พระอาทิตย์เริ่มทอแสงแรงขึ้น ขณะนี้เป็นเวลาประมาณ 10.00 น. สถานที่แห่งแรกในการมาเยี่ยมเยือนนครหลวงเวียงจันทน์ในครั้งนี้ก็คือหอพระแก้ว หรือพิพิธภัณฑ์หลวงของ สปป. ลาว ที่มีความเก่าแก่และทรงคุณค่ายิ่งทางประวัติศาสตร์ ซึ่งเหตุที่อยากมาสถานที่แห่งนี้ก็เนื่องจากในอดีตหอพระแก้วแห่งนี้เคยเป็นที่ประดิษฐานองค์พระแก้วมรกต ซึ่งตามประวัติศาสตร์พระแก้วมรกตองค์นี้ปัจจุบันก็คือพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร หรือพระแก้วมรกต ที่ประดิษฐานอยู่ในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือวัดพระแก้ว ในพระบรมหาราชวังของประเทศไทยเรา จึงทำให้ภายในหอพระแก้วของนครหลวงเวียนจันทน์แห่งนี้เหลือเพียงแต่พระแท่นเปล่าที่เคยประดิษฐานพระแก้วมรกตในอดีตเท่านั้น หอพระแก้วแห่งนี้สร้างขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ.2108 โดยพระเชษฐาธิราชกษัตริย์แห่งอาณาจักรล้านช้างหรือประเทศลาวในขณะนั้น เพื่อใช้เป็นวัดหลวงประจำราชวงศ์ และใช้เป็นที่ประดิษฐานพระแก้วมรกตที่ได้อัญเชิญมาจากอาณาจักรล้านนา กระทั่งเกิดการทำศึกสงครามและพ่ายแพ้ต่อประเทศสยาม ประมาณปี พ.ศ. 2322 จึงถูกกองทัพของประเทศสยามอัญเชิญองค์พระแก้วมรกตที่ได้ประดิษฐานอยู่ในหอพระแก้วแห่งนี้กลับไปยังประเทศสยาม และได้ประดิษฐานอยู่ในกรุงเทพฯ จวบจนถึงปัจจุบัน สำหรับหอพระแก้วที่เห็นในปัจจุบัน เป็นอาคารที่ถูกบูรณะขึ้นมาใหม่ในช่วงระหว่างปี พ.ศ. 2480 – 2483 โดยอาศัยเค้าโครงและรูปแบบเดิมของตัวอาคารเป็นหลัก และรัฐบาลของ สปป.ลาว ได้เปิดเป็นพิพิธภัณฑ์หลวงเพื่อเปิดรับให้บุคคลทั่วไปสามารถเข้ามาเยี่ยมชมและศึกษาเรื่องราวความเป็นมาต่าง ๆ เกี่ยวกับ สปป.ลาว ซึ่งได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกเข้ามาเยี่ยมชมอย่างไม่ขาดสายสิ่งประทับใจตั้งแต่แรกเห็นก็คืองานสถาปัตยกรรมอันเป็นที่ประดิษฐานพระแก้วแห่งนี้ ซึ่งมีสีทองอร่ามงดงาม ท่ามกลางความเขียวขจีของธรรมชาติและต้นไม้น้อยใหญ่ ซึ่งนอกจากภายในส่วนของภายในบริเวณหอพระแก้วแล้ว ยังได้มีการจัดแสดงโบราณวัตถุ และของล้ำค่าต่าง ๆ มากมายทั้งที่ตั้งอยู่ภายในและรายล้อมตัวอาคารของหอพระแก้ว อาทิ พระพุทธรูปสำคัญ แท่นศิลาจารึก พระแท่นบัลลังก์ปิดทองสำหรับพระมหากษัตริย์ของลาว กลองสำริดประจำราชสำนัก จารึกพระไตรปิฎกโบราณฉบับภาษาขอม บานประตูแกะสลักด้วยไม้ขนาดใหญ่ซึ่งมีลวดลายศิลปะแบบลาวที่มีความวิจิตรงดงามยิ่ง ฯลฯ แต่เป็นที่น่าเสียดายว่าการเข้าไปเยี่ยมชมภายในพิพิธภัณฑ์หลวงแห่งนี้ห้ามถ่ายรูปภายในอาคารโดยเด็ดขาด ผู้สนใจสามารถเข้าเยี่ยมชมพอพระแก้วเพื่อเก็บเกี่ยวเรื่องราวความเป็นมาของนครหลวงเวียนจันทน์ ตลอดจนเกร็ดความรู้เกี่ยวกับพระราชวงศ์ลาว และโบราณวัตถุต่าง ๆ ที่ล้ำค่ายิ่ง ทั้งนี้สามารถเข้าชมได้ทุกวัน โดยแบ่งเป็น 2 ช่วง คือ ช่วงเช้าตั้งแต่เวลา 08.00 – 12.00 น. และช่วงบ่าย ตั้งแต่เวลา 13.00 น. - 16.00 น. โดยมีค่าเข้าชมอยู่ที่คนละ 5,000 กีบ หรือประมาณ 20 บาท โดยหอพระแก้วตั้งอยู่บริเวณถนนเชษฐาธิราช และอยู่ติดกับทำเนียบประธานประเทศของ สปป. ลาว พิกัดที่ตั้งของ หอพระแก้ว ภาพถ่ายโดยผู้เขียน