ทริปนี้ผู้เขียนจะพาทุกท่านขึ้นไปภาคเหนือกัน จังหวัดที่เป็นประตูเมืองอาณาจักรล้านนา บอกเลยว่าถึงจะเป็นเมืองรอง เมืองเล็ก ๆ แต่ห้ามพลาด! ถ้าท่านชอบบรรยากาศสบายๆ เรียบง่าย ผู้เขียนขอแนะนำจังหวัดแพร่เลยค่ะ วันนี้เราจะพาทุกท่านไปเที่ยวจังหวัดแพร่แบบง่าย ๆ ชิล ๆ พร้อมถ่ายรูปชิก ๆ กลับบ้าน ถ้าอยากรู้ว่าเราจะพาไปที่ไหนบ้าง ตามมาดูเลย!แน่นอนว่ามาแพร่ หลาย ๆ คนคงนึกถึงแพะเมืองผี หรือ วนอุทยานแพะเมืองผี นั่นเองค่ะ เรียกได้ว่าเป็นอะไรที่สวยและแปลกตามาก สถานที่ท่องเที่ยวนี้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ เป็นลักษณะของหินทรายและดินที่ถูกกัดเซาะจนเกิดเป็นอย่างที่ภาพทางด้านล่างค่ะ แล้วสงสัยกันใช่ไหมละคะ? ว่าทำไมเขาถึงเรียกกันว่าแพะเมืองผี ชื่อนี้มันจากภาษาพื้นเมืองค่ะ คำว่าแพะ แปลว่า ป่าแพะหรือป่าละเมาะ แล้วก็คำว่าเมืองผีเนี่ย เขาว่ากันว่าเกิดจากที่ชาวบ้านในสมัยนั้นเห็นว่าที่นี่มันเงียบ วังเวง และสภาพแวดล้อมดูน่ากลัวเร้นลับนั่นเอง มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับสถานที่นี้ด้วยนะ เป็นเรื่องที่เล่าสืบต่อกันมา ว่าเมื่อก่อนมียายแก่คนหนึ่ง ได้เดินเข้าป่าเพื่อหาอาหารแล้วก็หลงเข้าไปในที่แห่งนี้ และพบกับหลุมทอง ยายจึงนำทองใส่หาบจนเต็ม แล้วก็จะเดินกลับบ้าน แต่ทำอย่างไรก็ไม่สามารถออกจากที่นี่ได้ เพราะเทวดาเจ้าถิ่นท่านไม่ยอม ไม่ว่าจะทำอย่างไรยายก็ไม่สามารถเอาหาบที่เต็มไปด้วยทองออกไปได้เลย ยายจึงตัดสินใจทิ้งหาบแล้วก็ไปเรียกชาวบ้านมาดู แต่พอมาถึงก็พบว่าไม่มีอะไรเลยในหาบ เห็นแต่รอยเท้าเต็มไปหมด พอเดินตามรอยเท้าไปก็ไปหยุดที่เสาดิน ไม่มีรอยเท้าหรือรอยอะไรอีก ยายแก่และชาวบ้านจึงตั้งชื่อสถานที่นี้ว่าแพะเมืองผีเรื่องเล่านี้เป็นตำนานเล่าขานถึงความศักดิ์สิทธิ์ที่เต็มไปด้วยเรื่องลี้ลับ อันนี้ผู้เขียนเล่าแบบย่อ ๆ นะคะ ถ้าอยากรู้รายละเอียดมากกว่านี้ต้องไปฟังเองที่แพะเมืองผีได้เลยค่ะ นอกจากสนุกแล้วยังมีมุมถ่ายรูปชิก ๆ ให้ได้แชะภาพมีเยอะมาก จากนั้นเราไปสถานที่ต่อไปกันเลย!แน่นอนว่ามาแพร่ทั้งทีจะพลาดสิ่งที่เป็นของขึ้นชื่อไปได้อย่างไร ผู้เขียนจึงพาทุกท่านไปทำผ้าหม้อฮ่อมหรือผ้ามัดย้อมฮ่อมค่ะที่หมู่บ้านทุ่งโฮ้ง ซึ่งขึ้นชื่อมากในเรื่องการทำผ้าย้อมฮ่อม เพราะเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ส่งต่อสืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน จนกลายเป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดและยังได้รับคัดเลือกเป็นหมู่บ้านท่องเที่ยว OTOP เชิงหัตถกรรมคำว่าหม้อห้อมเป็นคำพื้นเมืองจากสองคำ คือคำว่า ม่อ (บ้างเขียน หม้อ) คือเป็นภาชนะที่ใช้บรรจุน้ำ และคำว่า ฮ่อม (บ้างเขียน ห้อม) ก็เป็นพืชล้มลุก ที่ชาวบ้านจะใช้ลำต้นและใบมาหมักตามวิธีของชาวบ้านที่สืบต่อกันมาจนเป็นสีกรมท่า แล้วจึงนำผ้าขาวไปย้อมจนกลายเป็นผ้าหม้อฮ่อม และยังสามารถสร้างลวดลาย ด้วยการมัด หนีบ และนำไปจุ่มกับคราม จนกลายเป็นลายผ้าสวยๆ ระหว่างรอผ้าย้อมแห้ง เราก็แว้บไปเที่ยวที่คุ้มเจ้าหลวงเมืองแพร่กันค่ะ ที่นี่เป็นอาคารสองชั้นเก่าแก่โบราณมากกว่า 100 ปี ซึ่งโด่งดังและโดดเด่นจากสถาปัตยกรรมไทย-ยุโรป เรียกว่าทรงขนมปังขิง และเป็นที่นิยมอย่างมากในสมัยใน ร. 5 หากทุกท่านเดินเข้าไปด้านในก็จะเห็นถึงความหรูหราคลาสสิก แอบกระซิบบอกว่าประตูหน้าต่างที่นี่มีชื่อด้วยนะ และมีเคล็ดว่าหากเดินประตู 31 และ 32 ที่มีชื่อว่า ตองตำใต้ เมื่อเดินผ่านจะพบกับชัยชนะค่ะภายในอาคารยังคงมีข้าวของเครื่องใช้ในอดีตที่อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ หากสังเกตดูที่พื้น จะเห็นว่ามีช่องสี่เหลี่ยมขนาดเล็กหลาย ๆ ช่องที่มันสามารถเปิด-ปิดได้ ช่องนั้นเป็นช่องไว้สำหรับสอดส่องและหย่อนอาหารให้แก่นักโทษค่ะ ใช่แล้วค่ะ! ในอาคารนี้มีคุกที่ไว้สำหรับคุมขังทาสที่ประพฤติผิด จนกระทั่ง ร.5 ทรงประกาศเลิกทาส คุกนี้เลยกลายเป็นคุกที่ขังนักโทษแทนเยี่ยมชมคุ้มเจ้าหลวงจนหนำใจแล้ว ผู้เขียนก็กลับไปที่หมู่บ้านทุ่งโฮ้งเพื่อพักผ่อน และเดินทางกลับกรุงเทพฯ ในวันพรุ่งนี้ แต่พรุ่งนี้ก่อนกลับเราก็แวะอีก 2 แห่งที่สำคัญกับเมืองแพร่และน่าเที่ยวไม่แพ้กันได้เวลาเดินทางแล้วค่ะ ที่แรกสำหรับวันนี้เรามาที่คุ้มสีชมพูและมีอายุกว่า 100 ปี นั่นคือ คุ้มวงศ์บุรี หรือบ้านสีชมพู คุ้มนี้เป็นอาคารทรงไทยที่ผสมผสานศิลปะยุโรปหรือทรงขนมปังขิงเหมือนคุ้มเจ้าหลวงเมืองแพร่ แตกต่างตรงที่ทาเป็นสีชมพูอ่อน เพราะเป็นสีโปรดของแม่เจ้าบัวถา ซึ่งเป็นชายาองค์แรกของเจ้าหลวง พิริยเทพวงศ์ เจ้าหลวงองค์สุดท้ายของเมืองแพร่ และจุดประสงค์ในการสร้างคุ้มวงศ์บุรีขึ้น คือ ใช้สำหรับเป็นเรือนหอของเจ้าสุนันตา ผู้เป็นบุตรีเจ้าบุรีรัตน์ กับหลวงพงษ์พิบูลย์ค่ะคุ้มนี้ใช้ถ่ายทำละครและภาพยนตร์มากมาย เลยอาจจะทำให้ใครหลาย ๆ ท่านคุ้นหน้าคุ้นตากับคุ้มหลังนี้บ้าง ซึ่งที่นี่ก็เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชม แต่ถ่ายรูปได้แค่บางห้องนะคะ ในคุ้มก็จัดแสดงความเป็นมา วิถีชีวิตของเจ้านายในสมัยนั้น โดยทุกอย่างก็ยังอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ จนผู้เขียนเองก็อยากให้ทุกท่านได้มาเห็นด้วยตัวเองว่าสวยขนาดไหน! ส่วนห้องสีฟ้าข้างล่าง เป็นห้องบรรทมของแม่เจ้าบัวถา ซึ่งประสูติในวันศุกร์ จึงทรงเลือกสีฟ้าในห้องนี้เดินต่อไปไม่ไกล ห่างกันเพียงแค่ 110 เมตรเท่านั้น ที่วัดพงษ์สุนันท์ เป็นวัดเก่าแก่ ซึ่งเมื่อก่อนวัดนี้เป็นวัดร้าง มีชื่อว่าวัดปงสนุก ต่อมาก็ได้มีการบูรณะวัดขึ้นมาใหม่ จึงเปลี่ยนชื่อมาเป็นวัดพงษ์สุนันท์ตามชื่อของเจ้าหลวงและแม่เจ้าในตอนนั้น ซึ่งคือหลวงพงษ์พิบูลย์และแม่เจ้าสุนันตานั่นเอง ภายในอุโบสถประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัยมีอายุมากกว่า 568 ปี! นามว่า พระเจ้าแสนสุขไว้ด้วย ในบริเวณวัดยังมีพระนอนองค์ใหญ่สีทองอร่ามตาประดิษฐานอยู่ และยังมีวิหารแก้วองค์พระธาตุเจดีย์ 108 ยอด ที่เป็นวิหารสีขาว ล้อมรอบด้วยลูกแก้วทั้งหมด 108 ลูก เมื่อทุกท่านมองลูกแก้ว ก็จะเห็นวิหารแก้วพระธาตุ เจดีย์ 108 ยอดกลับหัว สวยมากจนเกินคำจะบรรยายและที่พลาดไม่ได้นั่นคือ พระเจ้าทันใจ ท่าประทับยืนชี้นิ้ว มีความเชื่อว่าให้ขอพรจากท่านโดยให้หน้าผากของเราประชิดกับปลายนิ้วชี้ของท่าน และอธิษฐานกับท่านแล้วพรจะสมหวังค่ะจบทริปเมืองแพร่กันไปอย่างสวยงาม แต่เชื่อหรือไม่คะว่าตอนที่มาเขียนเล่าให้ทุกท่านได้อ่าน ตัวผู้เขียนเองยังนึกถึงช่วงเวลาที่ได้เที่ยวแพร่อยู่เลยละค่ะ นับว่าเป็นอีกทริปที่ตรึงใจผู้เขียนไม่แพ้ทริปไหนๆ และถึงจะเป็นเมืองรอง แต่ขอบอกเลยค่ะว่าที่เที่ยวเขาเยอะจริง ๆ ยังอดนึกเสียดายที่ไม่ได้ไปเที่ยวมามากกว่านี้ เอาเป็นว่าถ้ามาแพร่อีกจะเก็บให้ครบ เพราะเมืองแพร่น่าเที่ยวจนอยากชวนให้มากันเยอะ ๆ เลยเป็นยังไงกันบ้างคะ น่าสนใจใช่ไหม เพราะภาพและส่วนที่ผู้เขียนได้เขียนไป เป็นเพียงส่วนหนึ่งของสถานที่นั้น ๆ อยากให้ทุกท่านได้ลองไปกันนะคะ รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ และสำหรับลูกค้าทรูที่ต้องการมาเที่ยวเมืองแพร่ ผู้เขียนมีสิทธิพิเศษมาแนะนำค่ะ ที่โรงแรม ธาริส อาร์ท โฮเทล จังหวัดแพร่ เขาให้ส่วนลดห้องพัก Superior room ในราคาเพียง 750 บาทต่อห้องต่อคืน จากราคาปกติ 1,100 บาท คลิกเลย! รีบไปเที่ยวแพร่กันนะคะ ภาพถ่ายทุกภาพนักเขียนเป็นผู้ถ่ายเอง*STAR COVER"อย่ามัวแต่ดูมาดังกัน"* ทรูไอดีคอมมูนิตี้ ขอชวนทุกคนมาสนุกโคฟเวอร์ พร้อมลุ้นรับเงินรางวัลมูลค่ารวมกว่า 7,000 บาท (5 รางวัล) โคฟคนที่ใช่ ไลค์คนที่ชอบ`ร่วมสนุกได้ที่ ทรูไอดีคอมมูนิตี้ ห้อง cover บนแอปทรูไอดี`คลิกเลย >> https://ttid.co/UAnK/7y9jfqkqอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://bit.ly/3O1cmUQร่วมสนุกตั้งแต่วันที่ 10 มิถุนายน 2565 - วันที่ 3 สิงหาคม 2565