รีวิวภูกระดึง 2568 ฉบับสมบูรณ์ แนะนำวิธีเดินทางไปภูกระดึง พร้อมค่าใช้จ่าย และแนะนำที่เที่ยวบนภูกระดึงแบบฉ่ำๆ ครบจบในที่เดียว ภูกระดึง 2568 ใกล้เปิดแล้ว! วันนี้เรา 4handtogether เลยจะมา รีวิว ภูกระดึง แบบจัดเต็มจากประสบการณ์ตรง เพราะเป็นที่ที่เราไปบ่อยมาก ถึงจะไปหลายครั้ง แต่ประโยคที่ว่า "ครั้งหนึ่งในชีวิตพิชิตภูกระดึง" ก็ยังดังอยู่ในใจเสมอ หลายคนอาจสงสัยว่า "ไปทำไมตั้งหลายรอบ?" คำตอบนั้นไม่มีใครให้ได้ดีเท่าตัวคุณเอง... ไม่เชื่อก็ลองไปดู แล้วคุณจะได้คำตอบกลับมาอย่างแน่นอน ภูกระดึงไม่ใช่แค่การเดินขึ้นเขา แต่คือการเดินทางเข้าไปฟังเสียงหัวใจตัวเอง คือบทพิสูจน์ที่มอบรางวัลเป็นความทรงจำอันล้ำค่าและวิวหลักล้านที่รออยู่เบื้องหน้า นี่คือไกด์ฉบับสมบูรณ์ที่รวบรวม 10 เรื่องควรรู้ ครอบคลุมทั้งวิธีเดินทางไปภูกระดึง การเตรียมตัว และเรื่องสำคัญอื่นๆ เพื่อให้ทุกคนพร้อมไปเป็น "ผู้พิชิตภูกระดึง" ในปี 2568 นี้ เราเชื่อเสมอว่า ไม่มีอะไรที่เราทำไม่ได้ ถ้าเราอยากทำมันจริงๆ 1. ภูกระดึงเปิดช่วงไหน 2568? และต้องใช้เวลากี่วัน? ฤดูกาลท่องเที่ยว: ภูกระดึงจะเปิดฤดูท่องเที่ยวในวันที่ 1 ตุลาคม ของทุกปี ในปี 2568 นี้ใครมีแพลนจะไปก็เตรียมตัวกันได้เลย และภูกระดึง ปิดเพื่อฟื้นฟูธรรมชาติในช่วงปลายเดือนพฤษภาคม นักท่องเที่ยวสามารถจองคิวเข้าอุทยานฯ ล่วงหน้าได้ 60 วัน ผ่านแอปพลิเคชัน QueQ (ช่วงหลัง ก็เริ่มมี walk in ได้แล้วนะ) ระยะเวลาที่เหมาะสม: ควรใช้เวลาอย่างน้อย 3 วัน 2 คืน เพราะบนยอดภูระดึงมีพื้นที่กว้างใหญ่และมีจุดท่องเที่ยวสวยงามหลายแห่งที่รอให้คุณไปสัมผัส การมีเวลาเพียงพอจะทำให้คุณไม่เหนื่อยล้าจนเกินไป และมีเวลาซึมซับกับธรรมชาติด้านบนได้มากขึ้น 2. การเดินทางสู่ตีนภูกระดึง (จุดเริ่มต้นแห่งการพิชิต) รถทัวร์ (จากกรุงเทพฯ): จุดหมายคือ "ผานกเค้า" ซึ่งเป็นจุดจอดรถและต่อรถสองแถว ผู้ให้บริการหลักๆ คือ แอร์เมืองเลย, บขส., และซันบัส แนะนำให้เลือกรอบเดินทางช่วง 20.00 - 22.00 น. เพื่อไปถึงผานกเค้าในตอนเช้ามืด (ประมาณ 04.00 - 06.00 น.) ราคาตั๋วประมาณ 400 - 700 บาท จากผานกเค้าสู่อุทยานฯ: ที่หน้าร้านเจ๊กิม (จุดจอดรถทัวร์) คุณสามารถแวะทานข้าวเช้า ล้างหน้าแปรงฟัน และขึ้นรถสองแถวเพื่อไปยังที่ทำการอุทยานฯ ได้เลย ค่ารถสองแถวเหมาคันละ 300 บาท (หารกับเพื่อนร่วมทางได้) ใช้เวลาเดินทางไม่เกิน 30 นาที 3. ภูกระดึงระยะทางเดินกี่กิโล? (บททดสอบของจริง) เสน่ห์ของภูกระดึงคือการเดิน และต้องเดินเยอะมาก! เบ็ดเสร็จทั้งทริปไม่ต่ำกว่า 30 กิโลเมตร แต่อย่าเพิ่งตกใจ เราทำได้ คุณก็ทำได้! ช่วงที่ 1 (ตีนภู - หลังแป): ระยะทางประมาณ 5.5 กิโลเมตร ผ่านจุดพักที่เรียกว่า ซำ ต่างๆ ใช้เวลาเดินเฉลี่ย 3-5 ชั่วโมง จุดที่ชันที่สุดคือ ซำแฮก (ด่านแรก) และ ซำแคร่ (ใกล้ถึงยอด) ระหว่างทางมีร้านค้าและอาหารบริการ แตงโมเย็นๆ คือรางวัลที่ชื่นใจที่สุด เราแนะนำ ไม่ต้องรีบ ค่อยๆ เดินทีละก้าว ฟังเสียงธรรมชาติ และฟังเสียงหัวใจตัวเอง ซำแฮก กับแตงโมเย็นๆ ถือว่าลงตัว ช่วงที่ 2 (หลังแป - ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว): ระยะทางเดินสบายๆ อีก 3.5 กิโลเมตร เป็นทางราบทอดยาวท่ามกลางป่าสน นี่คือช่วงผ่อนคลายให้คุณได้สูดหายใจลึกๆ ก่อนจะถึงที่พัก ไฮไลท์ของที่นี่ ก็คือ ถ่ายรูปคู่กับต้นสนเดียวดาย อีกนิดเดียวก็ถึงแล้ว คำแนะนำ: ไม่ต้องรีบ ค่อยๆ เดินทีละก้าว ฟังเสียงธรรมชาติ และฟังเสียงหัวใจตัวเอง การเตรียมร่างกายด้วยการวิ่งหรือเดินเบาๆ มาก่อน จะทำให้คุณสนุกกับการเดินทางมากขึ้น 4. ภูกระดึงมีลูกหาบไหม? และการจัดการสัมภาระ มีบริการลูกหาบในราคา 30 บาท/กิโลกรัม แต่ในช่วงวันหยุดยาวหรือมีนักท่องเที่ยวเยอะ อาจเกิดสถานการณ์ ลูกหาบหมด แนะนำให้เพื่อนๆแยกของสำคัญที่ต้องใช้งานแบกขึ้นไปเองก่อน เช่น น้ำดื่มระหว่างทาง ขนม เสบียงอาหาร เสื้อผ้ากันฝน เป็นต้น แนะนำ: เป้สำหรับแบกของส่วนตัวขึ้นภูกระดึงสำคัญมากนะครับ ควรเลือกเป้ที่มี สายรัดอกและสายรัดเอว เพื่อช่วยกระจายน้ำหนัก จะทำให้เดินสบายและไม่ปวดไหล่ และควรมี ระบบระบายอากาศที่หลัง เพื่อช่วยลดเหงื่อและความร้อนครับ ส่วนตัวเราใช้เป้ Deuter เพราะมีระบบซัพพอร์ตหลังที่ดีมาก ทำให้การเดินไกลๆ สบายขึ้นเยอะเลยครับ Checklist สิ่งของที่ต้องเตรียมแบบง่ายๆ เช่น เสื้อผ้า: เสื้อเดินป่า, เสื้อกันหนาว, ชุดกันฝน ของใช้ส่วนตัว: ไฟฉาย (สำคัญมาก!), Power Bank, ยาสามัญ, สเปรย์กันทาก รองเท้า: รองเท้าเดินป่า, รองเท้าแตะ อื่นๆ: เงินสด, ถุงกันน้ำ, ขนมให้พลังงาน เจอพี่ตูนด้วยล่ะ ลูกหาบหมด ซึ่งเป็นคำสั้นๆ ที่ทรงพลัง 5. มีเต็นท์ ถุงนอน และเครื่องนอนให้เช่า? บนยอดภูมีพื้นที่กางเต็นท์กว้างขวาง ไม่แออัด นักท่องเที่ยวสามารถเช่าอุปกรณ์ต่างๆ ได้ เต็นท์ ติดต่อเช่าได้ที่ที่ทำการอุทยานฯ ด้านล่าง (นำใบเสร็จที่จองหรือจ่ายจากด้านล่างไปยื่น) เครื่องนอน (ถุงนอน, หมอน, แผ่นรองนอน) ติดต่อเช่าได้ที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวบนยอดภูกระดึง ค่าเช่าเต็นท์ 225 บาท ค่าถุงนอน 30 บาท ค่าหมอน 10 บาท ค่าแผ่นรองนอน 20 บาท ผ้าห่มใหญ่ 50 บาท ผ้าห่มเล็ก 30 บาท 6. ค่าใช้จ่ายโดยประมาณ พิชิตภูกระดึง 2568 (3 วัน 2 คืน) ค่าใช้จ่ายนี้เป็นไกด์ไลน์จากประสบการณ์ของเรานะครับ ใครอยากประหยัดก็สามารถนำเต็นท์ไปเอง หรือเตรียมอาหารแห้งง่ายๆ ไปทานได้ ช่วยลดค่าใช้จ่ายได้เยอะเลยครับ ค่าเดินทางไป-กลับ: ประมาณ 900 – 1,500 บาท (รถทัวร์กรุงเทพฯ - ผานกเค้า ราคา 400-700 บาท/เที่ยว + รถสองแถวไป-กลับอุทยานฯ ประมาณ 100 บาท/คน หากหารกัน) ค่าเข้าอุทยานและค่าที่พัก: ประมาณ 300 – 400 บาท (ค่าเข้า 40 บาท + ค่าเช่าเต็นท์ 225 บาท + ค่าเครื่องนอน) ค่าลูกหาบ (สัมภาระ 10 กก. ไป-กลับ): ประมาณ 600 บาท ค่าอาหารและเครื่องดื่ม (3 วัน): ประมาณ 600 – 1,000 บาท สรุปรวมค่าใช้จ่ายโดยประมาณ: 2,400 - 3,500 บาท/คน 7. แสงสุดท้ายของวันที่ผาหมากดูก สำหรับวันแรก หลังจากเดินขึ้นมาเหนื่อยๆ การพาตัวเองไปนั่งดูพระอาทิตย์ตกที่ ผาหมากดูก ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่พัก ประมาณ 2 กิโลเมตร คือการเยียวยาที่ดีที่สุด หลังจากเหนื่อยมาทั้งวัน ผาหมากดูกเป็นสถานที่ที่เราชอบมากๆ เราชอบดูพระอาทิตย์ ดูดาว บางอย่างก็ยากอธิบาย ให้ภาพเล่าเรื่องละกัน และถ้ารอจนมืดสนิทในช่วงข้างแรม คุณจะได้เห็นดาวเต็มฟ้าอย่างชัดเจน ที่ผาหมากดูก และระหว่างทางเดินกลับ เป็นภาพที่เราไม่มีวันลืม อยากให้ทุกคนได้ไปสัมผัสสักครั้ง 8. จุดดูพระอาทิตย์ขึ้น ผานกแอ่น และ อ่างเก็บน้ำวังกวาง จุดดูพระอาทิตย์ขึ้นบนยอดภูกระดึง หลักๆ จะมี อยู่ 2 ที่ด้วยกัน ซึ่งแต่ละที่ ก็จะมีความสวยงามที่แตกต่างกัน ผานกแอ่น เป็นจุดดูพระอาทิตย์ขึ้นที่คนนิยมไป ห่างจากลานกางเต็นท์ ประมาณ 2 กิโลเมตร เจ้าหน้าที่จะนัดให้เรามารวมกันตอนตี 5 ตรงที่ทำการอุทยาน แล้วจะมีเจ้าหน้าที่นำทางเราไป ตรงจุดนี้จะเป็นอีกไฮไลท์ ของภูกระดึง ซึ่งใครโชคดีก็จะได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้น กับทะเลหมอกแน่นๆ เป็นจุดดูพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยงามมากเลยสำหรับเรา อ่างเก็บน้ำไพรัตน์ ธารไชย (วังกวาง) ปกติเวลาพูดถึงจุดดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ภูกระดึง ทุกคนก็จะนึกถึง ผานกแอ่น เป็นอันดับแรกที่ต้องเดินเท้าไปตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่างใช่ไหมครับ แต่การมี อ่างเก็บน้ำไพรัตน์ ธารไชย (วังกวาง) เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกนี่แหละ คือ Highlight สำหรับคนที่อยากตื่นมาเจอวิวสวยๆ แบบไม่ต้องเหนื่อยมาก ภาพสนคู่ ที่ผานกแอ่น ภาพนี้ถ่ายมา ตั้งแต่ปี 2563 ซึ่งปัจจุบันล้มไปต้นนึงแล้ว ซึ่งแน่นอนมันไม่มีอีกแล้ว บางอย่างเปลี่ยนไป แต่ภาพถ่ายไม่เคยเปลี่ยน ต้นสนคู่ ผานกแอ่น ภูกระดึง 9. ภูกระดึง กับเส้นทางเดินน้ำตก สัมผัสธรรมชาติสีเขียว อันงดงาม (ฤดูฝนต้องระวัง ทาก) ภูกระดึง เป็นที่เที่ยวธรรมชาติหน้าฝน ที่น่าไปมากๆ สำหรับใครที่ไปเที่ยวช่วงเปิดภูกระดึง (ตุลาคม-พฤศจิกายน) จะได้เห็นน้ำตกสวยๆ เพราะช่วงนี้จะเป็นช่วงที่น้ำค่อนข้างเยอะ และผืนป่าทางเดินน้ำตกจะเขียวไปหมด เป็นช่วงที่สวยงามมาก น้ำตกถ้ำใหญ่ อุทานแห่งชาติภูกระดึง น้ำตกถ้ำสอเหนือ อุทานแห่งชาติภูกระดึง แนะนำ: ใครที่ไปเที่ยวช่วงต้นฤดู (ตุลาคม-พฤศจิกายน) เพื่อล่าหมอกและชมความเขียวชอุ่ม อย่าลืมเตรียม ชุดกันฝนและถุงกันทาก ไปให้พร้อม 10. การเดินทางไกลสู่ผาหล่มสัก ไฮไลท์ของภูกระดึง ไฮไลต์ของวันที่สองคือการเดินทางไป ผาหล่มสัก ระยะทาง ประมาณ 9 กิโลเมตร รวมไป-กลับประมาณ 18 กิโลเมตร ระหว่างทางคุณจะได้แวะเที่ยวตามผาต่างๆ (ผาจำศีล, ผาเหยียบเมฆ, ผาแดง) และเส้นทางน้ำตก และที่สำคัญ คือเย็นตาโฟ กระเพราหมูกรอบที่นี่อร่อยมาก เพิ่มเติมใครเดินมาถึงก็อย่าลืมสั่งบราวนี่ พี่นกด้วยล่ะ สำหรับเรา ผาหล่มสัก เป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกที่สวยงามมากของประเทศไทย ทำไมเราถึงต้องเดินมาไกลขนาดนี้ทั้งๆที่พระอาทิตย์ก็ดวงเดียวกัน สำหรับเรา ก็คงตอบแบบกำปั้นทุบดิน "เพราะมันอยู่ตรงนั้น" ไปทีไรก็ไม่เคยเบื่อ แถมยังกลับดึกตลอด เพราะสิ่งนี้ แต่ต่อไปเราก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่าจะมีโอกาสได้ดูดาวที่นี่อีกไหม ด้วยมาตรการอะไรหลายๆอย่าง ต้องรอดูกันนะ แต่อย่างน้อยเราก็เคยได้เห็นอะไรแบบนี้ ทางช้างเผือก ผาหล่มสัก ภูกระดึง ช่วงเวลาที่ใช่สำหรับคุณ ภูกระดึง สามารถมาเที่ยวได้หลายฤดู ไม่แปลกใจที่บางคนมาหลายรอบมาก เอาเป็นว่านิ้วไม่พอนับ เราชอบมาหน้าฝนนะ เพราะมันสดชื่น และมีอะไรที่คาดไม่ถึงให้เห็นบ่อยๆ ที่เราแนะนำ คือช่วงที่คนนิยมมา ตุลาคม - พฤศจิกายน (ปลายฝนต้นหนาว): เหมาะสำหรับคนชอบบรรยากาศชุ่มฉ่ำ ไอหมอกขาวๆ และน้ำตกจะมีปริมาณน้ำเยอะ สวยงามเป็นพิเศษ ธันวาคม - มกราคม (ฤดูหนาว): เป็นช่วงยอดนิยม อากาศหนาวเย็น และเป็นฤดูกาลของ ใบเมเปิ้ลสีแดง ที่จะร่วงหล่นตามเส้นทางน้ำตก ตัดกับสีเขียวของมอสอย่างงดงาม การบันทึกความทรงจำ คือหน้าที่ของภาพถ่าย หากเตรียมตัวพร้อมแล้ว ก็อย่ารอช้า... เพราะคนที่จะพาคุณไปพิชิตภูกระดึงได้ ก็คือตัวคุณเองเท่านั้น ถึงจะเหนื่อย แต่สิ่งที่ได้กลับมานั้นคุ้มค่าอย่างแน่นอน เพราะมันไม่ใช่แค่การเดินทาง แต่คือประสบการณ์ที่จะกลายเป็นความทรงจำของเราทุกคน "แล้วคุณล่ะ มีแพลนจะไปพิชิตภูกระดึงเมื่อไหร่? หรือถ้าเคยไปแล้ว มีเรื่องไหนอยากแชร์เพิ่มเติม คอมเมนต์บอกกันได้เลยนะครับ" รีวิวอื่นๆที่แนะนำ 10 เรื่องควรรู้ก่อนไปพิชิตภูสอยดาว 2566 จ.อุตรดิตถ์ 10 เรื่องควรรู้ก่อนไปพิชิตเขาหลวงสุโขทัย 2566 จ.สุโขทัย ภูกระดึง เปิดการท่องเที่ยว 1 ตุลาคม 2567 กับ 10 ข้อควรรู้ก่อนไปพิชิตภูกระดึง รีวิว ดอยขุนตาล 2568 กับ 10 ข้อควรรู้ก่อนไปพิชิตดอยขุนตาล เช็กลิสต์! อุปกรณ์เดินป่าสำหรับมือใหม่ พิชิตเขาหลวงสุโขทัย อุปกรณ์เดินป่า สำหรับมือใหม่ ฉบับดอยขุนตาล เช็กลิสต์เลย ! ข้อมูลอุทยานแห่งชาติภูกระดึง ที่อยู่: ต.ศรีฐาน อ.ภูกระดึง จ.เลย 42180 พิกัด: https://www.google.com/maps?q=อุทยานแห่งชาติภูกระดึง เวลาเปิดให้ขึ้นเขา: วันธรรมดา ให้ขึ้น-ลงเขา เวลา 06.00-13.00 น. วันหยุดเสาร์-อาทิตย์ หรือวันหยุดนักขัตฤกษ์ ให้ขึ้น-ลงเขา เวลา 05.30-13.00 น. หมายเหตุ: หลังจากเวลา 13.00 น. ไม่อนุญาตให้ผ่านขึ้นเขาทุกกรณี!! โทร: 042 810 833 Facebook: https://www.facebook.com/PKDnationalpark Credit Photo : ภาพถ่ายจากผู้เขียนเอง #ภูกระดึง2568 #ภูกระดึง #พิชิตภูกระดึง #เรื่องจริงภูกระดึง #รีวิวภูกระดึง #เตรียมตัวไปภูกระดึง #เดินป่า #เที่ยวเลย #เที่ยวไทย #อุทยานแห่งชาติภูกระดึง #สักครั้งในชีวิตเราคือผู้พิชิตภูกระดึง #TrueIDCreator #4handtogether ฝากติดตามช่องเรา 4handtogether ด้วยนะครับ บทความ วีดีโอสั้น ขอบคุณ ผู้อ่านทุกท่านที่ร่วมเดินทางไปกับเรา ไว้เราจะเก็บภาพและสถานที่ท่องเที่ยวสวยๆมาให้ชมกันอีกนะครับ อยากไปเที่ยวไหนหรือเปล่า? หาข้อมูลที่เที่ยวสุดปังได้ที่ App TrueID โหลดเลย ฟรี !