หากใครได้มีโอกาสไปล่าแสงเหนือที่เมือง Murmansk ประเทศรัสเซีย ในช่วงปลายฤดูหนาวที่กลางวันและกลางคืนมีระยะเวลาใกล้เคียงกัน คือระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ ถึงประมาณกลางเดือนเมษายน เราสามารถทำกิจกรรมท่องเที่ยวอื่น ๆ ได้ในเวลากลางวัน มีสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ไกลจากเมือง Murmansk ที่เราขอแนะนำว่าไม่ควรพลาด คือไปนั่งเลื่อนที่ลากโดยกวางเรนเดียร์ และฟาร์มฮัสกี้ แต่ละบริษัททัวร์หรือแต่ละไกด์ ก็อาจจะพาไปคนละที่กัน บางแห่งอาจอยู่ไม่ไกลจากเมือง Murmansk แต่บรรยากาศก็จะไม่เหมือนกัน ไกด์ของเราพาไปที่ Park Lovozero ใน หมู่บ้าน Lovozero อยู่ห่างจากเมือง Murmansk ประมาณ 80 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ สามชั่วโมง เพราะถนนบางช่วงจะมีหิมะปกคลุมขับเร็วมากไม่ได้ เราเริ่มออกเดินทางประมาณเก้าโมงเช้า ระหว่างทางเราได้แวะใกล้ ๆ กับแม่น้ำ เพื่อแวะถ่ายรูปข้างทางประมาณ 15 นาที วิวที่นี่สวยมาก พวกเราไปถึงหมู่บ้าน Lovozero ประมาณเที่ยง ไกด์พาเราไปแนะนำทำความรู้จักคุ้นเคย กับกวางเรนเดียร์ที่เลี้ยงไว้ในสวนนี้ และให้อาหารมัน แต่เราไม่สามารถจับกวางได้ เพราะไกด์บอกว่าจะทำให้กวางรู้สึกไม่ดี ยื่นอาหารให้ได้อย่างเดียว กวางบางตัวก็จะอยู่ในคอก บางตัวก็เดินเล่นอยู่ในป่าเองโดยไม่มีใครมายุ่ง จากนั้นก็จะพาไปที่เต้นท์ของชาว Sami ที่เคยเป็นที่อาศัยในเวลาที่พวกเขาต้อนกวางไปตามทุ่งหญ้าต่าง ๆ ในเต้นท์ก็จะมีกองไฟก่อไว้ ถ้าเราหนาว ๆ ก็มานั่งผิงไฟในนี้ได้ ไกด์ได้อธิบายให้ฟังถึงประวัติความเป็นมาของชนพื้นเมือง Sami ที่เป็นชนพื้นเมืองเร่ร่อน แต่เดิมพวกเขาอาศัยอยู่บนคาบสมุทรโคล่า (Kola Pennisular) ในสมัยโบราณพวกเขาจะเลี้ยงชีพด้วยการล่าสัตว์ หลังจากนั้นก็เปลี่ยนมาต้อนกวางเรนเดียร์ ไปตามทุ่งหญ้า ปัจจุบันน่าจะมีชาวซามิเหลืออยู่ไม่ถึงหนึ่งพันคนแล้ว พวกเขาอาศัยอยู่ในหมู่บ้าน Lovozero แต่ไม่ได้เป็นชนเผ่าเร่ร่อนอีกแล้ว เพราะทางการบังคับให้ไปอยู่ในพื้นที่ที่ทางการจัดไว้ให้เท่านั้น เราได้นั่งเลื่อนที่ลากโดยกวางเรนเดียร์ มีคนบังคับเลื่อนและลากโดยกวางเรนเดียร์ 3 ตัวโดยให้พวกเราขึ้นนั่งได้ครั้งละ 3-4 คน ไม่อย่างนั้นจะหนักเกินไปสำหรับกวาง กวางลากเลื่อนเป็นระยะทางประมาณหนึ่งถึงสองกิโลเมตรต่อรอบ เสร็จจากกิจกรรมกับเรนเดียร์แล้ว ก็จะพาไปรับประทานอาหารกลางวันแบบที่พวกชนพื้นเมืองทานกัน จะมีซุปแซลมอนกับขนมปัง ข้าวราดเนื้อหมู แล้วก็ขนมหวาน กับชากาแฟ ซุปแซลมอนอร่อยดีค่ะ ทานร้อน ๆ ช่วยได้มากในตอนที่อากาศหนาว ๆ ส่วนข้าวเนี่ยเราไม่ค่อยชอบเท่าไร รสชาติจะจืด ๆ เลี่ยน ๆ ตามแบบรัสเซียค่ะ หลังจากนั้นช่วงบ่ายก็จะพาไปเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ใส่ชุดของแบบพื้นเมืองของ Sami พาไปที่ฟาร์มฮัสกี้ เพื่อนั่งเลื่อนที่ลากโดยฮัสกี้ ก็จะแบ่งเป็นทีม แต่ละทีมก็จะมีจ่าฝูงเป็นตัวลากนำ ฮัสกี้จะลากเลื่อนไปประมาณสิบถึงยี่สิบนาทีได้ ในบริเวณรอบ ๆ ก็มีแต่หิมะปกคลุมขาวไปหมด เวลาโดนแดดก็จะเป็นประกายเหมือนเพชรเลย เสร็จจากลากเลื่อนฮัสกี้แล้ว เราก็ไปมีเวลาไปเดินเล่นในบริเวณรอบ ๆ ปาร์ค และร้านขายของที่ละลึกที่มีพวกของ handmade จะมีของใช้ที่ทำจากหนังกวาง, หมวกถักจากไหมพรม, แม่เหล็กติดตู้เย็นทำจากไม้รูปฮัสกี้ที่เราก็ซื้อมาเพื่อเป็นของฝากและของที่ระลึก บริเวณรอบ ๆ ปาร์คเป็นป่าสน มีกระท่อมน้ำแข็งเหมือนในนิทาน หิมะในบริเวณนั้นหนามาก เป็นหิมะแบบที่เพิ่งตกใหม่ ๆ ยังขาวฟูและสะอาดอยู่ พวกเราได้กระโดดลงไปนอนบนกองหิมะ ฟินมาก หลังจากใช้เวลาที่ Park Lovozero ประมาณสี่ชั่วโมงก็ได้เวลาเดินทางกลับไปที่เมือง Murmansk เพื่อรอเวลาไปล่าแสงเหนือในเวลากลางคืน ถ้าสนใจจะมาเที่ยวที่นี่เราแนะนำให้ซื้อทัวร์ค่ะ ที่นี่ไม่มีรถสาธารณะ และไม่ควรขับรถเองเพราะถนนที่ปกคลุมด้วยหิมะทำให้ขับยาก ถ้าใครไม่คุ้นทางจะอันตราย ช่วงเวลาที่ควรมาเที่ยวเมือง Murmansk และมาที่ Park Lovozero ระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ ถึงประมาณกลางเดือนเมษายน เพราะหิมะกำลังฟู และอย่างที่บอกไปตอนต้นคือกลางวันยาวพอ ๆ กับกลางคืนทำให้เราเที่ยวได้ในตอนกลางวัน ส่วนราคาต้องลองเปรียบเทียบหลาย ๆ เจ้าค่ะ เราซื้อเป็นแพคเกจพร้อมกับล่าแสงเหนือ เราใช้บริการจาก Aurora Transfer ค่ะซึ่งไกด์ดูแลดูมาก @ภาพประกอบทั้งหมดโดยผู้เขียน #เที่ยวต่างประเทศ #เที่ยวรัสเซีย