เกาะยาวน้อยเป็นเกาะที่อยู่ในทะเลอันดามัน ระหว่างสามจังหวัดคือ พังงา กระบี่ และภูเก็ต เป็นหนึ่งในสองเกาะของอำเภอยาวน้อย จังหวัดพังงา คือยาวน้อย และยาวใหญ่ การเดินทางไปที่เกาะยาวน้อยสามารถเดินทางได้ทั้งจากท่าเรือในจังหวัดพังงาเอง ท่าเรือจังหวัดกระบี่ และท่าเรือโดยสารจังหวัดภูเก็ต เกาะยาวน้อยนี้มีชื่อเสียงด้านการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเดินทางมาจากจังหวัดภูเก็ตจะเห็นความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด บนเกาะยาวน้อยจะสงบ รบรื่น ธรรมชาติบนเกาะยังไม่ถูกทำลาย ผู้คนใช้ชีวิตเรียบง่าย ไม่เร่งรีบ เราสามารถไปเยี่ยมชมวิถีชีวิตของชาวบ้านเกาะยาวน้อย และทำกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์หลายอย่าง เช่น ขี่จักรยานรอบเกาะ เรียนวิธีการทำผ้าบาติก ออกเรือไปชาวประมง ไปเรียนการกรีดยาง เป็นต้น ชาวบ้านบนเกาะส่วนมากแล้วจะเป็นอิสลาม จะมีอาชีพทำประมง ทำสวน ทำนา ทำสวนยาง ค้าขายหรือทำทำกิจการที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวเช่นที่พัก ร้านอาหาร ให้เช่ารถมอเตอร์ไซค์ เป็นต้น วันนี้เราพาเที่ยวเกาะยาวน้อย ในสไตล์เราคือหาที่เช็คอิน และกินค่ะ เราเดินทางไปเกาะยาวน้อย จากจังหวัดภูเก็ต แบบเช้าไปเย็นกลับ เราไปถึงท่าเรือบางโรง ซึ่งเป็นท่าเรือโดยสารไปเกาะยาวน้อย และเกาะยาวใหญ่ ประมาณเก้าโมงเพื่อรอขึ้นเรือสปีดโบ้ท ข้ามไปที่เกาะยาวน้อย หากนำรถยนต์มาเองสามารถนำไปฝากไว้ที่ท่าเรือ จะมีบ้านของชาวบ้านใกล้ ๆ กับท่าเรือรับฝากรถ หรือจอดไว้ข้างทางก่อนถึงท่าเรือก็ได้เช่นกัน เรือโดยสารไปเกาะยาวน้อยใช้เวลาเดินทางประมาณครึ่งชั่วโมง เรือจะออกทุก ๆ ชั่วโมง จะมีตารางเวลาติดบอกไว้ที่ท่าเรือ จุดขายตั๋วที่ท่าเรือบางโรง สามารถซื้อตั๋วก่อนขึ้นเรือได้เลยค่ะ ค่าเรือถ้าเป็นสปีดโบ้ท 300 บาท เรือหางยาว 200 บาท ท่าเรือบางโรงจะมีทั้งเรือหางยาวและสปีดโบ้ท หรือ หากใครต้องการไปพักบนเกาะก็ทำได้เช่นกัน มีทั้งโรงแรมห้าดาว สี่ดาว บังกะโลของชาวบ้าน หรือจะไปใช้ชีวิตกับชาวบ้านแบบโฮมสเตย์ก็ทำได้เช่นกัน ทริปนี้เราจะเที่ยวแบบเบา ๆ ไม่ทำกิจกรรมอะไรมาก ไปถึงท่าเรือที่เกาะยาวน้อย ที่ ท่าเรือมะเนาะ เราก็โบกรถสองแถวให้พาไปร้านเช่ารถมอเตอร์ไซค์ ที่อยู่ในตลาด เพราะวันนี้เราจะเที่ยวรอบเกาะกันด้วยการขี่มอเตอร์ไซค์ค่ะ ค่าเช่าต่อวันก็ประมาณ 300 บาท แต่ก็สามารถต่อรองได้ค่ะถ้าไปกันหลายคน เช่าหลายคัน จุดแรกที่เราไปคือ หนำหน้าทอน ที่นี่เป็นทั้งที่พักและร้านกาแฟ ที่มีนาข้าวปลูกอยู่หน้าห้องพัก วันที่เราไปถึงข้าวกำลังเขียวสวยเลยค่ะ เราก็นั่งเล่นสั่งขนมและเครื่องดื่มเย็น ๆ มาคลายร้อน และเดินเล่นถ่ายรูปในนา หากใครพักที่นี่ก็คงได้บรรยากาศดีไปอีก ตื่นขึ้นมานั่งเล่นที่เปลหน้าห้องดูนาข้าวไปด้วย ห้องพักดูแล้วก็โอเคเลยค่ะ มีแอร์ด้วย แต่มีอยู่ไม่กี่หลัง https://www.facebook.com/pages/category/Bed-and-Breakfas พิกัด 8.133351, 98.595936 ได้เวลาอาหารกลางวันเราก็ไปแถวลานริมเล ชื่อร้านอาหารเกาะยาวท่าต้นโดซีฟู้ด เป็นอาหารพื้นบ้าน ราคาไม่แพงและก็อร่อยด้วยค่ะ เฉลี่ยแล้วค่าอาหารไม่เกินคนละ 300 บาทค่ะมื้อนี้ พิกัด 8.149775, 98.598080 จากนั้นก็ไปขี่รถเล่นรอบ ๆ เกาะ ก่อนจะไปจบที่ชายทะเล ใกล้ๆ กับโรงแรมเคปกูดู แถวนั้นวิวสวยดีค่ะ ก่อนกลับก็แวะไปหากาแฟและขนมทานที่ Cafe Kantary @ Cape Kudu นั่งชมวิวไปด้วย ทานเค้กอร่อย ๆ ไปด้วยสุดยอดค่ะ https://www.facebook.com/cafekantary พิกัด 8.107892, 98.622931 ก่อนจบทริปเราก็แวะไปกินโรตีที่ร้านโรตีชื่อดังของเกาะนี้ ชื่อ "โรตีชาวเกาะ" อยู่ใกล้ ๆ กับร้านเช่ารถมอเตอร์ไซค์ ก่อนที่จะกลับไปท่าเรือ เพื่อนั่งเรือกลับไปยังเกาะภูเก็ตของเรา พิกัด 8.116786, 98.591545 ปิดทริปของเราแบบอิ่ม ๆ ด้วยค่าใช้จ่ายทั้งทริป รวมค่าเรือไปกลับ และของกินไม่เกิน 1,500 บาทค่ะ เรียกได้ว่าได้พักผ่อนเต็มที่ชาร์ตแบตเต็มพลังค่ะ @ภาพประกอบทั้งหมดโดยผู้เขียน #ไทยเที่ยวไทย #เที่ยวทะเล #เที่ยวเกาะ