หลังจากไม่ได้เดินทางไปยุโรปนานถึง 4 ปี วันนี้รีวิวอีหยั๋งดีก็มีโอกาสมาเล่าประสบการณ์การเดินทางทริปล่าสุดของปี 2023 ขอเกริ่นก่อนนะคะ ว่าทริปนี้ไม่ใช่ครั้งแรกของการเดินทางไปยุโรป ทุกๆ การเดินทางที่ผ่านมามีเรื่องราวมากมายให้จดจำ ทั้งเรื่องดีและไม่ดี แต่นักสู้อย่างเราก็ไม่เคยกลัว 555++ รีวิวอีหยั๋งดีวันนี้จะพาไปเที่ยวเมือง Munich ประเทศเยอรมนี รอบนี้เป็นครั้งที่ 4 ที่มีโอกาสบินไปลงที่สนามบินมิวนิค ส่วน 3 ครั้งที่ผ่านมาจะเป็นการบินไปลงสนามบินมิวนิคและเดินทางไปอยู่ที่ Innsbruck ประเทศออสเตรีย ไม่ค่อยมีโอกาสได้เที่ยวที่นี่แบบจริงๆ จังๆ เลยครั้งนี้บินไปหาแฟนซึ่งอยู่ห่างจาก Munich ใช้เวลาขับรถประมาณ 2 ชั่วโมง แต่เนื่องจากแฟนบินไปทำงานต่างประเทศและกลับมาไม่ทันวันที่เราเดินทางไปถึง ความโชคดีของเราคือ เพื่อนชาวออสเตรีย holiday ตรงกับวันที่เราเดินทางไปถึงพอดี นางเลยมารับที่สนามบินไปค้างบ้านนางวันแรกที่เราบินถึงสนามบินมิวนิค รอรับกระเป๋าและออกไปเจอเพื่อนก็ประมาณ 7 โมงเช้า เราเลยแวะเก็บภาพสวยๆ ที่มิวนิคก่อนจะเดินทางต่อไปยังออสเตรียพอถึงวันที่เพื่อนจะต้องไปขึ้นเครื่องที่สนามบินมิวนิค เพื่อไปเที่ยวอีกประเทศในยุโรป เราเลยถือโอกาสนี้แยกกันกับเพื่อนที่สนามบิน และเข้าไปค้างที่มิวนิคก่อนที่จะไปเมืองที่แแฟนอยู่ ซึ่งครั้งนี้ถือว่าเป็นการเที่ยวคนเดียวครั้งแรกเลยก็ว่าได้แฟนจองที่พักไว้ให้อยู่ใจกลางเมืองมิวนิค 3 วัน 2 คืน โดยโรงแรมที่เราจะไปพักนั้นอยู่ติดกับสถานีรถไฟกลางมิวนิค เมื่อถึงสนามบินมิวนิค เราก็เดินตามป้ายไปที่สถานีรถไฟเดินสักพักก็ถึงสถานีรถไฟ เราเลือกที่จะซื้อตั๋วจากเคาน์เตอร์ DB เพราะนี่เป็นการเดินทางโดยรถไฟเองครั้งแรก สงสัยอะไรเกี่ยวกับการเดินทางสามารถถามพนักงานได้ แต่ถ้าใครไม่อยากต่อแถวซื้อตั๋ว ก็มีตู้ซื้อตั๋วอัตโนมัติหรือจองผ่านเว็บไซต์ของ DB ได้เช่นกัน เราซื้อตั๋วแบบเที่ยวเดียว เพราะที่พักใกล้สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ระยะทางแต่ละที่เราก็สามารถเดินไปได้ แต่ถ้าใครไม่ชอบเดินเหมือนเราก็สามารถเลือกเป็นตั๋วแบบรายวันได้ ซื้อครั้งเดียวก็สามารถขึ้นรถสาธารณะได้ทั้งรถไฟ รถราง และรถบัสได้ตั๋วเรียบร้อยแล้ว เราก็เดินลงไปรอรถที่ชานชาลา โดยการเข้าเมืองจะมีให้นั่ง 2 สาย ส่วนตัวเราเลือกนั่ง S1 เพราะสถานีสุดท้ายที่จอดจะเป็นสถานีกลางมิวนิคเลยพอถึงสถานีกลางมิวนิคเราก็รีบเดินหาโรงแรม เดินหลงทางอยู่สักพัก หาโรงแรมเท่าไหร่ก็ไม่เจอ เลยตัดสินใจไปถาม Tourist Information สรุปอยู่อีกฝั่งโรงแรมที่เราพักมีชื่อว่า Hotel Drei Loewen โชคดีที่มีห้องว่างพอดี ทางพนักงานเลยให้เราเช็คอินก่อนเวลา พนักงานที่นี่ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี ห้องใหญ่ สะอาดเข้าห้องพักผักผ่อน พอหายเหนื่อยท้องก็ร้องจ๊อกๆ เพราะตลอดทั้งวันยังไม่มีอะไรตกถึงท้อง เราเลยออกไปหาร้านอาหารไทยที่อยู่ใกล้ๆ โรงแรม กินข้าวเสร็จก็มีแรงตะลอนเดินเที่ยวสถานที่แรกที่เราไปคือ Marienplatz Square ถ้าใครไปเที่ยวมิวนิค สถานที่นี้เป็นสถานที่ยอดฮิตที่กลุ่มนักท่องเที่ยวมักพากันไปถ่ายรูป เราไปช่วงบ่าย 3 - 4 โมงเย็น คนก็เริ่มเยอะแล้วย้อนไปเมื่อปี 2019 ตอนที่เราไป มีการจัดงานคอนเสิร์ต ปกติที่นี่ก็มีคนไปเยอะอยู่แล้ว แต่พอมีคอนเสิร์ตหรืองานสังสรรค์ ผู้คนก็เยอะจนแออัด ถ่ายรูปทีก็ติดคนเยอะแยะไปหมด ไม่มีพื้นที่หายใจเลยทีเดียวภาพ Marienplatz Square เราถ่ายตอนวันแรกที่บินถึงมิวนิคนะคะ ใครที่อยากได้ภาพสวยๆ ถ่ายรูปชิวๆ แบบไม่มีคน เราแนะนำให้ไปตอนเช้า เพราะไม่ค่อยมีคน จะเจอก็แต่นักท่องเที่ยว ที่ไม่อยากถ่ายรูปติดคนเยอะๆ ช่วงที่เราไปเป็นช่วง Spring Season อากาศก็จะมีทุกฤดูรวมกัน บรรยากาศก็จะค่อนข้างเย็น เรียกว่าหนาวเลยทีเดียว เราเตรียมชุดไปเยอะ อยากมีโมเม้นท์ใส่กระโปรงเดินตากแดดอ่อนๆ บ้าง ก็อดทนหนาวไปเลยสิ 555++ พอถ่ายรูปตรง Marienplatz Square เสร็จ เราก็เดินถ่ายภาพเก็บบรรยากาศรอบๆ เห็นอะไรสวยๆ น่าถ่ายภาพ ก็แชะเก็บไว้ชมเดินสักพักก็ถึง Hofgarten บรรยากาศช่วงเย็นที่นี่ก็ค่อนข้างที่จะหนาว เพราะมีลมตลอด เจอแดดอ่อนๆ ช่วงเย็นๆ ก็ค่อยรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย วันที่เราไปมีการกั้นเชือกไว้ไม่ให้เข้า เราเลยไม่ค่อยได้ถ่ายภาพเพราะมีเชือกกั้นหลายจุด (ภาพ Hofgarten ก็เป็นภาพวันแรกที่เดินทางไปถึงเช่นกัน)นั่งพักหายเหนื่อยก็เดินกลับโรงแรม กว่าจะเดินถึงที่พักฟ้าก็เริ่มมืดแล้ว ก่อนเข้าโรงแรมก็แวะซื้ออาหารจีนสำหรับมื้อเย็นไปทาน ตื่นเช้าวันที่ 2 วันนี้ออกไปตะลอนเที่ยวตั้งแต่เช้าเลย บรรยากาศเย็นเลยแต่งตัวจัดเต็มพร้อมลุยกับบรรยากาศที่มีทั้งหนาว ลม ฝน แดด จุดหมายปลายทางของวันนี้ก็จะเป็น Deutsches Museum แต่งตัวเรียบร้อยพร้อมเดินทาง ก็เปิด Google Maps ออกจากโรงแรม ระหว่างทางก็ผ่าน Market อารมณ์เหมือนตลาดนัดบ้านเรา มีทั้งต้นไม้ ดอกไม้ ไวน์ และอื่นๆ อีกมากมาย เราก็ไม่พลาดที่จะเก็บรูปมาไว้ชมเช่นเคยเดินสักพักก็ถึง Deutsches Museum วันที่เราไปคนต่อแถวซื้อบัตรเข้าชมพิพิธภัณฑ์ค่อนข้างเยอ เราเลยถ่ายรูปแค่รอบๆ บริเวณข้างนอกพอ ถ่ายรูปเสร็จเราก็เดินเล่นไปนั่งชิวที่สวนสาธารณะ วิวด้านหลังของ Fruhlingsalage Park จะมองเห็น Deutsches Museum เดินเหนื่อยๆ มาก็แวะนั่งชิวๆ ดูพี่เป็ดน้อยเล่นน้ำกัน บรรยากาศน่านอนมาก ถ้ามีเสื่อผืนหมอนใบคงจะหลับยาวๆนั่งสักพักท้องก็เริ่มร้อง ตั้งแต่เช้าอาหารยังไม่ตกถึงท้อง เราจึงเดินกลับโรงแรม โดยขากลับก็เปลี่ยนเส้นทางกลับอีกแล้ว ระหว่างทางเดินไปเห็นอะไรสวยๆ ก็แชะภาพเก็บไว้มื้อแรกของวันนี้ก็แวะซื้ออาหารจีน แต่เป็นคนละร้านกับเมื่อคืน เสร็จเรียบร้อยก็ถือกลับไปทานที่โรงแรม แวะพักสักชั่วโมงค่อยไปเที่ยวต่อพักหายเหนื่อยก็ออกไปเดินเล่นใกล้ๆ โรงแรม โดยจุดหมายต่อไปก็จะเป็น St. Paul ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโรงแรม สถานที่นี้ไม่ได้อยู่ในแพลนที่จะไป แต่ช่วงเวลาที่เราเดินออกไปข้างนอก สายตาก็มองไปเห็น เห็นแค่ช่วงปลายๆ ของตึก ก็คิดว่าที่นี่น่าจะสวย พอเดินไปถึงสวยจริงๆ ค่ะ แต่เราไม่ได้เข้าไปข้างใน เก็บภาพอยู่แค่ด้านนอกถัดไปจะเป็นสวนสาธารณะ ที่นี่มีคุณพ่อคุณแม่ พาลูกๆ ออกมาเล่น นั่งสักพักเราก็เดินกลับไป ก่อนเข้าโรงแรมก็แวะเข้าไปสถานีรถไฟเพราะพรุ่งนี้ต้องเดินทางต่อไปอีกเมืองเช็คตารางเวลาเรียบร้อยก็หาร้านอาหารไทย โดยร้านนี้มีชื่อว่า Noppakao Thai Imbiss แวะเติมพลังด้วยส้มตำปูปลาร้า โซ้ยให้หายคิดถึงเมืองไทยสักหน่อย ร้านนี้ตำส้มตำได้รสชาติของไทยแท้ พนักงานที่ร้านก็เป็นคนไทย อยากกินอะไรพี่เค้าก็จัดให้รสชาติออริจินัลกันเลยทานมื้อเย็นเสร็จก็กลับโรงแรม พักผ่อน พรุ่งนี้ต้องออกเดินทางไป Nuremberg วันที่ 3 ตื่นเช้าก็อาบน้ำแต่งตัว เก็บกระเป๋าเตรียมตัวออกเดินทางไปอีกเมือง เช็คตารางรถไฟมีเที่ยวที่จะไป Nuremberg ช่วงเที่ยง เราเลยลงไป Check Out เสร็จแล้วเดินไปสถานีรถไฟ เพื่อจะหาเคาน์เตอร์ DB ซื้อตั๋วเมือง Nuremberg จะสวยเหมือน Munich มั้ยนร๊า ต้องมารอชมกันในรีวิวถัดไปนะคะ #Munich #Germany #เที่ยวเยอรมนี #เที่ยวยุโรป #มิวนิค #เยอรมนี #เที่ยงยุโรปคนเดียว #รีวิวอีหยั๋งดีกราฟฟิกภาพ : Canva และ Foodieเครดิตรูปภาพทั้งหมด โดย รีวิวอีหยั๋งดีอยากไปเที่ยวไหนหรือเปล่า? หาข้อมูลที่เที่ยวสุดปังได้ที่ App TrueID โหลดเลย ฟรี !