ตั้งแต่ตอนเด็กๆ ฉันมักจะเห็นเครื่องบินบินผ่าน1 ครั้งต่อเดือน ในแต่ละครั้งที่เครื่องบินบินผ่านนั้นฉันรู้สึกดีใจมาก พร้อมกับได้โบกมือทักทายทุกคนที่อยู่บนเครื่องบิน โดยหวังว่าคนเหล่านั้นจะสามารถมองเห็นฉันได้ นี่คือความคิดตั้งแต่ตอนเป็นเด็ก และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของความฝันที่อยากขึ้นเครื่องบิน เพราะอยากรู้ความรู้สึกว่าเป็นยังไงบ้าง ที่ผ่านมาตนเองเคยนั่งรถมอเตอร์ไซค์ รถยนต์ รถไฟและนั่งเรือมาแล้ว เหลือแค่อย่างเดียวที่ยังไม่นั่งคือ เครื่องบิน ภาพถ่ายจาก Pixabay ตอนนี้ฉันไม่มาทำงานที่เมืองใหญ่ในกรุงเทพมหานคร ผู้คนมากมายที่หลั่งไหลมาทำงานกันที่นี่ โอกาสนี้เป็นโอกาสที่สำคัญเพราะฉันจะได้ทำงาน เก็บเงิน เพื่อซื้อตั๋วขึ้นเครื่องบินครั้งแรกในชีวิต ช่วงที่จะกลับบ้านนั้นเป็นช่วงเดือนมกราคม ซึ่งวันหยุดของฉันที่จะกลับบ้านเพิ่งลาได้ช่วงกลางเดือนธันวาคม ตอนนั้นฉันคิดในใจ ขอให้ซื้อตั๋วเครื่องบินกลับบ้านได้ เมื่อคิดได้อย่างนั้นฉันจึงเข้าเว็บไซต์เพื่อค้นหาเที่ยวบินดอนเมืองไปจังหวัดอุบลราชธานี นี่คือบ้านเกิดของฉันเอง ทันทีที่เปิดเว็บไซต์ไปเห็นวันที่ในช่วงเดือนมกราคมและราคาเที่ยวบินที่น้อยที่สุด ฉันก็ต้องตกตะลึง ขอราคาเที่ยวบินพุ่งสูงมาก 3,000 บาทขึ้นไป ฉันคิดในใจ ฉันจะได้กลับบ้านไหมนะ ฉันจะได้ขึ้นเครื่องบินไหมนะ พอดูราคาเที่ยวบินในช่วงเดือนมกราคมแล้ว ฉันก็เลื่อนไปดูวันที่ช่วงกลางเดือน และช่วงปลายเดือน ฉันก็ต้องตกตะลึง เนื่องจากว่าราคาเครื่องบินต่างกันมาก เรื่องนี้ทำให้เรารู้ว่าการจองตั๋วเครื่องบินในช่วงเทศกาลต้องจองเครื่องบินล่วงหน้าเนิ่นๆ หากเลี่ยงได้ เราไม่ควรจองเครื่องบินในช่วงนี้เทศกาลนะคะ เมื่อคิดได้ดังนี้ ฉันจึงตัดสินใจจองเครื่องบินในช่วงปลายเดือน และโอนจ่ายค่าเครื่องบิน เฝ้ารอคอยวันที่จะได้เดินทางลัดฟ้าไปจังหวัดอุบลราชธานี ภาพถ่ายจาก Pixabay และแล้ววันที่รอคอยวันที่จะได้ขึ้นเครื่องบินครั้งแรกก็มาถึง วันนั้นขึ้นเครื่องเวลา 11.30 น.บอกเลยว่าตื่นเต้นมาก ตื่นเต้นตั้งแต่เมื่อคืนค่ะ ><&nbsp; เครื่องออกเวลา 11.30 น.พี่ๆบอกว่าเราต้องไปถึงสนามบินดอนเมืองก่อนอย่างน้อย 2 ชั่วโมงหรือเช็คอินทางเว็บไซต์ภายใน 24 ชั่วโมงได้เราจะได้ไม่ต้องไปรอถึง 2 ชั่วโมง ฉันเลือกที่จะไปก่อน 2 ชั่วโมง เพราะการเช็คอินผ่านเว็บไซต์ยังไม่เคยทำและทำไม่เป็นเลย ภาพถ่ายจาก Pixabay เมื่อเดินทางไปถึงสนามบิน มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอยู่หนาแน่นมาก ด่านแรกที่ต้องเจอคือ ตรวจสัมภาระ บอกเลยว่านี่คือครั้งแรก พอวินาทีที่กระเป๋าเคลื่อนตัวเข้าไปในเครื่องสแกนที่สนามบิน คิดในใจขณะนั้น เราจะผ่านไหมนะ จะได้ทิ้งอะไรไหม ภาวนาในใจ ขอให้ผ่าน ขอให้ผ่าน ขอให้ผ่าน วินาทีนั้น เสียงเครื่องสแกนก็ดังขึ้น จะรอดไหม เจ้าหน้าที่เรียกหาเจ้าของกระเป๋าใบสีน้ำตาล เราก็แอบชำเลืองมองว่ากระเป๋าใครนะ คุ้นๆ นั่น! กระเป๋าของเราเอง จึงรีบวิ่งไปที่กระเป๋าทันที แล้วรีบดึงสติตนเองกลับมา เจ้าหน้าที่บอกให้เราเปิดกระเป๋าดูหน่อย สิ่งที่เจอคือ ขวดครีมอาบน้ำและขวดน้ำยาซักผ้า ซึ่งมีความจุเกิน 100 มิลลิลิตร ภาพถ่ายจาก Pixabay ในวินาทีนั้น คิดในใจทำยังไงดีนะ จะฝากใครกลับ หรือให้ใครใช้ดี แค่เสี้ยววินาทีที่คิดนั้น พนักงานก็ถือเอาขวดครีมอาบน้ำและขวดน้ำยาซักผ้าไปใส่ลงในถังขยะ วินาทีนั้น เสียดายมาก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ไม่มีคนที่รู้จักหรือคุ้นเคยเลย เรื่องนี้สอนให้เราได้รู้ว่าของเหลวที่มีความจุเกิน 100 มิลลิลิตรต่อชิ้น ไม่สามารถเอาขึ้นเครื่องได้นะ และยังทำให้เรารู้สึกปล่อยวางได้ดีเยี่ยมเลยจากประสบการณ์ในครั้งนี้ แล้วต่อมาก็มานั่งรอเวลาที่จะไปขึ้นเครื่องบิน และเครื่องบินก็พุ่งพยานสู่ฟากฟ้า ซึ่งเครื่องบินออกได้ตรงเวลามาก ถึงที่หมายเร็วมาก ใช้เวลาแค่ 1 ชั่วโมงเท่านั้นและการบริการก็ดีเยี่ยม ประทับใจ ครั้งต่อไปอยากจะขึ้นเครื่องบินกลับบ้านอีกครั้ง ถือว่าเป็นประสบการณ์การขึ้นเครื่องบินครั้งแรกที่น่าประทับใจและน่าจดจำไปตลอดชีวิต จะไม่มีวันลืมเลยทีเดียว ทุกประสบการณ์ของการเดินทางทำให้เราได้เรียนรู้และเติบโต ภาพถ่ายจาก Pixabay ภาพหน้าปกจาก Pixabay