รีวิวเขาคิชกูฏ 2566 นี้เริ่มต้นมาจากความอยากไปนมัสการรอยพระพุทธบาทบนเขาคิชกูฏสักครั้งหนึ่งในชีวิต ด้วยความที่มีคนชวนทุกปีแต่ไม่เคยได้ไปเลย ปีนี้เมื่อมีเวลาจึงไม่รอช้าที่จะหาโอกาสไปให้ได้ ซึ่งการนมัสการรอยพระพุทธบาทในปีนี้เริ่มตั้งแต่วันที่ 22 มกราคมถึง 22 มีนาคม 2566 หลังจากเราได้ทำกาศึกษาหาข้อมูลในการเดินขึ้นเขาคิชกูฏ อันดับแรกเราก็ต้องทำการลงทะเบียนที่แอปKCKQue เพื่อจองวันและเวลาที่จะเดินทางไป ซึ่งได้ทำการจองในวันที่ 29 มกราคม 2566 เวลา 00.01 – 06.00 เมื่อทำการจองเสร็จแล้วจะได้คิวอาร์โค๊ตเพื่อไปแสดงให้กับเจ้าหน้าที่เพื่อยืนยันในวันจริง โดยเราสามารถทำการจองเพียงชื่อเดียวรวมกับผู้ติดตามได้ไม่เกิน 50 คนต่อหนึ่งใบจอง เมื่อถึงวันเดินทางเราเริ่มออกเดินทางตั้งแต่เช้ามืดด้วยหวังว่าจะขึ้นไปชมพระอาทิตย์ขึ้นบนยอดเขาคิชกูฎ เราเดินทางโดยรถบิ๊กไบท์ผ่านทางถนนหมายเลข 3245 และ ถนนหมายเลข 3 ซึ่งใช้ระยะเวลาในการเดินทางจนถึงวัดพลวง ซึ่งเป็นจุดบริการรถสองแถวเพื่อนั่งต่อไปยังเขาคิชกูฎ (อากาศในช่วงดึกจนถึงเช้าลมพัดแรงและอากาศอยู่ที่ประมาณ 13 องศา หากใครจะขี่มอเตอร์ไซด์ไปเช้าตรู่ควรเตรียมตัวให้พร้อมก่อนออกเดินทางด้วยนะคะ) เมื่อเราหาที่จอดรถได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว (ค่าฝากรถมอเตอร์ไซด์ 40 บาท) เราก็เดินทางผ่านบริเวณร้านอาหารและร้านขายของฝากที่ระลึกอีกประมาณ 100 เมตรเพื่อทำการซื้อตั๋วแบบเหมาเพื่อขึ้นไปยังเขาคิชกูฏ (ค่าตั๋วแบบเหมา 200 บาท หรือใครอยากผจญภัยโดยการเดินขึ้นก็ได้เช่นกัน) เมื่อทำการซื้อตั๋วเสร็จแล้วเราก็ไปยังคิวจอดรถซึ่งจอดอยู่เยื้องกับจุดขายตั๋วสามารถสังเกตเห็นได้โดยง่าย (และตรงนี้เราก็พึ่งนึกได้ว่าไม่มีใครสนใจถามหาใบจองกับเราเลย555) เมื่อเราเดินไปยังคิวรถ ก็จะเห็นรถกระบะที่ด้านหลังทำเป็นที่นั่งสองแถวแบบเปิดโล่งไม่มีหลังคาจอดเรียงรายกันอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็จะเรียกนักท่องเที่ยวให้ขึ้นรถแต่ละคันตามคิวที่กำหนดไว้ (รวดเร็วมากซื้อตั๋วเสร็จก็ขึ้นรถทันทีพร้อมออกเดินทาง) บริเวณทางขึ้นเขาคิชกูฏถือว่ามีความชันสูงมาก และเป็นทางคดโค้งไปมา หากไม่มีความชำนาญอาจขึ้นไม่ถึงหรืออาจจะเกิดอุบัติเหตุได้ เมื่อขึ้นไประยะหนึ่งจะถึงจุดที่เป็นเขตอุทยานแห่งชาติเขาคิชกูฏ ซึ่งตรงนี้เราก็จะต้องเสียค่าผ่านเข้าอุทยานอีกคนละ 20 บาท เมื่อทำการชำระเงินกันเรียบร้อยแล้วก็การเดินทางต่อไป โดยระหว่างทางที่ขึ้นเราก็ได้เห็นนักท่องเที่ยวแสวงบุญบางส่วนที่ใช้การเดินแทนการนั่งรถเป็นประปราย เราใช้ระยะเวลาในการนั่งรถจากคิวรถวัดพลวงขึ้นมายังบริเวณจุดขึ้นไปยังรอยพระพุทธบาทประมาณ 15 – 20 นาที หลังจากนี้เราก็ได้แต่พึ่งพาตัวเองในการเดินขึ้นไปแล้ว (แต่ถ้าหากใครไม่อยากเดินขึ้นไปก็มีบริการเสลี่ยงขึ้นเขาเช่นกัน) เราเริ่มต้นการเดินขึ้นเขาในเวลา 04.00 น. โดยประมาณ ซึ่งบริเวณทางขึ้นเขาได้ถูกทำมาเป็นขั้นบันได้อย่างเรียบร้อย สวยงาม และในทุก ๆ จุดก็จะมีเก้าอี้ให้บริการแก่นักท่องเที่ยวที่ต้องการพักจากความเหนื่อยล้าที่ได้เดินขึ้นมาเป็นระยะ ๆ สภาพอากาศตอนเช้าในวันนี้ลมแรงและมีอากาศหนาวเย็นมาก จนคิดว่าน่าจะใส่เสื้อผ้ามาให้หนากว่านี้ ยิ่งเดินยิ่งเหนื่อย อากาศหนาวพัดผ่าน ยิ่งทำให้ความง่วงนอนเข้าครอบงำ (แนะนำจะขึ้นกลางคืนควรนอนให้เพียงพอก่อนมากันด้วยนะคะ) โดยเส้นทางก่อนที่จะถึงรอยพระพุทธบาท จะมีแผนที่บอกเส้นทางเป็นระยะๆ ว่าตอนนี้เราอยู่ตรงบริเวณใด และต้องเดินทางไปอีกเป็นระยะทางเท่าไหร่จึงจะถึงรอยพระพุทธบาท ซึ่งเราก็ทำการเดิน ๆ พักๆ เรื่อยมากจนในที่สุดก็ขึ้นมายังรอยพระพุทธบาทได้สำเร็จ รอบบริเวณของรอยพระพุทธบาทจะจัดทำเป็นลานขนาดใหญ่ โดยมีศาลาการเปรียญอยู่บริเวณด้านตรงข้ามเพื่อให้ประชาชนได้เข้าไปทำบุญ ถวายปัจจัยต่าง ๆ ในอีกด้านหนึ่งจะเป็นลานโล่ง ๆ เพื่อให้นักท่องเที่ยวแสวงบุญได้พักจากความเหนื่อยล้าหลังจากที่เดินทางขึ้นมากว่า 1050 เมตรจากระดับน้ำทะเล เมื่อเราทำการนมัสการรอยพระพุทธบาทเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่การเดินทางของเรายังคงต้องเดินต่อไป โดยเราต้องทำการเดินทางต่อไปอีก 1 กิโลเมตรเพื่อไปยัง "ลานผ้าแดง" ซึ่งถือว่าเป็นเขตแดนที่สิ้นสุดของเขาคิชกูฏแห่งนี้ บริเวณ "ลานผ้าแดง" เราจะเห็นผ้าสีแดงถูกผูกโยงกันอยู่ทั่วทั้งบริเวณ โดยมีความเชื่อว่าหากอธิษฐานด้วยความตั้งใจจริงและขอพรได้เพียง 1 ข้อ พรนั้นก็จะประสบผลสำเร็จ ซึ่งพวกเราก็ไม่ได้ละเลยที่จะปฏิบัติตามความเชื่อด้วยการนำมาเขียนชื่อตัวเองและอธิษฐานสิ่งที่ตัวเองต้องการกันไป เราใช้ระยะเวลาในการเดินทางเท้าจากทั้งสิ้นประมาณ 2 ชั่วโมง โดยกว่าจะถึงจุด “ลานผ้าแดง” พระอาทิตย์ก็เกือบจะขึ้นเต็มดวงแล้ว เราจึงต้องรีบไปยังจุดชมวิวเพื่อเก็บภาพพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้า พร้อมกับวิวทิวทัศน์ของเทือกเขาที่ยาวสุดลูกหูลูกตา ก่อนที่จะเดินทางกลับกันในที่สุด ถือว่าเป็นอีกหนึ่งการเดินทางที่น่าจดจำ**เป็นภาพถ่ายเองจากสถานที่จริง**เวลาเปิดทำการ 22 มกราคม ถึง 22 มีนาคม 2566, เปิดตลอด 24 ชั่วโมง** พิกัด google maps แชร์ที่เที่ยวใหม่ๆ ไม่ว่าจะเที่ยวสายไหนก็มาแวะแชร์กับทรูไอดีคอมมูนิตี้ “เที่ยวไปให้สุด”