"หนีห่าว" 🇭🇰🇲🇴หากใครที่กำลังมองหาสถานที่เที่ยว อยากจะลองไปเที่ยวต่างประเทศซักครั้ง แต่มีงบและเวลาจำกัด อยากจะหนีบรรยากาศร้อนๆ ในเมืองไทย ไปรับอากาศเย็นสบายที่ต่างประเทศ ฮ่องกง เป็นประเทศหนึ่งที่อยากจะแนะนำให้ไปช่วงนี้ ซึ่งอากาศช่วงเดือนมีนาคมจะอยู่ที่ 17-25 องศา ซึ่งเป็นอากาศกำลังดีเลย ส่วนเราไปเมื่อวันที่ 19-21 มีนาคม 2566 บอกเลยอากาศดีมากกกกกก**แต่ขอบอกก่อนว่า ทริปนี้เราไม่ได้ไปดิสนีย์แลนด์ ไม่ได้เน้นกินอาหารตามร้านมิชลิน ทริปนี้เราเน้นไปเที่ยว ไปพักผ่อน ไปชาร์จแบต ไปฮีลใจ ไปไหว้พระ ขอพร เป็นหลักนะคะ 🙏🏻✨สำหรับค่าใช้จ่ายหลักๆ จะขอแบ่งตามหัวข้อดังนี้ค่า....1. ตั๋วเครื่องบินการเดินทางครั้งนี้ เราเลือกเดินทางโดยสายการบินแอร์เอเชีย เนื่องจากเมื่อเทียบไฟล์ทบินแต่ละสายการบินแล้ว แอร์เอเชียตอบโจทย์เรื่องเวลาการเดินทางมากที่สุด เราอยากไปถึงฮ่องกงแต่เช้า เราจึงเลือกไฟล์ทบิน 06.10-09.50 (เดินทางประมาณ 2.40 ชั่วโมง) เราทำการจองผ่านแอพทริป ซึ่งไม่ต้องกังวลเลยว่าจะเช็คอินล่าช้า เพราะทริปมีบริการสมาร์ทเช็คอิน ซึ่งจะเช็คอินล่วงหน้าให้เรา สำหรับราคาตั๋วขาไปอยู่ที่ 2,560 บาท และสำหรับขากลับเราก็เดินทางโดยสายการบินแอร์เอเชียเช่นเคย เนื่องจากในแพลนเราต้องการไปเที่ยวมาเก๊าด้วย 1 วัน เราจึงเลือกไฟล์ท 23.35-01.30 (เดินทางประมาณ 2.55 ชั่วโมง) ครั้งนี้เราทำการจองผ่านแอพอโกด้า (เนื่องจากวันที่เราจอง แอพนี้ถูกกว่าแอพอื่นๆ 😉) สำหรับราคาตั๋วขากลับอยู่ที่ 3,231.42 บาท รวมค่าเดินทางสำหรับขาไป-กลับ 5,791.42 บาท**ทริคการจองตั๋วเครื่องบิน (ส่วนตัว) เราจะทำการเปรียบเทียบราคาตั๋วของแต่ละแพลตฟอร์ม ซึ่งถ้าแอพไหนให้ราคาดี เราก็จัดเลยย อีกทริคคือ เราจะเช็คราคาตั๋วและทำการจองในวันพฤหัสบดี เพราะรู้สึกว่าเป็นช่วงวัน เวลาที่ราคาตั๋วดีที่สุด ☺️2. โรงแรมสำหรับโรงแรมที่เราไปพักในครั้งนี้ เราเลือกไปพักแถวย่านจิมซาจุ่ย (Tsim Sha Tsui) ซึ่งเป็นย่านที่สะดวก สบายสำหรับนักเดินทาง หน้าโรงแรมเป็นจุดจอดรถบัส และข้ามถนนไปอีกหน่อยก็เป็นจุดขึ้น MTR ใกล้กับอ่าววิคตอเรีย ซึ่งเดินไม่ไกลมาก ครั้งนี้เราไปพักที่โรงแรมอิมพิเรียล (Imperial Hotel) เราทำการจองกับแอพอโกด้า สำหรับค่าโรงแรมสำหรับพักช่วงวันที่ 19-21 มีนาคม (2 คืน) อยู่ที่ 4,766.38 บาท **เราไปกับน้องสาว 2 คน แต่หากใครที่ไปกับเพื่อน หรือมีคนแชร์ค่าใช้จ่ายด้วย ก็ตกคนละ 2,383.19 บาท3. เดินทางอย่างที่เรารู้กันว่าไปฮ่องกงเราต้องมีบัตรปลาหมึก (Octopud card) ซึ่งบัตรนี้จะมีให้เลือก 2 แบบ คือซื้อถาวร หรือแบบเช่า ซึ่งครั้งนี้เราเลือกแบบเช่า ค่าเสียหายอยู่นี้ 940 บาท (200 HKD : ค่ามัดจำ 50 HKD และเงินในบัตรอีก 150 HKD) หรืออีกตัวเลือกสำหรับบัตรท่องเที่ยว หากใครมีบัตร your trip ก็สามารถใช้จ่ายผ่านบัตรนี้ได้ เช่นซื้อของใน 7-11 หรือใช้สำหรับจ่ายค่าโดยสาร ซึ่งเราทดลองใช้แล้ว สามารถใช้ได้กับรถบัส A21 (รถบัสสายสนามบิน) และรถบัสข้ามฝั่งไปมาเก๊าการเดินทางหลักๆ เราใช้บริการรถไฟ MTR ซึ่งสะดวกมาก สำหรับการเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ ซึ่งแต่ละสถานีมีป้ายและราคาบอกชัดเจน ไม่ต้องกลัวหลงเลย แต่เราต้องวางแผนการเดินทางให้ดี ว่าเราต้องการไปที่ไหนก่อน แต่บางสถานที่ MTR อาจจะไม่สามารถไปได้ เช่นวัดทินหัว ที่หาดรีพัลส์เบย์ อาจจะต้องเปลี่ยนวิธีการเดินทาง เป็นรถบัส ซึ่งรถบัสที่นี่มีหลายสายมาก แต่เราสามารถเช็คได้ที่ Google map ว่าถ้าหากเราต้องการไปที่นี่ เราต้องขึ้นรถบัสสายไหน ไม่ต้องกลัวว่าจะขึ้นผิดเลย **แต่ต้องขึ้นให้ถูกฝั่งก็พอ เพราะเราก็เกือบขึ้นผิดฝั่ง 55+ ค่าเดินทางตลอดทริปที่ฮ่องกง ประมาณ 1,032.12 บาท (219.6 HKD) และค่าเดินทางไปมาเก๊า 305.5 บาท (65 HKD) รวมค่าเดินทางทั้งหมด 1,337.62 บาท4. อาหารทริปนี้เราไปฮ่องกง แต่เราแทบไม่ได้กินอาหารฮ่องกงเลย ก็คงมีแค่ติ๋มซำ ที่เป็นอาหารขึ้นชื่อของฮ่องกงที่เราไปกิน นอกนั้นคืออาหารเกาหลี ญี่ปุ่น ไทย 🫣 บางมื้อ เราจะสั่งอาหารมาจานเดียว และแชร์กับน้อง เพราะที่นี่เสิร์ฟทีจานใหญ่มาก ขนาดกิน 2 คนยังเกือบไม่หมด ตลอดทริปเราหมดกับค่าอาหาร ค่าน้ำ ค่าชา ขนมหวาน ประมาณ 4,493.15 บาท (975 HKD) ถ้ามีคนช่วยแชร์ ก็ตกคนละ 2,246.56 บาท**ทริปนี้เราแบกมาม่าคัพไปด้วย แต่ก็กินไปแค่คัพเดียวเอง 🍜5. จิปาถะหากใครแพลนที่จะไปไหว้พระ ขอพร ตามวัดดังที่หลายๆ คนแนะนำ หลักๆ จะมีค่าธูปสำหรับไหว้ แต่ทางวัดไม่บังคับว่าต้องซื้อไหว้นะคะ และธูปก็มีหลายราคาให้เราเลือก ซึ่งชุดเริ่มต้นก็จะอยู่ที่ประมาณ 235 บาท (50 HKD) แต่ที่วัดหวังต้าเซียนจะมีธูปให้เราไหว้ฟรี ซึ่งเราอาจจะทำบุญตามกำลังศรัทธาก็ได้ ทริปนี้เราไปทั้งหมด 6 วัด ค่าใช้จ่ายประมาณ 1,034 บาท (220 HKD)รวมค่าใช้จ่ายตลอดทั้งทริปประมาณ 12,792.79 บาท (ราคานี้ยังไม่รวมค่าเครื่องรางที่บูชา หรือช็อปปิ้งต่างๆ ตลอดทั้งทริปเราแทบไม่ได้ช็อปปิ้งเลย เพราะของแพงมาก ทริปนี้เลยเน้นไปกิน เที่ยว เดินสายทำบุญ และถ้าใครเป็นคนต่างจังหวัดแบบเรา ก็ต้องเผื่อค่าเดินทางจากบ้านไป กทม. ด้วยน้า ✈️) สำหรับใครที่กังวลเรื่อง ตม. ที่ฮ่องกง บอกเลยว่า สำหรับเราคือแทบไม่โดน ตม. ถามอะไรเลย พอก้าวลงจากเครื่องบินปุ๊บ เดินเข้าสนามบิน จะมีเจ้าหน้าที่ และน้องหมารอต้อนรับเราอยู่ น้องหมามาดมๆ เราซักพัก ก็ปล่อยเราไป ช่วงต่อแถวเช็คพาสปอร์ต เราก็พูดแค่ good morning พร้อมยื่นพาสปอร์ตและ Arrival card ให้ ตม. ซึ่งเขาแทบไม่คุยกับเราเลย หรืออาจจะยังเช้าอยู่ เจ้าหน้าที่คงขี้เกียจคุยกับเรา 🤣 แต่จะไปเที่ยวทั้งที พกความมั่นใจไปเยอะๆ ถึงจะไม่ได้นอน แต่ก็ทำหน้าตายิ้มแย้ม แจ่มใสเข้าไว้ แค่นี้ ตม. ก็คงมั่นใจแล้ว ว่าเราตั้งใจมาเที่ยวจริงๆ ขอให้ทุกคนแฮปปี้กับการเที่ยวฮ่องกงนะ 💕ขอบคุณทุกคนที่อ่านมาจนถึงตรงนี้ หากทริปหน้ามีโอกาสได้ไปไหนอีก จะมาแชร์ให้ได้อ่านกันอีกน้า เจอกันทริปหน้าค่าาา 🙇🏻♀️ รูปภาพทั้งหมดถ่ายโดยผู้เขียน @Fuyuchan เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !