บริเวณโดยรอบอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ มีสถานที่ที่น่าสนใจมากมาย ที่รอให้เราเข้าไปค้นหา เราลองไปชมกันครับว่ามีสถานที่ใดบ้าง ภาพประกอบโดย NexUs อนุสาวรีย์สามกษัตริย์ถือเป็นแลนด์มาร์คหนึ่งของจังหวัดเชียงใหม่ที่หลาย ๆ คนรู้จักดี และบริเวณนี้ถือเป็นบริเวณใจกลางของเมืองเชียงใหม่เลยก็ว่าได้ เพราะในอดีตเคยประดิษฐานเสาอินทขิล หรือเสาหลักเมือง เมื่อแรกสร้างเมืองเชียงใหม่ ในสมัย พญามังราย แต่รู้หรือไม่ครับว่าปัจจุบันบริเวณใจกลางเมืองเชียงใหม่รอบอนุสาวรีย์สามกษัตริย์นั้น มีสถานที่ที่น่าสนใจอยู่หลายแห่งที่ทางเทศบาลนครเชียงใหม่ได้พัฒนาขึ้นเพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์ และศิลปวัฒนธรรมของล้านนา ซึ่งสถานที่แต่ละแห่งแฝงไว้ด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ที่ยังคงยืนหยัดผ่านการเวลา เพื่อจะคอยบอกเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ให้กับผู้ที่สนใจที่ได้ไปเยี่ยมชม ภาพประกอบโดย NexUs จุดแรกจะขอพาทุกท่านไปสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์สามกษัตริย์ หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า อนุสาวรีย์สามกษัตริย์ (Three Kings Monument) กันก่อนครับ ว่าแต่สามกษัตริย์นั้นเป็นกษัตริย์พระองค์ใดบ้าง ๑. กษัตริย์พระองค์ที่ประทับอยู่ตรงกลางคือ พญามังราย กษัตริย์แห่งราชวงศ์มังรายผู้สร้างเมืองเชียงราย และต่อมาได้ย้ายมาสร้างเมืองขึ้นมาใหม่ บริเวณที่ราบลุ่มฝั่งแม่น้ำปิง และทรงขนานนามเมืองใหม่นี้ว่า นพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่ อันเป็นศูนย์กลางของอาณาจักรล้านนาในเวลาต่อมา ๒. กษัตริย์พระองค์ที่ประทับอยู่ทางเบื้องซ้ายของพญามังราย คือ พญาร่วง หรือ พ่อขุนรามคำแหงมหาราช กษัตริย์แห่งกรุงสุโขทัย ผู้ประดิษฐ์ลายสือไทย อันเป็นต้นแบบของตัวอักษรไทยในปัจจุบัน ๓. กษัตริย์พระองค์ที่ประทับอยู่ทางเบื้องขวาของพญามังราย คือ พญางำเมือง กษัตริย์แห่งเมืองพะเยา เป็นพระสหายสนิทของพญาร่วง และทรงปกครองบ้านเมืองด้วยความร่มเย็นเป็นสุข โดยการผูกมิตรกับอาณาจักรใกล้เคียง ภาพประกอบโดย NexUs กษัตริย์ทั้งสามพระองค์ได้กระทำสัตย์สาบานเป็นไมตรีต่อกัน และกษัตริย์ทั้งสามพระองค์ยังมีส่วนร่วมในการสร้างเมืองเชียงใหม่ให้เจริญรุ่งเรืองสืบมาจนถึงปัจจุบัน ชาวเมืองเชียงใหม่สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ จึงพร้อมใจกันสร้างอนุสาวรีย์แห่งนี้ไว้เพื่อเป็นที่สักการะ และรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านตลอดไป ภาพประกอบโดย NexUs หลังจากสักการะอนุสาวรีย์สามกษัตริย์เรียบร้อยแล้ว สถานที่ที่เราจะไปต่อไปก็ไม่ไกลจากอนุสาวรีย์ครับ สถานที่นี้อยู่ทางด้านหลังของอนุสาวรีย์สามกษัตริย์นี่เอง ซึ่งปัจจุบันเป็นที่ตั้งของ หอศิลปวัฒนธรรมเมืองเชียงใหม่ (Chiangmai City Arts & Cultural Center) อาคารหลังนี้เป็นอาคารเก่าแก่ที่ทรงคุณค่า และมีความงดงาม ซึ่งในอดีตอาคารหลังนี้เคยใช้เป็น ศาลาว่าการรัฐบาลมณฑลพายัพ เมื่อครั้งมีการปฏิรูปการปกครองมณฑลพายัพ ต่อมาภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. ๒๔๗๕ อาคารหลังนี้จึงใช้เป็น ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ หลังจากมีการย้ายศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ไปยังพื้นที่ใหม่แล้ว ทางเทศบาลนครเชียงใหม่จึงได้ขอใช้เป็นพิพิธภัณฑ์ เพื่อจัดแสดงประวัติศาสตร์ของเมืองเชียงใหม่ และศิลปวัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิต และภูมิปัญญาท้องถิ่นของชาวล้านนา ผ่านสื่ออันทันสมัย และเมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๒ ทางจังหวัดเชียงใหม่ได้จัดงาน “๑๐๐ ปี อาคารหอศิลปวัฒนธรรมเมืองเชียงใหม่” ขึ้น เพื่อเป็นการรำลึกในโอกาสครบรอบ ๑๐๐ ปีของอาคารหลังนี้ วัดพระธาตุดอยสุเทพ โมเดลจำลองในห้องแสดงนิทรรศการ กาดมั่ว ห้องจำลองบรรยากาศตลาดของชาวบ้านในอดีต อุโมงค์ขุนตาล วิถีชีวิตชนเผ่า ภาพประกอบโดย NexUs ด้านหลังหอศิลปวัฒนธรรมเมืองเชียงใหม่คือ หอประวัติศาสตร์ล้านนา บริเวณนี้ได้มีการขุดค้นพบร่องรอยที่สันนิษฐานว่า อาจเป็นกำแพงของวัดพระแก้วในอดีต ใช่แล้วครับ พระแก้วที่ว่านี้ก็คือ พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร หรือ พระแก้วมรกต นั่นเองครับ เวลาทำการของหอศิลปวัฒนธรรมเมืองเชียงใหม่คือ วันอังคาร ถึง วันอาทิตย์ เวลา ๘.๓๐ น. ถึง ๑๗.๐๐ น. หยุดวันจันทร์ ไม่หยุดวันหยุดนักขัตฤกษ์ ยกเว้นวันหยุดสงกรานต์ สำหรับค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ ๒๐ บาท เด็ก ๑๐ บาทครับ แบบจำลอง สะพานนวรัฐเดิม ภาพประกอบโดย NexUs ฝั่งตรงข้ามอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ เป็นพิพิธภัณฑ์อีกแห่งหนึ่งครับนั่นคือ พิพิธภัณฑ์พื้นถิ่นล้านนา (Lanna Folklife Museum) อาคารหลังนี้ก็เป็นอาคารเก่าอีกหลังหนึ่ง ซึ่งในอดีตเคยเป็นอาคารศาลแขวงมาก่อน อาคารหลังนี้สร้างขึ้นภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองปี พ.ศ.๒๔๗๕ ทางเทศบาลนครเชียงใหม่ได้ขอใช้พื้นที่อาคารนี้เป็นพิพิธภัณฑ์เพื่อแสดงวิถีชีวิตพื้นบ้านของชาวล้านนา เวลาทำการของพิพิธภัณฑ์พื้นถิ่นล้านนาคือ วันอังคาร ถึง วันอาทิตย์ เวลา ๘.๓๐ น. ถึง ๑๗.๐๐ น. หยุดวันจันทร์ ไม่หยุดวันหยุดนักขัตฤกษ์ ยกเว้นวันหยุดสงกรานต์ สำหรับค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ ๒๐ บาท เด็ก ๑๐ บาทครับ ภาพประกอบโดย NexUs ห่างออกไปประมาณ ๑๐๐ เมตร ทางทิศใต้ของหอศิลปวัฒนธรรมเมืองเชียงใหม่ เป็นที่ตั้งของ วัดอินทขีลสะดือเมือง แต่ก่อนวัดนี้เคยเป็นวัดร้าง เมื่อครั้งที่ผมยังเป็นละอ่อนนั้น บริเวณพระอุโบสถของวัดนั้นยังไม่มี คงมีแต่องค์พระประธาน และหลังคาบังองค์พระไว้เท่านั้น ถัดไปด้านหน้าขององค์พระแต่ก่อนเป็นอาคารพาณิชย์มีคนอาศัยอยู่เต็มทุกหลัง เพราะถือเป็นทำเลที่ค่อนข้างดี ส่วนตัวผมไม่เคยคิดว่าวัดนี้จะเป็นวันสำคัญที่มีความหมายในทางประวัติศาสตร์ คงคิดแต่เพียงว่าเชียงใหม่เป็นเมืองที่มีวัดเยอะ ก็คงจะมีวัดที่ร้างไปบ้างเป็นธรรมดา วัดอินทขีลสะดือเมือง สร้างโดย พญามังราย เพื่อใช้เป็นที่ประดิษฐานเสาอินทขิล (*) หรือ เสาหลักเมือง เมื่อแรกสร้างเมืองเชียงใหม่ และได้กลายเป็นศูนย์กลางของอาณาจักรล้านนาจวบจนถึงปี พ.ศ. ๒๑๐๑ ล้านนาได้ตกเป็นประเทศราชของพม่าในสมัย พระเจ้าบุเรงนอง วัดอินทขีลแห่งนี้จึงถูกปล่อยให้กลายเป็นวัดร้างตลอดการปกครองของพม่า ภายหลังพระเจ้ากาวิละได้สถาปนาขึ้นเป็นเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่จากความดีความชอบในการขับไล่พม่าออกไปจากอาณาจักรล้านนาได้สำเร็จ พระองค์จึงได้บูรณะวัดอินทขีลขึ้นมาใหม่ และได้ย้ายเสาอินทขิลไปประดิษฐานไว้ในบริเวณวัดเจดีย์หลวงวรวิหาร เมื่อสยามปฏิรูปการปกครองโดยการรวมอำนาจเข้าสู่ศูนย์กลาง ทำให้เกิดผลกระทบต่อเจ้านายฝ่ายเหนือ ทั้งเรื่องการเมือง และเศรษฐกิจ เป็นผลทำให้วัดที่อยู่ภายใต้ความอุปถัมภ์ของเจ้านายฝ่ายเหนือขาดแคลนเงินอุปถัมภ์ จึงถูกปล่อยให้กลายเป็นวัดร้างในที่สุด *หมายเหตุ: ใช้ อินทขีล หรือ อินทขิล ก็ได้เช่นกัน ปัจจุบันได้มีการบูรณะพระอุโบสถวัดอินทขีลสะดือเมืองขึ้นมาใหม่ ตามแบบอย่างศิลปะล้านนา บริเวณใกล้เคียงที่เคยเป็นอาคารพาณิชย์แต่เดิม ปัจจุบันได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของวัดไป โดยตัวอาคารพาณิชย์ยังคงอยู่ แต่มีการปรับปรุงรูปแบบทางสถาปัตยกรรมให้เหมาะสมกับการเป็นส่วนหนึ่งของวัด ซึ่งเป็นการบริหารจัดการที่น่าชื่นชมเป็นอย่างยิ่ง พระอุโบสถวัดอินทขีลสะดือเมือง อยู่ทางด้านทิศใต้ของ หอศิลปวัฒนธรรมเมืองเชียงใหม่ เป็นพระอุโบสถที่สร้างขึ้นมาใหม่ พระอุ่นเมือง หรือ หลวงพ่อขาว พระประธานภายในพระอุโบสถวัดอินทขีลสะดือเมือง บริเวณที่เคยเป็นอาคารพาณิชย์ในอดีต ปัจจุบันถูกปรับปรุงให้เป็นส่วนหนึ่งของวัด ภาพประกอบโดย NexUs สำหรับการเดินทางมายังอนุสาวรีย์สามกษัตริย์นั้น สะดวกที่สุดคงเป็นบริการ รถแดง หรือรถสองแถวสีแดง สัญลักษณ์ของเมืองเชียงใหม่ครับ ปัจจุบันรถแดงเชียงใหม่ปรับปรุงเรื่องการให้บริการ และราคาดีขึ้นกว่าเดิมมาก ถ้าอยากได้บรรยากาศการเดินทางในตัวเมืองเชียงใหม่ แนะนำให้ลองนั่งรถแดงดูสักครั้งครับ หลังจากเดินเที่ยวชมกันมาสักพักหนึ่งแล้ว หากร่างกายยังพร้อม แต่ท้องไม่พร้อม ผมขอแนะนำร้านอร่อยใกล้ ๆ อนุสาวรีย์สามกษัตริย์ ด้านหลัง วัดอินทขีลสะดือเมือง ครับ มีร้านข้าวมันไก่อร่อย ๆ เปิดให้บริการมานานจนถือเป็นสัญลักษณ์ของบริเวณนี้เลยก็ว่าได้ จุดเด่นของร้านนี้ก็คือ ลูกค้าสามารถสั่งไก่แยกกับข้าวเป็นจานต่างหากได้ หรือจะรวมมาในจานเดียวกันเหมือนร้านอื่น ๆ ก็ได้ แล้วแต่ลูกค้าสบายใจกันเลยทีเดียว นอกจากนั้นยังมีหมูสะเต๊ะ พร้อมน้ำจิ้มรสเลิศให้บริการแก่ผู้มาเยือนอีกด้วย อย่าลืมแวะไปทานข้าวมันไก่เนื้อนุ่ม ๆ กันได้ที่ร้าน เกียรติโอชา ครับ สำหรับทุก ๆ วันอาทิตย์บริเวณรอบอนุสาวรีย์สามกษัตริย์จะมีการจัดงาน ถนนคนเดิน ขึ้น ตั้งแต่เวลาเย็นจนถึงตอนค่ำ มีการจำหน่ายสินค้าจากภูมิปัญญาท้องถิ่น และการแสดงศิลปะพื้นถิ่นให้นักท่องเที่ยวได้ชื่นชมความงดงามในรูปแบบศิลปะของชาวล้านนา นักท่องเที่ยวที่ได้เดินทางมาเที่ยวบริเวณอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ในวันอาทติย์ จึงสามารถเพลิดเพลินเดินชีลกันได้ตลอดทั้งวัน ตั้งแต่เช้ายันค่ำกันเลยทีเดียว อ้างอิง ๑. เครือข่ายพิพิธภัณฑ์กลางเวียงเชียงใหม่ (Cultural Museums Network of Chiang Mai) ๒. วัดอินทขีลสะดือเมือง กราบไหว้หลวงพ่อขาว อายุกว่า 700 ปี (เชียงใหม่นิวส์) ๓. ภาพประกอบบทความทั้งหมด ถ่าย และ จัดทำโดยผู้เขียนบทความ (NexUs) ๔. พาแอ่วกลางเวียงเชียงใหม่ ฉบับรวบรัด (บล็อกของผู้เขียน)