สวัสดีครับผู้อ่านทุกท่านบทความนี้ผมจะพาไปท่องเที่ยวที่วัดชื่อดังแห่งหนึ่งในเมืองเกียวโต ซึ่งเป็นเมืองหลวงเก่าของประเทศญี่ปุ่น วัดแห่งนี้มีชื่อว่า Kinkaku-ji Temple หรือที่คนไทยรู้จักชื่อว่า วัดทอง นั่นเองครับ ซึ่งภายในวัดแห่งนี้จะเป็นยังไงติดตามจากบทความนี้เลยครับ โดยการเดินทางมาวัด Kinkaku-ji ไม่มีรถไฟฟ้าใต้ดินเดินทางไปถึง แต่ที่ใกล้ที่สุดคือสถานี Kitanohakubaicho Station แล้วต่อรถเมล์สาย 205 ไปลงป้าย Kinkakuji-mae ที่ตั้งอยู่บริเวณหน้าวัดแล้วเดินเข้าไปได้เลยครับ วัด Kinkaku-ji มีอัตราค่าเข้าชมคนละ 400 ¥ โดยที่บัตรเข้าชมจะเป็นกระดาษแข็งยาว ๆ ครับและก็หยิบตั๋วมาพร้อมสูจิบัตรที่จะบอกรายละเอียดต่าง ๆ ของวัด Kinkaku-ji ครับ โดยวัด Kinkaku-ji จะโด่งดังในหมู่คนไทย เพราะวิหารสีทองของวัดแห่งนี้ปรากฏอยู่ในการ์ตูนเรื่องอิคคิวซัง เณรน้อยเจ้าปัญญา เป็นฉากที่เณรน้อยอยู่กับท่านโชกุนและมีทะเลสาบอยู่บริเวณวิหารสีทองรายล้อมไปด้วยภูเขา ซึ่งทำให้นักท่องเที่ยวที่เดินทางไปยังเมืองเกียวโตต้องมาแวะท่องเที่ยวที่วัดแห่งนี้ครับ วิหารสีทองหลังนี้สร้างขึ้นมาในปีค.ศ 1940 เพื่อให้เป็นที่อยู่ของท่านโชกุน โดยทองคำมาจากทองคำเปลว และเป็นที่น่าเสียดายที่วิหารแห่งนี้ถูกเผาโดยพระที่วิกลจริตในปีค.ศ 1950 แต่ก็ได้ถูกบูรณะขึ้นใหม่ให้เหมือนเดิมที่สุดในปีค.ศ 1965 และในปีค.ศ 1994 วิหารสีทอง วัด Kinkaku-ji ก็ได้ถูกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก ซึ่งภายในวัดยังมีบริเวณสวนต้นไม้ ซึ่งมีพันธุ์ไม้หลากหลายชนิดช่วยทำให้บริเวณโดยรอบของวัดมีความสงบร่มรื่น และตามธรรมเนียมของวัดในประเทศญี่ปุ่นก็จะมีป้ายไม้ให้เขียนคำอธิษฐานที่เราต้องการครับ โดยป้ายไม้ของวัดแห่งนี้มีรูปวิหารสีทองสกรีนลงบนแผ่นไม้ ซึ่งทำให้ผมอดใจไม่ไหวต้องซื้อมาแล้วเขียนคำอธิษฐานแล้วแขวนไว้ที่ซุ้มภายในวัดครับ โดยสังเกตเห็นว่าป้ายไม้ในวัดแห่งนี้มีภาษาไทยเยอะมากครับ เพราะวัดแห่งนี้เป็นวัดที่นิยมของคนไทยที่เดินทางมาที่เมืองเกียวโตครับ และทั้งหมดนี้คือวัด Kinkaku-ji ซึ่งเป็นหนึ่งในวัดที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองเกียวโต ซึ่งเป็นเมืองหลวงเก่าของประเทศญี่ปุ่นถ้าเกิดมาที่เมืองเกียวโตก็ต้องห้ามพลาดที่จะมาเยือนครับ และหากใครที่ชอบในการ์ตูนอิคคิวซัง เณรน้อยเจ้าปัญญา ถ้าคุณได้มาวัดแห่งนี้คุณก็จะยิ่งอินเข้าไปอีกครับ เวลาเปิด - ปิด 09:00-17:00 น. ภาพถ่ายทั้งหมดโดยผู้เขียน