เที่ยวฮ่องกงช่วงเวลาที่มีความสุข สุขแรกคือสุขในการซื้อของดีราคาถูก สุขที่สองคือเที่ยวขอพรไหว้พระครบทุกที่ที่ศักดิ์สิทธิ์ สุขที่สามคือช่วงเวลาที่ทุกคนว่างจากการงาน สุขที่สี่คือได้มีเวลาเที่ยวหลายวัน เที่ยวฮ่องกง ช่วงเวลาที่มีความสุขคือในช่วงเดือนพฤษภาคม ถึงประมาณเดือนมิถุนายน ทำไมถึงต้องเที่ยวในช่วงนี้ เพราะว่าในช่วงนี้เป็นช่วงที่ราคาของในเกาะฮ่องกงนั้นมีราคาไม่แพง ไม่ว่าจะเป็นของแบรนอย่างแว่นตา เสื้อผ้า หรือกระเป๋าจะราคาถูกกว่าปกติ 50% เรียกว่าราคาไม่แพงแต่ได้ของดี หากว่าเทียบกับการซื้อในประเทศไทยแล้วมากกว่าครึ่ง ใครที่ชอบในการช็อปปิ้งของใช้ เครื่องสำอางต้องไปในช่วงนี้ ระยะเวลาในการเที่ยวนั้นจะต้องใช้เวลามากกว่าหนึ่งวันเพราะว่าหากว่าเรามาเพียงวันเดียวกลับไม่ได้เที่ยวอะไร ตอนนั้นที่ไปฮ่องกง ในเวลา 4 วัน 3 คืน ได้เที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวขอพรพระ ที่ศักดิ์สิทธิ์เกือบทุกที่ และยังได้ขึ้นไปเพื่อที่จะชมวิวบนที่สูงที่สุดของฮ่องกง กระเช้าลอยฟ้า ตึกที่สูงที่สุด มากกว่านั้นคือได้ ทานอาหารร้านที่ราคาแพงที่สุดในฮ่องกง ตอนกลางคืนออกไปนั่งดื่มด้วย ในร้านฟังเพลงซิวๆ เดินตลาดถนนคนเดินของฮ่องกง ที่ดูเหมือนตลาดนัดของเราที่มีของราคาถูกมากมาย สิ่งที่ดีมากกว่านั้นคือ การเดินทางโดยรถไฟไม่ว่าจะใต้ดินบนดิน หรือรถเมล์รอบเมืองทั้งหมด เรียกได้ว่าการเที่ยวฮ่องกงครั้งนี้ รอบเกาะฮ่องกงเลย ที่พัก ด้วยความที่ฮ่องกงนั้นพื้นที่ในการใช้สอยมีความแคบ แม้ในโรงแรมยังมีเพียงห้องเล็กๆ ตอนนั้นราคา คืนละ 1200 บาทต่อห้อง ห้องหนึ่งนอนได้สองคนพอดีตัวใช้พื้นที่คุ้มค่ามาก ตอนที่จองนั้นจองผ่านสมาชิกของทาเวลโลก้า นอนสุดขาพอดีที่นอน ลงมาคือทางเดินและติดห้องน้ำ แคบแต่แอร์เย็นพอแระ ที่ในฮ่องกงนั้นคนในประเทศจะไม่ค่อยซื้อบ้านเพราะว่าราคาแพง ผ่อนตลอดชีวิตก็ไม่หมด เลยจะเช่าห้องเล็กๆ ราคาของตั๋วในการเดินทางนั้น ถ้าหากว่าต้องการราคาที่ถูกต้องมีการจองก่อนล่วงหน้า มากกว่าหกเดือน แต่ตั๋วเครื่องบินช่วงนี้จะไม่แพง ประมาณ สอเพราะว่าอยู่ในช่วงของการโปรโมทเรื่องของการท่องเที่ยว ช่วงนี้จึงเห็นแม่ค้าหรือคนไทยไปเที่ยวค่อนข้างเยอะ สถานที่แรกเมื่อเรานั้นไปถึงคือเที่ยวก่อนเลย นั่งเรือเพื่อชมทัศนียภาพของเมือง สวยงามมากเพราะว่าช่วงนั้นเป็นช่วงที่ฝนตกปรอยๆ ยิ่งทำให้ดูสวยงามมากในสายน้ำ ความสวยงามของช่วงนี้ จะมีอากาศที่เย็นพอดีไม่หนาวมาก กลางวันอากาศร้อนหน่อยเราก็เดินเที่ยวในห้างซื้อของ การจองที่พักจะต้องจองในที่ที่อยู่ใกล้กับที่ช็อปปิ้ง และในการเดินทางนั้นมีความสะดวกไม่ว่าจะเป็นเรื่องของรถไฟ ทั้งใต้ดินและบนดินบัตรเดียวเดินทางได้ทั่วทั้งเมือง ใช้เวลานั่งเรือประมาณ 40 นาที เรือจะวนข้ามฝั่งไปขึ้นอีกท่าเรือตรงข้าม นั่งเรือข้ามฟากนั่นเอง 1. Harbour City เรามาห้างนี้ก่อนเลย ห้างที่มีของแบรนด์หรูและสินค้าระดับพรีเมี่ยม ห้างนี้นั้นหากว่าเรานั้นเดินทางมาที่ฮ่องกงนั้นต้องไม่พลาด ซึ่งนี่นี้นั้นถือว่าเป็นห้างที่ใหญ่ที่สุเในฮ่องกงเลย หากว่าเรานั้นจะนับแบรนด์คือมีมากกว่า 450 แบรนด์ หากว่าเรานั้นรู้จักจะมีคือ แบรนด์ Louis Vuitton, Chanel Gucci และหากว่าเป็นในเรื่องของเครื่องสำอางค์นั้น ที่นี่มีทั้งหมดเลยอยากได้อะไรมีหมด Dior ตอนนั้นคือเรามาทานอาหารเที่ยงที่นี่ และชมวิวทะเลสวยงามคุ้มค่ามากสำหรับการเดินไกล เลือกได้เลยซื้อเยอะได้ลดราคาเพิ่มอีก ในห้างของฮ่องกงนั้นกว้างมาก เดินจนขาลาก ของใช้หรือเครื่องสำอางนั้นเราเลือกได้เลยว่าชอบแบบไหน แต่หากจะเดินไปเรื่อยๆ อาจจะต้องใช้เวลานานหน่อย หากมีคนในพื้นที่พาเที่ยวจะมีความสุขมาก ครีมราคาดีมากเหมือนได้อันละ 20 กว่าบาทหากคิดเป็นเงินไทย ในกระเป๋านั้นราคาประมาณสองพันหนึ่งร้อยบาท ซึ่งในไทยที่เป็นของแท้ราคาหกเจ็ดพัน แต่หากว่าเราซื้อสามชิ้นได้ราคาลดลงไปอีก 2. Mong Kok ชอบมากอีกที่หนึ่งคือย่านนี้ เป็นแหล่งที่ช็อปปิ้งที่มีความคึกคักตลอดอีกแล้ว เรามาครั้งนี้ประเด็นแรกคือมาเที่ยวเพื่อที่จะซื้อของที่ลดราคา หลังจากที่ได้หมดแล้ว มีการไปเที่ยวด้วยเพื่อเป็นกำไรชีวิต เที่ยววันละห้าง ตอนกลางคืนนั้นไม่หลับไม่นอน จนเที่ยงคืนกลับ เช้าออกจากที่พักตั้งแต่เจ็ดโมงเช้า เที่ยวทั้งวัน เป็นการเที่ยวที่ผ่อนคลายมาก เดินนั่งรถไฟ รถทุกอย่างใช้บัตรเดียวไปได้หมดเลย ที่มาที่นี่คือได้ของแบรนด์มาหมดแล้ว เลยมาเที่ยวตลาดนัดในตอนกลางคืนบ้างเพราะว่าเขาบอกว่ามันคึกคัก คนในพื้นที่ของฮ๋องกงส่วนมากจะเที่ยวที่นี่กัน เราจะได้เจอสินค้าแบรนด์ที่ราคาประหยัด ของฝากท้องถิ่น หรือแม้กระทั่งรองเท้าสปอร์ตแบรนด์ดังในราคาที่สมเหตุสมผลคือไม่แพงมากจนไม่กล้าซื้อ มาที่นี่อาจจะให้ประสบการณ์ที่แตกต่างจากในห้างหน่อยแต่ก็คึกคักสนุก 3. Tsim Sha Tsui (Kowloon) ตรงนี้นั้นสวยมากเรามาในตอนกลางคืนเพื่อที่จะมาดูเมืองและเที่ยวห้าง ย่านนี้นั้นหากว่าเรานั้นมาถึงฮ่องกงต้องมา เพราะว่าที่นี่นั้นเต็มไปด้วยห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ร้านค้าท้องถิ่นที่ราคานั้นไม่สูงมาก ไม่ต้องแบรนด์มาที่นี่ได้เลย ของก็อปปี้ของเลียนแบบเหมือนไม่มีที่ติ คนจะเยอะมากกว่าที่อื่นอาจจะด้วยเพราะว่ามีพื้นที่เดินกว้างขวาง หากว่าต้องการอยากได้แบรนด์ระดับโลกนั้นก็มีเช่นกัน การเที่ยวในฮ่องกงนั้น สิ่งที่ชอบมากคือการเดินเท้า ไม่ต้องมีรถในการขับเที่ยว ไม่ว่าจะเดินบนดินลงไปใต้อุโมงค์นั้นมีการบริการที่สะดวกปลอดภัยและรวดเร็ว ไม่มีแบบเหงาหรือสไตล์เดินเที่ยวคนเดียว ในบางสถานที่นั้นในถนนคือเดินแบบคนเยอะ ต้องรอให้เขาเดินก่อน จากที่เคยเห็นรถติด มาเห็นฝูงคนที่นี่ คนติด เพราะว่าที่นี่นั้นหันมาเดิน ในช่วงที่ต้องเดินกลางแจ้งจะมีสายน้ำโปรยปราย หรือเราอาจจะเรียกว่าน้ำพ่นไหมที่จะไม่ทำให้อากาศนั้นร้อน ในวันที่แดดออก สะดวกมากเดินไปไม่นานก็เป็นสถานที่ช็อปปิ้งอยู่ไม่ห่างไกลกัน น่าจะด้วยความที่เป็นเกาะที่ราคาที่นั้นแพงจนขนาดคนที่ฮ่องกงเช่าอยู่สบายกว่า สุดท้ายก่อนที่จะกลับเราได้มาเที่ยวที่นี่ Pacific Pllace เดินห้างอีกแล้ว ห้างนี้มีหลายชั้นมากและคิดว่าที่นี่น่าจะเป็นห้างที่หรูหราที่สุดในฮ่องกง เพราะว่ามีหลายชั้นมากเลาะไม่ทั่วขนาดว่าอยู่นี่ถึงห้าชั่วโมง ตรงนี้คือแบรนด์ระดับโลกเช่นกันและทันรุ่นด้วยไม่ล้าสมัย รุ่นใหม่ออกมาหาที่ไหนไม่เจอหมด ไม่มีให้มาที่นี่เลย รวมถึงอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ทุกอย่างนั้นมีที่นี่หมดเลย ช่วงนาทีทองของการท่องเที่ยวเชื่อว่าใครก็ชอบ และเป็นช่วงเวลาที่วิวสวย เพราะว่าจะมีหมอกหรือไอฝนโปรยบ้าง ฝนตกที่นี่ไม่นาน และไม่มีการเกิดน้ำท่วม ตกเป็นช่วงเวลาเดินเที่ยวในยามค่ำคืนได้สบาย ในตอนกลางวันเราสามารถที่จะนั่งรถรอบเมืองเพื่อ ไหว้พระศักดิ์สิทธิ์เพื่อขอพร ขอคู่ครองหรือขออะไรก็ได้ที่เราต้องการ แล้วจะต้องเป็นไปได้ด้วย การเที่ยวฮ่องกงช่วงนี้จึงมีความสุข เพราะว่าได้ของราคาถูก และได้เที่ยวทุกที่เพราะเป็นช่วงที่เรามีวันหยุดจำนวนมากเที่ยวอย่างสบายใจไม่ต้องห่วงอะไรด้วย ต้องมีเวลามากกว่าสามวัน เที่ยวเรื่อยๆ ไม่ต้องรีบร้อนทั่วเกาะไปเลย หากว่าเราจะไปอีกครั้งต้องมีเงินเก็บซักหมื่นจะได้เที่ยวอย่างมีความสุข ทานอาหารอร่อยที่ฮ่องกงนั้นของถูกแต่ราคาอาหารค่อนข้างที่จะแพงหน่อยแต่อร่อยแน่นอน ภาพถ่ายทั้งหมดโดยผู้เขียน ปกจาก Canva อยากไปเที่ยวไหนหรือเปล่า? หาข้อมูลที่เที่ยวสุดปังได้ที่ App TrueID โหลดเลย ฟรี !