สวัสดีจ้าสายเที่ยวทุกท่าน โดยเฉพาะคนที่กำลังวางแผนไปเที่ยวญี่ปุ่น ใกล้ๆ กับโตเกียว ใช้เวลาเดินทางจากโตเกียวประมาณ 1 ชั่วโมง สามารถเที่ยวแบบ 1 day trip ได้แบบฟินๆ ต้องไม่พลาดทริปเที่ยววันเดียวที่เมือง Kamakura เมืองเล็กๆ แต่เต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังในจังหวัด Kanagawa ที่แห่งนี้เต็มไปด้วยเสน่ห์ทั้งวัฒนธรรมและธรรมชาติ (แถมยังเป็นฉากหลังของอนิเมะเรื่อง Seishun Buta Yarō เรื่องฝันปั่นป่วยของผมกับรุ่นพี่บันนี่เกิร์ล ที่เราอยากมาตามรอย) ว่าแล้วก็มาดูทริปเที่ยววันเดียวที่ Kamakura กันได้เลย!! ทริปเที่ยว Kamakura 1 วัน ทริปนี้ เที่ยวที่ไหนกันบ้าง? วัด Hokoku-ji (วัดป่าไผ่) ศาลเจ้า Tsurugaoka Hachimangu ถนน Komachi Street วัด Kotoku-in KANNON COFFEE Kamakura วัด Hasedera สถานี Shichirigahama สถานี Fujisawa เกาะ Enoshima การเดินทางสู่เมือง Kamakura โดยรถไฟ ตัวเราเริ่มเดินทางมาจากสถานี Ikebukuro (เนื่องจากที่พักอยู่ละแวกนี้) จากนั้นขึ้นรถไฟสาย Shonan Shinjuku Line เพื่อไปลงที่สถานี Ofuna แล้วเปลี่ยนไปขึ้นสาย Yokosuka Line เพื่อไปสถานี Kamakura (ทั้งนี้มี Shonan Shinjuku Line บางขบวนที่วิ่งตรงไปถึงสถานี Kamakura ได้เลยแบบไม่ต้องต่อ ส่วนนี้สามารถเช็กรายละเอียดผ่าน Google maps ได้เลย รายละเอียดแน่นมาก) ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 70 นาที เมื่อมาถึงสถานี Kamakura แล้วก็เริ่มออกเดินทางเที่ยว Kamakura 1 วัน กันได้เลย!! 1.วัด Hokoku-ji (วัดป่าไผ่) เมื่อถึง Kamakura Station ให้ขึ้นรถบัสจากป้ายหมายเลข 4 ไปยังป้าย Jomyoji เพื่อเยี่ยมชมวัด Hokoku-ji ที่โดดเด่นด้วยสวนไผ่เขียวชอุ่ม วัดเปิดเวลา 9:00 น. ที่นี่สงบมาก เหมาะกับการเดินชมธรรมชาติ หรือจิบชาเขียวในห้องชาที่ล้อมรอบด้วยป่าไผ่ เสียงลมพัดเบา ๆ ท่ามกลางความเขียวขจีทำให้ที่นี่เป็นที่พักใจได้ดีทีเดียว วัด Hokoku-ji แห่งนี้นับเป็นวัดที่มีความเก่าแก่ในเมือง Kamakura สร้างขึ้นในช่วงปี 1334 สมัยโชกุนคามาคุระ โดยชื่อ "วัดป่าไผ่" นั้นได้มาจากการที่ในวัดแห่งนี้มีสวนไผ่จำนวนหลายพันต้น สร้างบรรยากาศที่สดชื่นแต่ในขณะเดียวกันก็เป็นสถานที่ที่เงียบสงบ สบายตาอย่างน่าประหลาดใจ นอกจากเดินเล่นเพื่อชมวิวสวยๆ ในวัดแล้ว ภายในวัดป่าไผ่ยังมีที่นั่งเล็กๆ ให้เรานั่งชิมชาเขียวชงสดและขนมก้อนน้ำตาล (มีค่าเข้าต้องซื้อตอนซื๋อตั๋วเข้าวัด) ถือเป็นจุดเริ่มต้นทริปที่ดีเยี่ยมสำหรับการสัมผัสวัฒนธรรมของ Kamakura พิกัด: https://maps.app.goo.gl/ncXB9zkUSk15NXPt7 2.ศาลเจ้า Tsurugaoka Hachimangu หลังจากที่เราเพลิดเพลินไปกับบรรยากาศของสวนไผ่ยามเช้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็เดินกลับมาขึ้นรถบัสที่สี่แยก (ฝั่งตรงข้ามกับขาลง) เพื่อไปยังสถานที่ต่อไปคือ ศาลเจ้า Tsurugaoka Hachimangu ซึ่งเป็นศาลเจ้าที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์มากที่สุดแห่งหนึ่งใน Kamakura ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1063 โดยโชกุน Minamoto no Yoritomo เพื่อเป็นการถวายแด่เทพเจ้า Hachiman ซึ่งเป็นเทพผู้ปกปักษ์รักษานักรบและตระกูล Minamoto โครงสร้างของศาลเจ้าและบรรยากาศโดยรอบสะท้อนถึงความรุ่งเรืองของยุคโชกุนคามาคุระอย่างชัดเจน ที่นี่นักท่องเที่ยวสามารถเดินชมบันไดหินที่ทอดยาวสู่ตัวศาลเจ้า และในฤดูใบไม้ผลิยังมีต้นซากุระเรียงรายสร้างความงดงามเป็นพิเศษ พิกัด: https://maps.app.goo.gl/gGUZVETx9qcMbPSv8 3.ถนน Komachi Street ถัดมาคือถนน Komachi Street ซึ่งอยู่ใกล้ศาลเจ้าและเป็นแหล่งรวมร้านค้า ร้านอาหาร และของฝากที่มีเอกลักษณ์ ไม่ว่าจะเป็นขนมมันจูทอดสดใหม่ที่หอมกรุ่น ยากิโซบะเสียบไม้ หรือชาเขียวเกรดพรีเมียม ของฝากยอดนิยมที่นี่รวมถึงเซรามิกแบบดั้งเดิมและสินค้าหัตถกรรมท้องถิ่น ถนนเส้นนี้เหมาะสำหรับการเดินเล่นและสัมผัสบรรยากาศของเมือง Kamakura อย่างแท้จริง ส่วนตัวเราลองชิมพวกโครกเกะ แตงกวาดอง (ที่เป็นกระแสมากๆ) ส่วนตัวเราว่ารสชาติจะอ่อนๆ หวานๆ เค็มๆ เบาๆ และเนื่องจากฝนพรำลงมาช่วงหนึ่งเลยได้แวะกินข้าวหน้าปลาดิบที่ร้าน Kamakura Wasen บอกเลยว่าวัตถุดิบสดใหม่ ราคาไม่แรง ชามโตๆ กินแล้วอิ่มไปจนถึงมื้อเย็นๆ เลยเชียว พิกัด: https://maps.app.goo.gl/V8fsAe7C33f1Gens7 4.สัมผัสเสน่ห์ Enoden Line เริ่มต้นที่ วัด Kotoku-in หลังอิ่มท้อง เราเดินทะลุถนน Komachi Street ออกมาที่สถานี Kamakura เพื่อเริ่มต้นเดินทางด้วยรถไฟ Enoden Line รถไฟสายนี้มีเสน่ห์ด้วยบรรยากาศย้อนยุคและเส้นทางที่วิ่งเลียบชายฝั่งทะเล สำหรับการซื้อตั๋ว 1-Day Pass ราคา 800 เยน สามารถซื้อได้ที่สถานี Kamakura บริเวณตู้จำหน่ายตั๋วอัตโนมัติหรือเคาน์เตอร์บริการภายในสถานี ตั๋วนี้สามารถใช้เดินทางขึ้นลงได้ไม่จำกัดจำนวนครั้งภายในวันเดียว คุ้มมากและสะดวกสำหรับการเที่ยวหลายจุดในสายนี้! หลังซื้อตั๋วแบบ 1-Day Pass เสร็จเราก็ออกเดินทางกันต่อ โดยเราจะขึ้นรถไฟสาย Enoden Line จากสถานี Kamakura Station นั่งไปยังสถานี Hase จากนั้นเดินเท้าประมาณ 10 นาทีเพื่อไปชมพระใหญ่แห่งวัด Kotoku-in ที่สูงถึง 13.35 เมตร เป็นแลนด์มาร์กสำคัญของ Kamakura ที่ไม่ว่าใครๆ ก็ต้องแวะมา (ค่าเข้าชมสำหรับผู้ใหญ่คือ 300 เยน และเด็กนักเรียน 150 เยน ซึ่งสามารถซื้อตั๋วได้ที่บริเวณทางเข้าวัด) วัด Kotoku-in เป็นสถานที่สำคัญใน Kamakura ที่มีชื่อเสียงจากพระใหญ่ (Daibutsu) ซึ่งเป็นรูปปั้นพระขนาดใหญ่ มีความสูงถึง 13.35 เมตร ทำจากสำริด ถูกสร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 13 โดยเราสามารถจุดธูปไหว้บูชา หรือจะลอดเข้าไปดูโครงสร้างขององค์พระจากด้านในได้ด้วย เดิมพระใหญ่เคยตั้งอยู่ในวิหารไม้แต่เนื่องจากภัยธรรมชาติทำให้วิหารถูกทำลาย ปัจจุบันพระใหญ่องค์นี้ตั้งอยู่กลางแจ้ง เป็นสัญลักษณ์ของความแข็งแกร่งและความมั่นคง ที่นี่จึงเป็นจุดหมายที่ไม่ควรพลาดสำหรับผู้ที่มาเยือน Kamakura พิกัด: https://maps.app.goo.gl/W7EMbAERdbgmscdg7 5.KANNON COFFEE Kamakura ใกล้ๆ กับวัด Kotoku-in ยังมีคาเฟ่ที่น่าสนใจอย่าง KANNON COFFEE Kamakura การเดินทางไปที่นี่สะดวกมากเพียงเดินเท้าประมาณ 5-7 นาทีจากวัด Kotoku-in โดยออกจากบริเวณทางออกหลักของวัดและเดินตามถนนสายเล็กที่มุ่งหน้าไปทางสถานี Hase คาเฟ่เล็ก ๆ แห่งนี้มีชื่อเสียงในเรื่องกาแฟที่เข้มข้นและขนมโฮมเมดแสนอร่อย เช่น ชีสเค้กและช็อกโกแลตบราวนี่ บรรยากาศในร้านอบอุ่น ตกแต่งเรียบง่ายในสไตล์ญี่ปุ่นผสมโมเดิร์น เหมาะสำหรับการพักผ่อนหลังเดินชมวัด ลองสั่งเมนูลาเต้ที่มีลวดลายลาเต้อาร์ตสุดน่ารัก Daibutsu Crepe (เมนูชื่อดัง) หรือมัทฉะลาเต้สำหรับสายชาเขียว รับรองว่าเติมพลังได้ดีมากก่อนเดินทางไปจุดหมายถัดไป พิกัด: https://maps.app.goo.gl/G6FpbkJLyjYK1KXQ8 6.วัด Hasedera หลังจากพักดื่มกาแฟและขนมอร่อย ๆ ที่ KANNON COFFEE Kamakura แล้ว เราเดินต่อไปยังวัด Hasedera ซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่ไกล (ผู้ใหญ่ มีค่าเข้า 400 เยน/คน ซื้อตั๋วได้ที่ตู้ขายตั๋วหน้าทางเข้าวัด) วัดแห่งนี้มีชื่อเสียงในฐานะวัดที่มีรูปปั้นพระโพธิสัตว์กวนอิม 11 พักตร์ ขนาดใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น สูงถึง 9.18 เมตร ภายในวัดยังมีสวนดอกไม้ที่เปลี่ยนไปตามฤดูกาล โดยเฉพาะดอกไฮเดรนเยียในช่วงฤดูฝนที่งดงามมาก นักท่องเที่ยวยังสามารถขึ้นไปยังจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นเมือง Kamakura และทะเลได้อีกด้วย บรรยากาศของวัดเงียบสงบ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการหลีกหนีความวุ่นวายและดื่มด่ำกับธรรมชาติและศิลปะญี่ปุ่น พิกัด: https://maps.app.goo.gl/7R4iAASUGpuzRTbr9 7.สถานี Shichirigahama – วิวฟูจิริมชายหาด หลังจากแวะไปชมวิวสวยๆ ที่วัด Hasedera ก็เดินกลับมายังสถานี Hase แล้วขึ้นรถไฟต่อไปยังสถานี Shichirigahama ซึ่งเป็นจุดชมวิวที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เนื่องจากสามารถมองเห็นชายฝั่งทะเลและภูเขาไฟฟูจิในวันที่อากาศแจ่มใส นอกจากนั้นหาดทรายที่นี่ยังเป็นสีดำซึ่งโดดเด่นแตกต่างไปชายหาดอื่นๆ อีกด้วย นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมยอดนิยม เช่น การเล่นเซิร์ฟและการเดินเลียบชายหาดที่เงียบสงบ 8.สถานี Fujisawa – เมืองในอนิเมะ "เรื่องฝันปั่นป่วยของผมกับรุ่นพี่บันนี่เกิร์ล" ชมวิวสวยๆ เสร็จแล้ว ก็เดินทางต่อไป Fujisawa Station สถานีสุดท้ายของสาย Enoden Line ซึ่งเรามาตามรอยการ์ตูนเพื่อความคอมพลีท (ตัวละครโดยส่วนใหญ่ในเรื่อง "เรื่องฝันปั่นป่วยของผมกับรุ่นพี่บันนี่เกิร์ล" จะใช้ชีวิตอยู่แถวนี้เป็นหลัก) ถึงแม้สถานีนี้จะไม่มีที่ท่องเที่ยวมากนัก แต่บรรยากาศแบบชานเมืองญี่ปุ่นก็เป็นอีกเสน่ห์ที่น่าประทับใจไม่น้อย 9.ปิดท้ายที่เกาะ Enoshima จาก Fujisawa นั่งรถไฟกลับมายัง Enoshima Station แล้วเดินข้ามสะพานสู่เกาะ Enoshima เกาะแห่งนี้มีเสน่ห์ในทุกมิติ โดยหนึ่งในจุดเด่นคือ ศาลเจ้า Enoshima Shrine ซึ่งเป็นศาลเจ้าที่ประกอบด้วยศาลเจ้าย่อยสามแห่ง เชื่อมโยงกันด้วยเส้นทางเดินเขาที่สวยงาม ศาลเจ้าแห่งนี้อุทิศให้กับเทพเจ้า Benzaiten ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งความมั่งคั่งและศิลปะ นอกจากนี้ยังมีจุดชมวิวที่น่าทึ่ง เช่น Enoshima Sea Candle หอคอยชมวิวที่สามารถมองเห็นทัศนียภาพของชายฝั่งและภูเขาไฟฟูจิในวันที่อากาศแจ่มใส ปิดท้ายวันด้วยการเดินกลับไปยังสถานี Katase-Enoshima เพื่อขึ้นรถไฟ Limited Express Romancecar กลับโตเกียว กระซิบบอกอีกนิดว่าสถานี Katase-Enoshima นี่แหละสวยมากละ ตกแต่งให้คล้ายกับทรงปราสาทและใช้สีแดงสดเพื่อสะท้อนธีมของเกาะ Enoshima ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับตำนานและเทพเจ้า Benzaiten ที่ได้รับการเคารพบูชาในพื้นที่นี้ แวะถ่ายภาพสถานีเสร็จแล้วก็นั่งรถไฟสุดเก่มุ่งตรงเข้าโตเกียว หาของอร่อยๆ ทานสักหน่อย และพักร่างกายให้คลายจากความล้า สถาที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ที่สามารถแวะเพิ่มได้ ที่สถานี Inamuragasaki มีคาเฟ่ยอดฮิตชื่อว่า "Cafe Yoridokoro" ที่ตั้งอยู่บริเวณริมทางรถไฟ บรรยากาศของร้านโดดเด่นด้วยวิวรถไฟที่วิ่งผ่านในระยะใกล้ เหมาะสำหรับการนั่งพักจิบกาแฟหรือรับประทานขนมในบรรยากาศสบาย ๆ ของเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้ สถานี Kamakurakōkō-Mae สถานีรถไฟที่มีชื่อเสียงจากฉากสำคัญในอนิเมะเรื่อง Slam Dunk โดยเฉพาะฉากทางม้าลายที่เป็นภาพจำของแฟนอนิเมะ สถานที่นี้ได้รับความนิยมในหมู่นักท่องเที่ยวที่ต้องการมาถ่ายรูปย้อนรอยอนิเมะ นอกจากนี้ยังสามารถมองเห็นทะเลที่สวยงามได้จากบริเวณสถานี สถานี Gokurakuji สถานีเล็กๆ ที่มีความเงียบสงบ ใกล้กับวัด Joju-in ซึ่งเป็นวัดที่ขึ้นชื่อเรื่องวิวทะเลที่งดงาม โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อนที่สามารถมองเห็นดอกไม้บานสะพรั่งตัดกับทะเลสีคราม วัดนี้ยังเป็นจุดที่เหมาะสำหรับการถ่ายภาพและพักผ่อนจากการเดินทางในบรรยากาศที่สงบและเป็นธรรมชาติ Kamakura เป็นเมืองที่เหมาะสำหรับคนที่อยากสัมผัสทั้งวัฒนธรรมและธรรมชาติในเวลาเพียงหนึ่งวัน ทริปนี้แม้จะเหนื่อยจากเดินทางค่อนข้างเยอะแต่ก็เต็มไปด้วยความประทับใจ หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ทุกคนวางแผนเที่ยว Kamakura แบบวันเดียวได้ง่ายขึ้น แล้วเจอกันใหม่ในทริปญี่ปุ่นที่น่าสนใจในบทความหน้าจ้า 😊 ภาพหน้าปก และ ภาพในเนื้อหาทั้งหมด โดย ผู้เขียน อยากไปเที่ยวไหนหรือเปล่า? หาข้อมูลที่เที่ยวสุดปังได้ที่ App TrueID โหลดเลย ฟรี !