“เก็บเรื่องมาเล่า โดยหนุ่ม สุทน” วันนี้วันจันทร์ที่ 27 กรกฎาคม 2563 วันหยุดอีกหนึ่งวัน ชิลล์ ๆ สบาย ๆ ยามเช้านั่งเขียนเล่าเรื่องให้ชาวแฟนเพจนักเดินทางท่องเที่ยวฟังแล้วไปเที่ยวกันนะครับ “สระบุรี” เริ่มต้นที่ วัดแก่งคอยหรือวัดแร้งคอย อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี ขอเล่าประวัติวัดแก่งคอยให้ฟังก่อนครับ วัดแก่งคอยเป็นวัดเก่าแก่มีมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2330 ถ้าหากดูตามปีพุทธศักราชนั้นก็คือต้นกรุงรัตนโกสินทร์ วัดแก่งคอยมีอยู่คู่กับตลาดเก่าแก่งคอยมานานแล้ว เนื่องจากมีผู้คนอพยพเข้ามาตั้งบ้านเรือนริมแม่น้ำป่าสักเพื่อการสันจรไปมาติดต่อค้าขาย ส่วนคำว่าแก่งคอยมีเรื่องเล่าขานสืบต่อกันมาหลายชั่วอายุคน ขอเล่าเรื่องย้อนอดีตกาลเมื่อครั้งโบราณกาลบริเวณนี้เป็นป่าไม้หนาทึบพอชาวบ้านจะเดินทางเข้าเมืองหลวงคือกรุงรัตนโกสินทร์จะต้องมารวมกันที่โขดหินหรือแก่งในแม่น้ำป่าสัก ด้วยเหตุผลนี้จึงเรียกขานว่าแก่งคอย แต่ถึงอย่างไรก็ตามคำเรียกแก่งสันนิษฐานอีกเรื่องหนึ่ง น่าจะมาเรียกว่าแก่งคอยหรือไม่? บริเวณหน้าวัดริมแม่น้ำป่าสักมีต้นไม้ใหญ่ 4-5 ต้นโดยเฉพาะต้นยางสูงเด่นชัดมากด้วยนกอีกาและนกอีแร้งเกาะกิ่งไม้รอคอยกินซากสัตว์ป่าหรือคนเป็นไข้ป่าเสียชีวิตไม่มีใครรู้!!!จึงเป็นคำเรียกว่า แร้งคอย แล้วก็เป็นชื่อ วัดแร้งคอย ต่อมาทางราชการได้เปลี่ยนชื่อวัดจมูกสโมสรและเมื่อความเจริญเข้ามาในย่านชุมชนแก่งคอยทางคณะกรรมการวัดและคณะสงฆ์ลงความเห็นตรงกันจึงเปลี่ยนชื่อเป็น วัดแก่งคอย ตลาดแก่งคอย ชุมชนแก่งคอย ส่วนวัดแก่งคอยมีความสำคัญและโดดเด่นมาก ๆ เริ่มในปี พ.ศ. 2476 เมื่อหลวงพ่อลา ชัยมงคลหรือท่านพระครูสุนทรสังฆกิจอดีตเจ้าอาวาสวัดแก่งคอย ตามประวัติท่านอุปสมบทที่วัดคล้อทองอำเภอเขื่อง ในจังหวัดอุบลราชธานี แล้วออกธุดงค์เพื่อแสวงหาวิชากรรมฐานในป่าเขาเข้าในเขตสปป.ลาว-ป่าโขงเจียมและพบกันกับผู้มีวิชาอาคมเรียกว่าพ่อเฒ่าหลวงพ่อลาศึกษาวิชาอาคมพลังจิตนาน 5 ปี เสร็จแล้วธุดงค์ต่อมาชุมชนแก่งคอยได้พักอาศัยในโบสถ์เล็ก ๆ เก่าแก่มุงสังกะสีต่อมาชาวบ้านเกิดศรัทธาก็ได้จัดสร้างกุฏิพระให้จำพรรษาและมารับเป็นเจ้าอาวาสวัดแก่งคอยจนกระทั่งมรณภาพในวันที่ 4 พฤศจิกายน ปี พ.ศ. 2497 สิริอายุ 70 ปี 50 พรรษา สำหรับเรื่องราวเล่าขานเกี่ยวกับปาฏิหาริย์และความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อลา ชัยมงคลนั้น เรื่องที่ 1 ทุกวันญาติโยมจะเข้ามาขอความเมตตาจากการให้ดูฤกษ์งามยามดีในพิธีมงคล ขึ้นบ้านใหม่ หลวงพ่อลาจะนั่งสมาธิด้วยพลังจิตในขันน้ำมนต์เรียกว่าน้ำมนต์ไร้น้ำตาเทียนครับ เรื่องที่ 2 หลวงพ่อลาท่านชอบฉันขนมครกมากดังนั้นทุกวันยามเช้า ๆ ญาติโยมจะนำขนมครกมาถวายประจำวัน ส่วนเรื่องที่ 3 ปาฏิหาริย์เป็นความเชื่อที่เล่าสืบต่อกันมาถึงทุกวันนี้ในปี พ.ศ. 2488 เกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 กองกำลังทหารญี่ปุ่นได้ขนอาวุธและเสบียงอาหารมากับรถไฟถึงชุมทางแก่งคอยแล้วยึดอำนาจไว้นานถึง 4 ปี เมื่อเป็นเช่นนี้ฝ่ายตรงข้ามคือทหารพันธมิตรได้นำเครื่องบินมาทิ้งระเบิดในวันที่ 2 เมษายน ปี พ.ศ. 2488 พอชาวบ้านย่านตลาดแก่งคอยได้ยินเสียงระเบิดต่างพากันหนีเอาชีวิตรอด!!! สถานที่ที่น่าจะปลอดภัยที่สุดในวัดแก่งคอยขอบารมีหลวงพ่อลา ได้ผลสำเร็จหลวงพ่อลาท่านใช้พลังจิตปัดเป่าและแล้วมีระเบิดลูก 1 ทิ้งลงพื้นดินภายในวัดแต่เงียบกริบไม่ระเบิดครับ ปัจจุบันทางวัดได้จัดสร้างคล้าย ๆ พิพิธภัณฑ์เพื่อเป็นอนุสรณ์เตือนภัยเมื่อครั้งสงครามโลกครั้งที่ 2 ไปท่องเที่ยวกันนะครับภายในวัดแก่งคอย จุดที่ 1. วิหารหลวงพ่อลามากด้วยพวงมาลัยและขนมครก จุดที่ 2. พิพิธภัณฑ์เตือนภัย จุดที่ 3 องค์พระธาตุเจดีย์ศรีป่าสักประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุริมแม่น้ำป่าสักวิวทิวทัศน์สวยงาม จุดที่ 4. ติดหน้าวัดตลาดเก่าโบราณเดินชมตลาดเก่าและ จุดที่ 5. ควรจะพักแรม 1 คืน ที่ศุภาลัยป่าสัก รีสอร์ท แอนด์ สปา เป็นที่พักผ่อนเงียบสงบอยู่ริมแม่น้ำป่าสักล้อมรอบด้วยป่าไม้และขุนเขามีทั้งบ้านพักและตัวตึกโรงแรม ส่วนกิจกรรมปั่นจักรยานออกกำลังกาย วิ่งเล่นเดินเล่นออกกำลังกาย ลงสระน้ำว่ายน้ำสบาย ๆ หรือจะเยี่ยมชมสวนเกษตรก็ได้ครับ สำหรับอาหารเช้ามีให้เลือกทานแบบชาวไทยและต่างชาติ น่าเที่ยว น่าพักผ่อนศุภาลัยป่าสักรีสอร์ทแอนด์สปา อำเภอแก่งคอยจังหวัดสระบุรีถ้าหากสะดวกวันไหนสอบถามได้ครับโทรศัพท์ 036-200 630 วันนี้หนุ่ม-สุทนเขียนเล่าเรื่องหลวงพ่อลาวัดแก่งคอยให้นักอ่านนักท่องเที่ยวฟังแล้วก็ไปเที่ยวกันนะครับ ขอบคุณและสวัสดี เรื่องและภาพโดย : หนุ่ม-สุทน รุ่งธัญรัตน์ แฟนเพจเฟสบุ๊ค : https://www.facebook.com/sutonfm100.5/ #ติดตามฟังเรื่องราวการเดินทางเที่ยวทั่วไทยทางคลื่นข่าว100.5fm ทุกวันอาทิตย์เวลา 10.10-11.00 น.