นาลันทา ผู้ไม่เคยปฏิเสธในการให้ความรู้ กูรูที่เด่นดังในอดีตจบจากที่นี่ มหาวิทยาลัยต้นแบบของมหาวิทยาลัยโลก มรดกโลกรับยกย่อง กาลเวลาเปลี่ยนไป สถานที่ย่อมเสื่อมโทรมเป็นธรรมดา การศึกษาคือสิ่งสำคัญนับตั้งแต่คนเราลืมตาดูโลก อย่างแรกคือการศึกษาในตนเอง สื่อสารเพื่อบอกความต้องการ คนเราเริ่มศึกษาตั้งแต่เด็กอย่างแรกคือการเรียนรู้แยกแยะบุคคล ซึ่งสมองนั้นจะสามารถแยกได้ว่าคนไหนคือคนในครอบครัว คนไหนแม่ คนไหนยาย สิ่งเหล่านี้คือการศึกษาซึ่งจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามความกว้างของการออกเดินทางเพื่อเรียนรู้ จึงมีการกล่าวว่าการศึกษาไม่มีคำว่าสาย และไม่มีวันที่จะสิ้นสุด ถ้ายังมีแรงกายกำลังทรัพย์จงเรียนรู้ บทความนี้จะพาไปดูความยิ่งใหญ่ของสถานที่แห่งหนึ่ง ซึ่งเคยเจริญรุ่งเรืองเป็นอย่างมาก ยิ่งใหญ่ในระดับโลกในสมัยนั้นไม่มีใครเทียบได้ ทุกมุมของโลก ต่างเดินทางมาเพื่อศึกษาเล่าเรียน ซึ่งถือเป็นมหาวิทยาลัยพุทธศาสนาแห่งแรกของโลก และมีชื่อเสียงโด่งดังมากมีนักศึกษาเดินทางมาจากทั่วโลกเพื่อศึกษาเล่าเรียนที่นี่ มหาวิทยาลัยนาลันทา มหาวิทยาลัยพระพุทธศาสนาแห่งแรกของโลก มหาวิทยาลัยนาลันทาแห่งนี้ อดีตเคยยิ่งใหญ่ ซึ่งแต่ก่อนมีการเขียนบันทึกว่า มหาวิทยาลัยแห่งนี่ มีครูมากกว่าหนึ่งพันห้าร้อนคน ซึ่งแสดงว่าในครูจำนวนนี้ จะต้องมีนักศึกษามากกว่าหนึ่งหมื่นคนอย่างแน่นอน มหาวิทยาลัยนาลันทาแห่งนี้ไม่เคยปฏิเสธการสอน ซึ่งในอดีตนั้นการมาเรียนผู้เรียนไม่ต้องมีการเสียภาษี ผู้คนจากทั่วโลกต่างเดินทางมาเพื่อศึกษาเล่าเรียนเป็นจำนวนมาก ถ้าเราได้ศึกษามามหาวิทยาลัยแห่งนี้ยังเป็นทั้งสถานที่เกิด และสถานที่ตายของสาวกพระพุทธเจ้าผู้มีความเป็นเลิศด้านของสติปัญญา ถ้าใครเดินทางมาที่นี่ก็จะขอพร อวยพรให้ตนเองมีสมองที่ฉลาดเฉียบแหลมได้พิกัด >> มหาวิทยาลัยนาลันทา ถ้าเราเคยได้ยินมหาวิทยาลัยที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก มีความยิ่งใหญ่ตั้งแต่ทางเข้า การเข้าชมมหาวิทยาลัยแห่งนี้ มีการจำหน่ายตั๋วเพื่อนำรายได้ไปทำนุบำรุงสถานที่ ซึ่งถ้าหากเรามาส่วนตัวสามารถติดต่อก่อนเข้าได้ แต่ถ้าเราไปเป็นกลุ่มจำนวนมาก เราให้คนอินเดียติดต่อจะได้ราคาที่สบายกระเป๋ากว่าที่เราติดต่อเอง ปัจจุบันถ้าหากเราเดินเข้าไปยังเห็นบ้างที่คนเดินเข้าไปเพื่อนั่งสมาธิ ใต้ต้นไม้ หญ้าบริเวณสองข้างทางเขียวขจี ต้นไม้ดอกไม้ประดับถูกปลูกเรียงรายให้เป็นเหมือนกำแพงป้องกันไม่ให้นักท่องเที่ยวเดินลัดเข้าไปในสนามหญ้า ไม่ให้เหยียบย่ำต้นหญ้าที่กำลังเจริญงอกงาม ทางเดินเข้าไปนั้นจะมีต้นไม้จำนวนมากเรียงราย และในโคนต้นนั้นจะมีการทาสีขาว อย่างแรกน่าจะเพื่อทำให้มองเห็นเป็นระเบียบ อย่างที่สองน่าจะเพราะป้องกันมดและแมลง สถานที่นี้ปัจจุบันยังคงเป็นบริเวณสถานที่ทำสมาธิของเหล่านักบวชหรือผู้แสวงบุญจากทั่วโลก เพราะสถานที่แห่งนี้นั้นแม้ว่าจะแดดร้อนแดดจ้า ร่มรื่นนาอยู่ ซึ่งต้นไม้ทั้งหมดนั้นคือต้นมะม่วง จึงได้มีการเรียกว่าสวนมะม่วง พิกัด >> สวนมะม่วง มหาวิทยาลัยนาลันทา มรดกโลกที่คนต่างต้องการเดินทางไปเยือน ซึ่งตอนนั้นคนไทยมีการเดินทางมาเที่ยวที่สถานที่แห่งนี้ ความเจริญรุ่งเรืองในอดีตยิ่งใหญ่เรียกได้ว่าทั่วโลก ในสมัยนั้นไม่มีใครที่ไม่รู้จักที่นี่ อาณาเขตบริเวณกว้าง การจัดการเรียนการสอน มีการเล่าสืบต่อมาจากปากต่อปากว่า ในมหาวิทยาลัยนาลันทาแห่งนี้นั้นมีหลักการสอนให้นักเรียนใช้ตรรกะ และเหตุผลในการเรียน ให้ได้ออกความคิดเห็นได้อย่างเต็มที่ ผู้สอนจะเป็นคนตั้งคำถาม และนักศึกษาจะแสดงเหตุผล เสนอเหตุผลโต้แย้งกัน อย่างเสมอภาค ไม่มีใครผิดใครถูก ถ้าเรานึกย้อนกลับมาในปัจจุบัน ได้มีการนำหลักการสอนนี้กลับมาอีกครั้งนั่นคือ มหาวิทยาลัย โรงเรียนทุกโรงเรียนมีการนำหลักสูตรการสอนโดยใช้ผู้เรียนเป็นจุดศูนย์กลาง ผู้สอนเพียงเป็นผู้นำทางอธิบายให้เท่านั้น การเรียนแบบนี้จะทำให้ผู้เรียนนั้นได้ฝึกคิดอย่างมีเหตุมีผล ไม่เชื่อตามสิ่งที่ตนเองได้รู้ได้รับทราบมา ซึ่งสิ่งที่โต้เถียงกันนั่นคือหลักธรรม มีการบันทึกและเมื่อได้ข้อสรุปแล้ว ยังสามารถนำหลักหรือคำตอบไปโต้เถียงได้กับศาสนาอื่น ว่าเพราะอะไร เพื่ออะไร เป็นอย่างไรพิกัด >> ทางเดินไปห้องเรียน อดีตของความเจริญรุ่งเรืองทำให้เราเห็นเมื่อเราเดินเข้าชมมหาวิทยาลัยแห่งนี้ มหาวิทยาลัยนาลันทาได้มีหลากหลายเรื่องราวกว่าจะได้มีการขุดค้นพบโดยชาวอังกฤษ ก่อนหน้านั้นคือสูญหายมามากกว่าหลายพันปี เพราะเมื่อครั้งแต่ก่อนนั้นเมืองทางผ่านสำคัญที่พ่อค้านั้นใช้ในการเดินทางไปเมืองราชคฤห์ ไปยังเมืองหลวงแคว้นมคธ ถือเป็นเส้นทางที่สำคัญเป็นอย่างมาก และที่สำคัญไปมากกว่านั้นคือพระพุทธเจ้าเองเคยเดินทางมาแสดงธรรมที่หมู่บ้านแห่งนี้จึงถือเป็นสถานที่สำคัญในทางพระพุทธศาสนา และยิ่งสถานที่นี้ได้มีการค้นพบสิ่งก่อสร้างอย่างเช่นสถูปที่ยังคงเหลืออยู่ จะบอกว่าเพียงส่วนหนึ่งแต่สิ่งที่เหลือนั้นเยอะมากสำหรับเราที่เป็นคนมองและเดินชม ซึ่งสิ่งก่อสร้างเหล่านี้ไม่น่าเชื่อว่าคงเหลือหลุดรอดมามากกว่า 500- 600 กว่าปีก่อนคริสตกาลซึ่งก็เป็นสิ่งที่ตรงกับสมัยพุทธกาล เพราะในการนับปีเกิดของศาสนาพุทธ ถ้าหากเราลองคิดดูแน่นอนว่าสมัยนั้นนาลันทาจะต้องเป็นสถานที่ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก และยิ่งใหญ่สุด มหาวิทยาลัยนาลันทาน่าจะยิ่งใหญ่ที่สุดในสมัยของ พระเจ้าอโศกมหาราช เพราะพระเจ้าอโศกมหาราชมีความเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนามากอยู่แล้ว พระเจ้าอโศกได้สร้างวัดใหญ่ขึ้น ถ้าเราเคยอ่านหรือศึกษามาพระเจ้าอโศกนั้นเรียกได้ว่านับถือศาสนาพุทธ และพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างมาก จนได้สร้างเสาอโศกในสถานที่สำคัญที่เกี่ยวกับพระพุทธเจ้า อย่างเช่น สถานที่ประสูติ สถานที่แสดงปฐมเทศนา และอีกหลากหลายสถานที่ ซึ่งเรารู้จักและคุ้นหูว่าเสาอโศก สัญลักษณ์ของผู้แสวงบุญได้เดินตามรอย ห้องสมุด เก็บเอกสารและตำราสอน ได้ถูกเผาทิ้งจนไม่เหลือร่องรอย หากเราเดินทางตรงเข้ามาเรื่อยๆ ผ่านแนวกำแพงอิฐ ผ่านช่องประตูเล็กๆ เดินตามเส้นทางที่มีการทำไว้ ขอบของทางเดินทำด้วยเหล็ก ไม่สามารถให้คนปีนหรือเดินขึ้นไป ซึ่งถ้าหากว่าเราไปเที่ยวชมที่นี่เมื่อสิบปีที่แล้ว ยังสามารถเดินขึ้นไปชมหรือถ่ายรูปได้ แต่เมื่อได้รับการแต่งตั้งให้เป็นมรดกโลก จึงถูกปิดกั้นทั้งหมด ถ้าเราสังเกตให้ดี บริเวณนี้จะมีความชัดเจนในร่องรอยสีดำที่ติดตามอิฐ ไฟนั้นสามารถเผาได้ทุกอย่าง แต่ยังคงเหลือร่องรอยให้ได้ชมความงามอยู่บ้าง การเข้าชมสถานที่แห่งนี้ เสียค่าใช้จ่ายในการเข้าชมสำหรับชาวต่างชาติ การเช้าชมจะต้องซื้อตั๋ว ซึ่งอาจจะประมาณสองร้อยกว่ารูปี เวลาผ่านไปอาจจะขึ้นบ้าง แต่จะไม่แพงมากนัก ผู้คนเดินเข้าชมที่นี่ไม้ขาดสาย เพราะเชื่อว่าถ้าได้มาที่นี่ สถานที่ที่มีคนที่เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น เข้าใจโลก จึงทำให้บางครั้งการมาที่นี่อาจจะทำให้คิดแก้ปัญหาชีวิตได้ แล้วแต่ความเชื่อส่วนบุคคล พิกัด >> หอพักนักศึกษา ความเป็นมาของมหาวิทยาลัยนาลันทาในตอนราชวงค์คุปตะ สมัยก่อนนั้นมีการปกครองเปลี่ยนไปมาหลายราชวงศ์ ในส่วนของคุปตะในสมัยนั้นจักรพรรดิทั้งหมดของราชวงศ์ไม่ได้นับถือในศาสนาพุทธแต่ ยังให้การสนับสนุนในการสร้างอยู่ไม่ขาด จึงทำให้นาลันทาได้รับการสร้างสถาปัตยกรรมขึ้นมาหลายที่ เพราะราชวงศ์คุปตะนี้ไม่เพียงแต่สนับสนุนศาสนาพุทธแต่ยังสนับสนุนไปทุกศาสนาไม่ได้เลือกปฏิบัติ พอมานาลันทาในสมัยของราชวงศ์ หรรษะ ในราชวงศ์นี้นาลันทาเจริญรุ่งเรืองเป็นอย่างมาก เพราะได้ภาษีที่เรียกเก็บมาทั้งหมดนั้นได้นำมาทำนุบำรุงสร้างนาลันทา ด้วยค่ามหาศาลเพราะเรียกเก็บจากประชาชน 100-200 ตามที่พระพุทธเจ้าเคยกล่าวว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นมีเกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วก็ดับไป และการทำนุบำรุงสถานที่แต่ก่อนจะใช้จากภาษีของประชาชนมาทำนุบำรุงพิกัด >> ห้องสมุด ความยิ่งใหญ่ของมหาวิทยาลัยนาลันทา นอกจากเนื้อที่ที่มีมากมาย เรายังสามารถมองเห็นหอพักของนักศึกษา จำนวนมากเรียงรายกัน ซึ่งสมัยที่นาลันทาได้รับความนิยมนั้น มีอาจารย์สอนที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้ จำนวนหนึ่งพันห้าร้อยกว่าคน ซึ่งถ้าหากอาจารย์มีจำนวนมากถึงเพียงนี้ นักเรียนนักศึกษาจะต้องมีจำนวนไม่ต่ำกว่าหนึ่งหมื่นคน ประกอบกับยังเห็นพอพักนักศึกษา จำนวนมากถึง 300 หลังคา การเรียนในมหาวิทยาลัยนาลันทานั้นมีความเข้มงวดมากกับนักศึกษา ถ้าเป็นปัจจุบันจะเหมือนกันกับโรงเรียนกินนอน ที่นักศึกษาต้องยึดเสียงระฆัง เนื่องจากว่ามหาวิทยาลัยมีพระสงฆ์จำนวนมากแวะเวียนเข้ามาเรียน จึงทำให้มีกฏกติกาที่เข้มเมื่อได้ยินเสียงระฆังทุกรูปจำต้องตื่นทำกิจวัตรประจำวันสรงน้ำทำวัตรสวดมนต์ตามกิจของสงฆ์ นักศึกษาในมหาวิทยาลัยแห่งนี้เรียกว่าทุกรูปเพราะคือพระสงฆ์ เสน่ห์ของที่นี่คือ ไม่ว่าเราจะอยู่ส่วนไหนของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ถ้าหากเราได้เดินขี้นไปบริเวณจุดที่สูงสุดเราจะสามารถมองเห็นทุกที่ในมุมสูง ห้องเรียนที่น่าเรียน มีการออกแบบที่รูปแบบคล้ายกัน ตามผนังมีการวาดลวดลาย บางที่ยังมีร่องรอยของการขีดเขียนให้เห็น ห้องเรียนที่ยังคงเหลือสภาพให้เห็นทำให้มีความสุขที่ได้สัมผัส บางที่เราสามารถขึ้นยืนได้บันไดบางส่วนยังไต่ได้ ถ้าหากมาเดินที่นี่แน่นอนว่าเป็นที่ออกกำลังกายได้เลย เพราะบริเวณโดยรอบตรงที่เดินเข้าใช้การเดินเท้าค่อนข้างนาน เกือบกิโลได้ ไปกลับเรียกว่าขาลากเลยทีเดียว พิกัด >> ลานกิจกรรม อดีตคือสิ่งที่ผ่านมาแล้ว เราเองคือคนรุ่นหลังที่เดินทางเข้าไปศึกษาเพื่อที่จะได้นำความรู้ที่ได้มาต่อยอดเพื่อเรียนในชั้นที่สูงขึ้น สิ่งที่เราได้เห็นคือความยิ่งใหญ่ของสถานที่ ความสวยงามเราสามารถที่จะจินตนาการว่า ยุคที่มหาวิทยาลัยนาลันมายิ่งใหญ่จะขนาดไหน แต่ก่อนจะมีนักศึกษามากกว่าหนึ่งหมื่นคนเดินศึกษาหาความรู้ ในแบบผู้เรียนเป็นผู้หาคำตอบในสิ่งที่สงสัย ซึ่งถ้าเรามองผ่านหินและศิลาแลงที่บ่งบอกถึงความเก่าแก่ เราอาจจะต้องเหยียบย่ำบรรพบุรุษของเราเองก็ได้ เพราะเราเองอาจจะเคยเกิดที่นี่มาสักหนึ่งชาติก็เป็นได้ การเตรียมตัวก่อนการเข้าชมมหาวิทยาลัยนาลันทา สิ่งแรกคือเราจะต้องร่างกายแข็งแรง เพราะนอกจากที่เราต้องเดินในระยะทางที่ยาวไกลแล้ว ในบางสถานที่ เราต้องก้าวขาขึ้นบันได หรือข้ามช่องว่างระหว่างห้องเรียน ความประทับใจในการเดินทางเข้าชมในครั้งนี้ ทำให้เราประทับใจว่า แม้ในอดีตซึ่งเรานั้นคิดว่าการศึกษานั้นยังไม่เป็นที่แพร่หลาย หญิงไม่มีโอกาสได้เรียนเพราะต้องอยู่บ้านช่วยพ่อแม่ทำงาน ส่วนชายนั้นต้องเดินทางเพื่อแสวงหาความรู้ และนำมาทำมาหากินเลี้ยงครอบครัว สิ่งหนึ่งสิ่งใดอยู่ที่การเดินทาง ชายย่อมแข็งแรงกว่าหญิง สามารถเอาตัวรอดในการเดินทางไกล ไม่ต้องกลัวใครจะทำร้าย แต่ถ้าหากหญิงเดินทาง จะมีแต่ปัญหา สภาพร่างกายที่อ่อนแอเวลาเจ็บไข้ได้ป่วย ในรอบเดือนสิ่งนี้น่าจะเป็นปัญหาที่ทำให้หญิง เรียนเรื่องการบ้านการเรือน การแต่งกายในการเข้าชม เนื่องจากที่นี่เป็นสถานที่สำคัญในทางพระพุทธศาสนา การแต่งกายไม่ได้จำกัดอะไรมากนัก เพียงแต่เป็นชุดที่สุภาพ รองเท้าอาจจะเป็นรองเท้าที่รัดกุมและถอดได้ง่าย เพราะเราเข้าไปถึงมหาวิทยาลัยชั้นใน จะมีสถานที่สำหรับการนั่งสมาธิสวดมนต์ซึ่งในตอนนั้นเราจะต้องถอดรองเท้า และอาจจะต้องมีเสื่อบางๆสำหรับปูนั่งสักผืนหนึ่ง เวลาในการเข้าชม แนะนำให้เป็นเวลาเช้าหรือช่วงบ่ายอ่อนๆ เพราะสถานที่แห่งนี้เปิดโล่งแดดและลมเต็มที่ ถ้าไปในช่วงสายหรือเที่ยงอาจจะต้องสู้กับแดดแรงมากหน่อย ทำให้เดินชมไม่ค่อยสบาย แต่ถ้าเป็นตอนบ่ายประมาณบ่ายสามถึงห้าโมงเย็น จะบรรยากาศกำลังดี ในขณะที่เรานั้นเข้าเที่ยวชม เราจะรู้สึกเหมือนเราเดินเข้ามหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์เพราะเส้นทางก่อนที่จะถึงตัวของมหาวิทนาลัยหรือกำแพงอิฐขนาดใหญ่นั้น ระหว่างสองข้างทางตั้งแต่ประตูทางเข้าจะรายรอบไปด้วยสนามหญ้าขนาดใหญ่ และต้นไม้กระจายไปทั่วพื้นที่ มหาวิทยาลัยสถานที่แห่งการศึกษาแม้ว่าเราเองที่เกิดในยุคปัจจุบันจะเห็นได้เพียงซากความเจริญ มองเห็นการถูกทำลายศาสนาที่มีมาตั้งแต่ในอดีต นาลันทา เคยมอบความรู้ให้กับนักศึกษาที่เป็นพระสงฆ์ทั่วโลก สถานที่แห่งความรู้ เมื่อเราเดินชมเราจะมีความปลื้มปิติว่าครั้งหนึ่งเราเคยมาชมมหาวิทยาลัยที่เป็นต้นแบบในการเรียนในมหาวิทยาลัยปัจจุบัน ทำให้เราเห็นถึงความสำคัญของการศึกษาเล่าเรียน เรียนทำให้รู้ เมื่อรู้และเข้าใจจึงถ่ายทอดให้คนอื่นต่อ การศึกษาไม่มีวันสิ้นสุดถ้าคนเรายังไม่หยุดที่จะเรียนรู้ ภาพถ่ายทั้งหมดเป็นของผู้เขียน (อุ้งเท้าแมว)วันลาเหลือใช่ไหม อยากไปเที่ยวไหนหรือเปล่า? หาข้อมูลที่เที่ยวสุดปังได้ที่ App TrueID โหลดเลย ฟรี !