ฝันเล็ก ๆ ของเด็กติดละคร เคยดูละครเรื่องนางอายที่คุณจอยศิริลักษณ์แสดงไว้ เมื่อสมัยตอนเป็นเด็ก แล้วมีความฝังใจกับเมืองปีนังมาก ทั้ง ๆ ที่ตอนนั้นยังไม่รู้เลยว่าปีนังอยู่ที่ไหน เวลาผ่านไป 20 กว่าปี เราถึงได้มีโอกาสไปเที่ยวปีนังซึ่งเป็นเกาะหนึ่งในประเทศมาเลเซีย ใกล้เมืองไทยมาก การเดินทางไปปีนังสามารถนั่งเครื่องบินจากกรุงเทพไปถึงปีนังได้เลย ใช้เวลาแค่ 1 ชั่วโมง 45 นาทีเอง หรือจะเลือกวิธีนั่งรถตู้หรือรถไฟจากหาดใหญ่ก็ได้ แต่สะดวกที่สุดคือการนั่งเครื่องบิน ง่าย ๆ เราไม่ไปเราเลือกนั่งเครื่องบินไปลงหาดใหญ่แล้วต่อรถตู้จากหาดใหญ่ของบริษัท KTS ไปปีนังแทน เพราะอยากแวะกินติ่มซำหาดใหญ่ เพราะเหตุผลแค่นี้จากที่จะนั่งเครื่องบินสบาย ๆ เลยต้องนั่งรถตู้จากหาดใหญ่ถึงปีนังใช้เวลาไป 4 ชม. ค่ารถตู้ไป-กลับ 750 บาท บวกค่าประกันชีวิตอีก 50 บาท การนั่งรถตู้ไปก็เพลินดีนะ ได้นั่งชมวิวไปเรื่อย ๆ แถมดีตรงที่คนขับพาไปส่งถึงโรงแรมเลย ทริปนี้เลยไม่มีหลง วันแรกของการมาปีนัง เรามาถึงเย็นแล้วเลยเดินเล่นรอบ ๆ ที่พัก ซึ่งเลือกพักย่าน George Town แถวนี้สะดวกดีมาก ๆ ของกินเยอะที่เที่ยวเพียบ วันแรกเลยเดินเล่นไปนั่งชมทะเลของปีนัง เจองานเทศกาลพอดี มีซุ้มไมโลขายต้องชิม อร่อยเหมือนที่ไทยเลย เรามากินไมโลไกลไปนะ สำหรับ George Town เป็นย่านที่มีการผสมผสานคนหลายเชื้อชาติมาก ทั้งแขก จีน มุสลิม เดินไปเจอทั้งโบสถ์ สุเหร่า วัดแขก เสียงสวดมนต์ตีกันให้ยุ่งเลย แต่เราชอบเมืองแบบนี้นะ ชอบความแตกต่างแต่กลมกลืน มื้อเย็นเรามาหาข้าวทานที่ Chulia Street Night Hawker Stalls มาถึงปีนังทั้งทีต้องลองชิม Lok Lok ซึ่งเป็นอาหารเสียบไม้แล้วให้เอาไปลวกในน้ำร้อนให้สุก แล้วเลือกทานกับน้ำจิ้มที่มีให้เลือกเยอะมาก ๆ ยืนกินที่หน้าร้านเลย อร่อยดีแถมสนุกด้วย ราคาแต่ละไม้ไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับสีที่ปลายไม้ ร้านแรกไม่อิ่ม จัดต่อที่ร้านบะหมี่หมูแดง จานละประมาณ 40 บาท บะหมี่ที่นี่มันมาก ๆ แต่ก็อร่อยดี จบวันแรกด้วยความอิ่มท้อง วันพรุ่งนี้เราจะไปชมวิวบนเขาต้องพักผ่อนเยอะ ๆ วันที่สองเราตื่นมาเพื่อมุ่งไปชิมติ่มซำร้าน Tai Tong Restaurant เป็นเจ้าดังของเมืองปีนังเลย เราเลือกร้านนี้เพราะเค้ารีวิวว่าอร่อยต้องมาชิม แต่ชิม ๆ แล้วเราว่าเราชอบที่หาดใหญ่มากกว่า แต่ก็ได้ประสบการณ์ในการชิมอาหารต่างถิ่นดี ติ่มซำที่นี่จะเข็นมาบนรถให้เลือกหยิบเลย ชิ้นใหญ่มาก ๆ ด้วย เลือกมาแค่ 5 เมนูกินกัน 2 คนอิ่มมาก ๆ ราคาไม่แพงมาก มื้อนี้คิดเป็นเงินไทยไม่ถึง 300 บาท เช้านี้เราตั้งใจขึ้นไปชมวิวที่ Penang Hill เดินทางโดยรถเมล์สาย 204 ง่ายและสะดวกมากแต่ต้องเตรียมเงินค่าโดยสารให้พอดีเพราะไม่มีการทอนเงินคืนนะ พอไปถึง Penang Hill เราเข้าคิวซื้อตั๋วรถรางไป-กลับ 30 RM. แล้วนั่งรถรางขึ้นไปบนเขา รถรางขึ้นเขาถือว่าสูงมาก ๆ เลย ข้างบนเขาจะมีกิจกรรมหลายอย่าง ทั้งชมวิวเมือง คล้องกุญแจคู่รัก และพิพิธภัณฑ์นกฮูก วัดแขก มัสยิด บางอย่างต้องเสียค่าเข้าชมเพิ่มด้วยนะ อากาศบนนี้ร้อนเพราะแดดแรงมาก ๆ เราใช้เวลากับที่นี่ไม่เยอะมาก แค่เดินชมไปเรื่อย ๆ ซะมาก แต่คนมาเลเซียจะมาเที่ยวที่นี่กันเยอะ เพราะเค้ามาเดินออกกำลังกายกันด้วย แต่บางคนก็มาเดินสำรวจเส้นทางธรรมชาติ สถานที่ถัดมาที่เราไปคือวัด Kok Lok Si วัดนี้เป็นวัดพุทธที่ใหญ่มาก ๆ เดินแทบไม่ทั่ว เรานั่งรถเมล์สาย 204 จาก Penang Hill แล้วเดินรัดตลาดขึ้นไปบนวัด เดินไกลเหมือนกัน จริง ๆ เรียก Grab สะดวกกว่าเยอะเลย เราเข้าไปไหว้พระสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เทพบางองค์ก็รู้จัก บางองค์ก็ไม่รู้ว่าเป็นเทพอะไรเหมือนกัน แต่ที่นี่คนมักจะมาไหว้เจ้าแม่กวนอิ่ม ซึ่งองค์ใหญ่มาก ๆ มาเที่ยวปีนังนี่ต้องยอมแพ้เรื่องอากาศจริง ๆ ร้อนมาก ร้อนจนหมดแรง พอช่วงบ่าย ๆ เราเลยกลับเข้ามาในเมืองไปหาของอร่อยชิมอีกแล้ว อาหารขึ้นชื่ออีกหนึ่งเมนูของมาเลเซียคือ Char Kuai Tew คล้าย ๆ ผัดไทยบ้านเรา แต่รสชาติเหมือนผัดซีอิ๊วมากกว่า อิ่มอาหารคาวแล้วเราก็มาต่อของหวานอย่าง Penang Road Famous Teochew Chendul ที่คล้ายลอดช่องใบเตยมาก ๆ ใส่ถั่วแดงด้วย ดูไปดูมาวัฒนธรรมการกินของบ้านเรากับปีนังนี่คล้ายกันมาก อากาศร้อนเหมือนร่างกายเราจะขาดน้ำมาก ๆต้องบำรุงกันต่อที่ร้าน Ming Xiang Tai ขนมร้านนี้มีทาร์ตไข่และขนมที่ลักษณะคล้าย ๆ ขนมเปี๊ยะ มีไส้ให้เลือกเยอะมาก ๆ ลูกใหญ่ไส้แน่น ๆ ปั้นกันสด ๆ ให้เห็นเลย เครื่องดื่มร้านนี้มีแต่น้ำสมุนไพร เห็นเมนูแล้วงง ๆ เราจึงสั่งเป็นน้ำส้มจี๊ดมาลอง ชิมแล้วคล้ายน้ำมะนาวดองมากกว่า มื้อนี้เราเลยได้เปิดประสบการณ์การชิมอาหารอีกแล้ว สุดท้ายกินอิ่มหนังท้องตึงหนังตาหย่อน ร่างกายก็หมดแรงแล้วเลยได้แต่กลับไปพักผ่อนเก็บแรง เพราะภาระกิจที่เหลือของวันพรุ่งนี้คือการไปเดินตามหารูป Street Art รอบเมือง รูปภาพประกอบโดยผู้เขียน