างปี พ.ศ.2466 - 2472 มีการใช้พื้นที่ดังกล่าวเป็นศูนย์ประสานงาน วางแผนการกอบกู้เอกราชจากฝรั่งเศส บ้านที่เคยเป็นที่พักของท่านเป็นบ้านสวนแบบโบราณ ชั้นเดียว ภายในบ้านมีสามห้อง ห้องนอนสองห้องและห้องโถงอีกหนึ่งห้อง บ้านลุงโฮเปิดทำการทุกวัน เวลา 08.30 - 16.30 ไม่เสียค่าเข้าชม พิพิธภัณฑ์ จวนผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม (หลังเก่า) ต.ในเมือง อ.เมืองนครพนม ลักษณะเป็นอาคารสองชั้น สไตล์โคโลเนียล ซึ่งได้รับอิทธิพลรูปแบบการก่อสร้างจากฝรั่งเศส ช่วงสมัยสงครามอินโดจีน ผังอาคารเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าแบบสมมาตร มีมุขตอนกลางเพื่อใช้เป็นทางเข้า โครงสร้างอาคารใช้ผนังและเสารับน้ำหนัก หลังคาทรงจั่วมุงกระเบื้อง เครื่องไม้ที่ใช้ก่อสร้างเป็นไม้ตะเคียนทั้งหมด อาคารตกแต่งด้วยบัวปูนปั้นรอบกรอบซุ้มโค้งเหนือประตูและหน้าต่าง พื้นชั้นล่างปูกระเบื้องซีเมนต์ลาย ชั้นบนปูไม้กระดานเข้าลิ้น จวนผู้ว่าหลังเก่านี้ได้ถูกสร้างขึ้นในปี พ.ศ.2455 - 2457 สมัยพระยาพนมนครานุรักษ์ (อุ้ย นาครทรรพ) ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมคนแรก ช่างควบคุมการก่อสร้างเป็นช่างชาวญวน ชื่อ นายกูบา เจริญ เป็นการสร้างแบบไม่มีเสา ใช้วิธีการเข้าเดือยไม้ทั้งหลัง ไม่มีการตอกตะปูแม้แต่ตัวเดียว ต่อมาในปี พ.ศ.2468 พระยาพนมนครานุรักษ์ ได้ดำรงตำแหน่งสมุหเทศาภิบาล จึงขายจวนหลังนี้ให้กับกระทรวงมหาดไทยเพื่อใช้เป็นที่พักของผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ขายเป็นเงิน 20,000 บาท ปัจจุบันภายในอาคารจัดแสดงเกี่ยวกับนิทรรศการ "ภาพเล่าเรื่อง" ในอดีตของเมืองนครพนม และจวนผู้ว่าแห่งนี้ยังเคยเป็นที่ประทับแรมของล้นเกล้า รัชกาลที่ 9 เมื่อครั้งเสด็จประพาส จ.นครพนม อีกด้วย จวนผู้ว่าเปิดทำการ วันพุธ - วันอาทิตย์ 9.00 – 17.00 ปิดทำการวันจันทร์ / อังคาร / วันสงกรานต์ รองอาสนวิหารนักบุญอันนา หนองแสง ตั้งอยู่ที่ ตำบลในเมือง อำเภอเมืองนครพนม ริมถนนสุนทรวิจิตร ซึ่งเป็นถนนเรียบริมฝั่งแม่น้ำโขง ก่อสร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1926 โดยบาทหลวงเอดัวร์ นำลาภ (อธิการโบสถ์) โบสถ์มีลักษณะเป็นหอคอยคู่ มียอดแหลมสูงเด่นเป็นสง่า เป็นสัญลักษณ์ของเมืองที่มีคนหลายเชื้อชาติอาศัยอยู่รวมกัน ไม่ว่าจะเป็น คนญวน คนไทย คนจีน หรือคนลาว เดิมทีด้านข้างของตัวอาคารเป็นโบสถ์ประกอบพิธีทางศาสนา แต่ในสมัยกรณีพิพาทอินโดจีน ฝรั่งเศสได้ทิ้งระเบิดถล่มเมืองนครพนม ทำให้โบสถ์พังเสียหาย ต่อมาจึงมีการสร้างโบสถ์หลังใหม่ใกล้เคียงกับหลังเดิม เพื่อใช้ประกอบพิธีทางศาสนาของชาวคริสต์สืบต่อมาจนถึงปัจจุบัน สวนชมโขง ตั้งอยู่บน ถนนอภิบาลบัญชา ในเขตเทศบาลเมืองนครพนม อยู่ฝั่งตรงข้ามกับศาลากลางจังหวัดนครพนม บริเวณสวนนี้ เดิมทีเป็นเรือนจำเก่าที่ก่อสร้างมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2447 เรือนจำแห่งนี้ได้ปิดการใช้งานไปเมื่อปี พ.ศ.2543 เพราะความเก่าแก่และแออัดเกินไป ปัจจุบันได้ปรับพื้นที่เป็นสวนสาธารณะและปรับห้องขังเป็นพิพิธภัณฑ์ จัดแสดงเกี่ยวกับชีวิตนักโทษที่ถูกจองจำซึ่งเป็นหุ่นจำลองขนาดเท่าตัวคนจริงๆ ปัจจุบันเหลือเพียงซากกำแพงเรือนจำบางส่วนที่รอดจากการทุบทำลาย ทั้งที่โครงสร้างของเรือนจำส่วนใหญ่ยังมีสภาพดีอยู่ เหลือทิ้งให้ดูต่างหน้าเพียงน้อยนิดเท่านี้ และนี่คือบางส่วนของแหล่งท่องเที่ยวในตัวเมืองนครพนม ความจริงยังมีอีกหลายจุดที่น่าไป แต่คงไม่สามารถจะหยิบมาวางไว้ ณ ที่นี่ได้หมด แต่เชื่อเถอะว่าสถานที่เหล่านี้มันจะเป็นแรงบันดาลใจให้คนที่ชอบเมืองสงบแบบนี้ เดินทางมาถึงถิ่นและพร้อมที่จะแสวงหาจุดท่องเที่ยวด้วยตัวเอง และนั่นคือเสน่ห์ของการเดินทาง การเดินทางที่เราออกแบบได้ด้วยตัวเราเอง กำหนดเส้นทางของตนเอง และความสุขในการเดินทางมิได้อยู่ที่จุดหมายปลายทาง แต่เรื่องราวระหว่างทางต่างหากคือความสุขที่แท้จริงของนักเดินทางทุกคน ปล.ภาพทุกภาพในรีวิวนี้ถ่ายโดย เอ๋จัง ลากแตะ