สธ.เตือน ไม่จำเป็นอย่าไป ! ญี่ปุ่น สิงคโปร์ มาเก๊า ฮ่องกง เสี่ยงไวรัสโควิด-19
นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัด สธ. พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แถลงข่าวความคืบหน้าสถานการณ์ไวรัสโคโรน่า 2019 โดยได้รับรายงานยืนยันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพิ่ม 1 ราย เป็นนักท่องเที่ยวจีน เพศหญิง อายุ 68 ปี เมื่อพบว่ามีอาการไอ จึงรับเข้าโรงพยาบาลเพื่อรักษา เป็นผู้ป่วยรายที่ 4 ในครอบครัวเดียวกัน นับเป็นผู้ป่วยยืนยัน รายที่ 35 ของประเทศไทย
ทั้งนี้ สธ. ได้ขยายการเฝ้าระวัง เพื่อให้สามารถค้นพบผู้ป่วยได้มากขึ้น ใน 3 กลุ่ม ดังนี้
- ในกลุ่มผู้ป่วย ที่มีอาการปอดอักเสบที่หาสาเหตุไม่ได้ และผู้ป่วยที่ประกอบอาชีพที่สัมผัสใกล้ชิดกับนักท่องเที่ยว ที่มาจากพื้นที่ที่มีรายงานการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
- เพิ่มการคัดกรองที่ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ และ ใน รพ. หากเป็นผู้เดินทางมาจากประเทศจีน ฮ่องกง มาเก๊า จีนไทเป ญี่ปุ่น สิงคโปร์ และประเทศที่มีรายงานการระบาดรวมถึงระบาดในชุมชน
- ในส่วนของ รพ. ให้เพิ่มการเฝ้าระวังพิเศษ กรณีที่ผู้ป่วยมีประวัติเดินทางกลับมาจากประเทศที่มีการรายงาน พบการแพร่เชื้อในชุมชน ภายในประเทศนั้นๆ (Local Transmission)
สำหรับกรณีเรือสำราญเวสเตอร์ดัมเป็นปลุ่มที่มีความเสี่ยง สธ.จึงมีมาตรการณ์ 2 ส่วน ได้แก่
- กรณีคนไทยกลับบ้านมีการดูแลติดตามเฝ้าระวังต่อเนื่องจนครบ 14 วัน ตามมาตรฐานป้องกันควบคุมโรค หากจะเดินทางต่อมีการคัดกรองก่อนขึ้นเครื่อง หากมีไข้ไม่อนุญาตให้ขึ้นเครื่อง และส่งเข้ารักษาตามระบบ
- คนต่างชาติจะไม่อนุญาตให้เข้าประเทศทั้งการต่อเครื่อง และเปลี่ยนเครื่อง โดยสธ.ได้ประสานงานกับสายการบิน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) กระทรวงการต่างประเทศ และบริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หากจำเป็นจะเดินทางเข้าประเทศไทย ต้องปฎิบัติตามมาตรฐานป้องกันควบคุมโรคของไทยอย่างเคร่งครัด
โดยคาดว่า ในระยะอีก 2 เดือน ประเทศไทย จะเริ่มมีอากาศร้อน สถานการณ์ของโรคน่าจะดีขึ้น และควรยึดหลัก กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ สำหรับผู้ที่ไม่ได้ใกล้ชิดผู้ป่วย สามารถใช้หน้ากากผ้าได้ แต่ถ้าสัมผัสผู้ป่วยควรใช้แบบทางการแพทย์
นอกจากนี้ ห้องสำหรับรับผู้ป่วย ทาง สธ. ได้เตรียมความพร้อมแล้ว และได้สั่งการให้ทำแผนปฏิบัติการให้ลงไปถึงตำบล หมุ่บ้าน อำเภอ ว่ามีผู้ที่มีประวัติเดินทางไปในประเทศเสี่ยง เช่น จีน ญี่ปุ่น สิงคโปร์ หากมีอาการผิดปกติ ให้มาตรวจร่างกายหาเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 รวมถึงบุคลากรทางการแพทย์ด้วยเช่นกัน เพื่อความปลอดภัยสูงสุด
===============