อยากเที่ยวต่างประเทศแต่ไม่อยากซื้อน้ำหนักกระเป๋าโหลดทำไงดี บทความนี้มีคำตอบให้ค่ะ แน่นอนว่ากระเป๋าเดินทางคือไอเทมแรกที่นักเดินทางและนักท่องเที่ยวจะละเลยไม่สนใจไม่ได้ เพราะนโยบายสายการบินหลายๆ สายการบินนั้นล้วนแล้วแต่มีข้อกำหนดเรื่องขนาด รวมไปถึงข้อห้ามเกี่ยวกับสิ่งของที่ต้องระวังในการจัดกระเป๋า โดยเฉพาะของใช้ที่เป็นของเหลวต่างๆ เช่นครีมอาบน้ำ รองพื้น โฟมล้างหน้า แชมพูครีมนวดเป็นต้น นอกจากนี้ก็ยังมีเรื่องกำลังไฟของพาวเวอร์แบงค์ก็มีข้อจำกัดในการนำติดตัวขึ้นเครื่องเช่นกัน ซึ่งแม้สไตล์ในวันนี้จะมาในรูปแบบของคนชอบเที่ยวสไตล์ backpacker ที่เน้นแบกเป้อยู่บนบ่า แต่นักเดินทางที่เน้นเป็นกระเป๋าลากก็สามารถนำไปปรับใช้ให้ตอบโจทย์ความเป็นตัวเองได้เช่นกันค่ะ ข้อที่ต้องรู้ก่อนเริ่มจัดกระเป๋าก่อนจะไปจัดกระเป๋าได้ก็ต้องไปดูเรื่องขนาดกระเป๋าที่สายการบินอนุญาตให้นำขึ้นเครื่องก่อน ซึ่งแต่ละสายการบินก็จะระบุขนาดแตกต่างกันไป สามารถไปเช็คขนาดได้จากสายการบินที่ท่านได้ทำการจองไป โดยปกติแล้วเราสามารถนำกระเป๋าขึ้นเครื่องได้ไม่เกิน 2 ใบ และทั้งสองใบนั้นจะต้องมีน้ำหนักรวมกันไม่เกิน 7 กิโลกรัม ซึ่งกระเป๋าใบที่สองที่เรานำขึ้นไปนั้นสามารถเป็นได้ทั้งกระเป๋าโน้ตบุ๊ค หรือกระเป๋าพกพาทั่วไปโดยต้องมีขนาดตามที่สายการบินกำหนดไว้เช่น โดยปกติผู้เขียนก็มักจะนำกระเป๋าสัมภาระขึ้นไปหนึ่งใบ ซึ่งจะเก็บใส่ไว้ในช่องสัมภาระเหนือศีรษะ และกระเป๋าพกพาในรูปแบบกระเป๋าคาดอกติดตัวไปอีกหนึ่งใบ นำเก็บไว้ใต้ที่นั่งด้านหน้าของตนเองแน่นอนว่าเราจะนำอะไรใส่ไปในกระเป๋าก็ได้แต่ต้องไม่ใช่สิ่งของต้องห้ามที่สายการห้ามนำขึ้นเครื่อง... ซึ่งมีรายการดังนี้แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนหรือแบตเตอรี่รถยนต์ วัตถุระเบิดสารที่จุดติดไฟได้ พลุและประทัด ไฟแช็กและไม้ขีดกระป๋องแก๊สตั้งแคมป์สารซักฟอกยาฆ่าแมลง กระป๋องออกซิเจนสำหรับนักกีฬา ฯลฯแบตเตอรี่เหลวสัมภาระแบบสมาร์ท ชาร์จไฟฟ้าได้ในส่วนของของใช้ที่เป็นของเหลวสามารถนำขึ้นเครื่องได้ แต่ต้องมีปริมาณของเหลวรวมกันไม่เกิน 1,000 มิลลิลิตร และแนะนำให้แบ่งเป็นขวด ขวดละ 100 มล. เพื่อง่ายต่อการตรวจเช็คปริมาณ แต่ถ้าใครมีของใช้ที่เป็นของเหลวไม่เยอะก็ไม่ต้องแยกก็ได้ เช่นผู้เขียนที่มีแค่แชมพู ครีมนวด สบู่เหลว และน้ำหอมก็ใช้การซื้อเป็นขนาดพกพาในเซเว่นที่มีการระบุปริมาณที่ชัดเจนไว้ข้างกล่อง ส่วนรองพื้นก็เปลี่ยนใช้แบบซองแทนการพกเป็นขวดๆ ไป ส่วนลิปสติกนั้นผู้เขียนเปลี่ยนไปใช้แบบเนื้อครีมแท่ง แทนการใช้เนื้อลิควิดที่จะมีความเหลวแทนพาวเวอร์แบงค์นั้นสามารถนำขึ้นเครื่องได้ แต่ก็ต้องอยู่ภายใต้ข้อกำหนด ดังนี้พาวเวอร์แบงค์ที่มีความจุไฟฟ้าน้อยกว่าหรือเท่ากับ 100 Wh หรือ 20,000 mAh นั้นจะสามารถนำติดตัวขึ้นเครื่องบินได้ แต่ไม่สามารถโหลดใต้ท้องเครื่องบินได้พาวเวอร์แบงค์ขนาดกลางที่มีค่าความจุไฟฟ้ามากกว่า 100 ถึง 160 Wh หรือ 20,000 ถึง 32,000 mAh สามารถนำติดตัวขึ้นเครื่องได้คนละไม่เกิน 2 ชิ้น แต่จะไม่สามารถโหลดลงใต้ท้องเครื่องบินได้ พาวเวอร์แบงค์ที่มีขนาดใหญ่และมีค่าความจุไฟฟ้ามากกว่า 160 Wh หรือ 32,000 mAh จะไม่สามารถนำขึ้นเครื่องรวมไปถึงโหลดใต้ท้องเครื่องบินได้ไม่อนุญาตให้นำพาวเวอร์แบงค์ที่ระบุค่าพลังงานไฟฟ้า วัตต์ - ชั่วโมง (Wh) ไม่ชัดเจนขึ้นเครื่องหรือโหลดใต้ท้องเครื่องบินได้เช่นกัน ทริคการจัดกระเป๋าแบบไม่ต้องโหลด และน้ำหนักไม่เกิน 1. จัดของให้เป็นหมวดหมู่ และแบ่งเก็บตามช่องกระเป๋าต่างๆ อย่างพอดี แนะนำให้จัดของออกเป็นหมวดหมู่ และแยกตามประเภท สำหรับของใช้ส่วนตัวต่างๆ และของเหลวหรือของที่คาดว่าอาจจะหกได้นั้นให้นำใส่ในถุงซิปล็อกต่างหาก อย่างน้อยถ้าหกก็จะหกอยู่แค่ในถุงซิปล็อกเท่านั้น และให้นำเฉพาะของที่จำเป็นต้องใช้ไปจริงๆ เพื่อลดเหตุน้ำหนักกระเป๋าเกิน2. แพ็คเสื้อผ้าใส่ถุงสุญญากาศ ถ้าไม่มีถุงสุญญากาศให้ใช้การม้วนแทนถุงสุญญากาศเป็นไอเทมสำคัญมากหากผู้โดยสารไม่อยากโหลดกระเป๋า เพราะเจ้าถุงสูญญากาศนี่แหละค่ะที่จะช่วยให้เราสามารถยัดข้าวของทุกสิ่งอย่างลงไปในกระเป๋าได้ทั้งหมด สำหรับเสื้อผ้าที่อาจจะกินพื้นที่กระเป๋าเป็นส่วนใหญ่นั้นแนะนำให้พับบางๆ แล้วจัดเรียงในถุงสุญญากาศ ปิดถุงให้สนิทไม่ให้มีรอยอากาศเข้าออก โดยปกติถุงสุญญากาศจะมีจุกวาล์วอยู่ หลังจากปิดถุงสนิทแล้วให้ใช้ที่สูบลม หรือใช้กระบอกสูบทำการสูบลมในถุงออกจนถึงฟีบแน่นกับเสื้อผ้า อยากให้ถุงอยู่ในรูปทรงไหนก็จัดการใส่เสื้อผ้าตามนั้น เช่นอยากให้มันม้วน ก็ให้ม้วนถุงก่อนสูบลมออก อยากให้เรียบบางก็แผ่เสื้อผ้าออกแล้วทำการสูบ เป็นต้นกรณีไม่มีถุงสูญญากาศก็แนะนำให้ม้วนเสื้อผ้าให้เล็กที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้วใช้หนังยางรัดเอาไว้เพื่อไม่ให้ม้วนเสื้อมันคลายออก แบบนี้จะช่วยให้เราสามารถจับเสื้อผ้าใส่ลงไปได้ทั้งหมดและยังมีพื้นที่เหลือไว้ใส่อย่างอื่นเพิ่ม 3. หากใช้กระเป๋าลากให้คำนวนน้ำหนักกระเป๋าแบบยังไม่ใส่อะไรเพิ่มก่อน ถ้ายังไม่มีกระเป๋าและกำลังจะซื้อนั้นก็แนะนำให้สอบถามกับพนักงานขายด้วยว่าเฉพาะกระเป๋านั้นมีน้ำหนักเท่าไร ทั้งกระเป๋าลากล้อ และกระเป๋าสะพายหลัง เราควรต้องรู้ก่อนว่าเฉพาะตัวกระเป๋านั้นหนักเท่าไร เพื่อคำนวนน้ำหนักที่เหลือสำหรับเสื้อผ้าข้าวของอื่นๆ ว่าจะสามารถใส่เพิ่มได้อีกเท่าไร แน่นอนว่ายิ่งกระเป๋าหนักจะยิ่งทำให้เราใส่ของได้น้อย ดังนั้นควรเลือกกระเป๋าทีมีคุณภาพที่ดีและมีน้ำหนักเบาจะดีที่สุดค่ะ 4. แบ่งของจำเป็นที่หยิบใช้บ่อยๆ แยกใส่กระเป๋าเล็ก หรือกระเป๋าโน้ตบุ๊ก อย่านำทุกอย่างใส่ลงกระเป๋าเดียวเพราะบางสายการบิน พนักงานที่เคาว์เตอร์เช็กอินจะขอชั่งกระเป๋าเพื่อดูน้ำหนักแต่จะเลือกดูแค่กระเป๋าบรรจุสัมภาระเสื้อผ้า หรือกระเป๋าใบใหญ่เท่านั้น หากชั่งดูแล้วพบว่ายังมีจำนวนน้ำหนักที่เบาอยู่ เขาก็จะปล่อยเลย และบางครั้งก็ไม่ขอชั่งกระเป๋าใบเล็กอีกใบ ข้อสำคัญอีกหนึ่งอย่างสำหรับการแยกของออกก็คือเพื่อให้สะดวกในการหยิบจับของต่างๆ ได้ง่ายนั่นเอง เพียงเท่านี้เราก็จะสามารถบรรจุของจำเป็นทุกอย่างไปเที่ยวด้วยได้อย่างสบายใจและไม่ต้องซื้อน้ำหนักกระเป๋าโหลดใต้ท้องเครื่อง และสามารถถือกระเป๋าขึ้นเครื่องไปพร้อมๆ กับเรา ซึ่งจะสะดวกตอนลงจากเครื่อง ไม่ต้องรีบมุ่งตรงไปผ่านตม. แล้วก็ไปรอรับกระเป๋าที่สายพานอีก ผ่านตม. เรียบร้อยก็มุ่งหน้าออกจากสนามบินได้ทันทีเลย สะดวกง่ายสุดๆ สุดท้ายนี้แล้วหากใครยังไม่มีกระเป๋าเป๋สะพายดีๆ เราขอฝาก รีวิว 5 กระเป๋าเดินทาง ดี ทนทาน สไตล์ชาว Backpacker (แบ็คแพ็คเกอร์) ไว้หน่อยนะคะ เผื่อจะพอเป็นประโยชน์ในการมองหากระเป๋าของใครได้บ้าง และถ้าหากใครชอบบทความนี้ก็สามารถแชร์ออกไปได้เลยนะคะ หรือถ้าอยากติดตามเรื่องราวอื่นๆ ของหญิงเถื่อนนั้นก็สามารถติดตามกันได้ที่Facebook : แบกกล้องชิวเที่ยวไปเรื่อยYouTube : I Tell You TryIG : i_am_solo_traveler_บทความ TrueID : หญิงเถื่อนเรียบเรียงเนื้อหาและภาพโดย หญิงเถื่อน กำลังหาที่เที่ยวหรือเปล่า? หาข้อมูลที่เที่ยวสุดปังได้ที่ App TrueID โหลดเลย ฟรี !