การเดินทางไปอเมริกาครั้งนี้เป็นครั้งแรกของผมที่เดินทางไกลข้ามทวีปขนาดนี้ โดยผู้สนับสนุนการเดินทางครั้งนี้คือกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา โดยไปในโครงการแลกเปลี่ยนของโปรแกรม International Visitor Leadership Program (IVLP) ซึ่งจะมีหัวข้อต่างๆที่จะนำชาวต่างชาติมาแลกเปลี่ยนความรู้ วัฒนธรรม และศึกษาดูงานในแต่ละหัวข้อของโปรแกรมที่ได้ตั้งเอาไว้ สำหรับผมเป็นโปรแกรมที่แลกเปลี่ยนความรู้เกี่ยวกับการทำงานด้านการข่าวทางด้านชายแดน การค้ามนุษย์ และยาเสพติด ซึ่งผมเองเป็นนักข่าวประจำจังหวัดเชียงราย ที่มีทำงานเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ซึ่งสถานฑูตอเมริกาประจำประเทศไทย ได้คัดเลือกผู้เข้าร่วมโครงการจากผลงานที่ผ่านมา โดยกลุ่มของผมที่เดินทางไปในครั้งนี้มี 4 คน เป็นผู้สื่อข่าวจาก 4 ภาค เหนือ ใต้ ตะวันออก และภาคกลาง ก่อนจะเดินทางแน่นอนก็ต้องไปทำพาสปอร์ต แต่ผมขอข้ามการทำพาสปอร์ตไปนะครับ การทำวีซ่าอเมริกานั้น ก่อนอื่นจะต้องกรอกแบบฟอร์ม DS-160 ที่อยู่บนหน้าเว็ปไซต์ https://www.ustraveldocs.com/th_th/th-niv-ds160complete.asp ซึ่งจะเป็นการกรอกข้อมูลเบื้องต้นว่าเราทำงานอะไร มีวัตถุประสงค์อะไรในการเดินทางไปอเมริกา พักที่ไหน ที่อยู่ และเบอร์โทรติดต่อของคนที่รู้จักในอเมริกา รวมถึงแผนเดินทาง นอกจากนั้นก็จะมีรายละเอียดปลีกย่อยถึงการเคยเป็นทหาร หรือ เคยป่วยเป็นโรคอะไรบ้าง มีโรคประจำตัวอะไร เคยไปประเทศไหนมาบ้าง จากนั้นก็จะเป็นการแนบรูปถ่าย และพาสปอตของเราลงไป แล้วทางสถานฑูตจะนัดวันเวลามาสัมภาษน์อีกครั้ง ในส่วนของการสัมภาษน์ ต้องบอกก่อนว่าในกรณีการสัมภาษน์ของเองไม่มีอะไรมากเพราะเดินทางไปในนามของกระทรวงการต่างประเทศอยู่แล้ว ทางเจ้าหน้าที่ถามเพียงว่าผมเป็นนักข่าวมากี่ปีแล้ว เดินทางเมื่อไหร่เท่านั้นเอง แต่ระหว่างที่รอสัมภาษน์ก็สังเกตและฟังจากคนก่อนหน้าผมที่มีทั้งผ่านและไม่ผ่าน โดยคนแรกนั้นเค้าบอกว่าเค้าจะเดินทางไปแข่งวิ่งมาราธอน และมีเอกสารการจองโรงแรม โปรแกรมการแข่งขัน ตั๋วเครื่องบินพร้อมมาแสดง ก็ผ่านไปด้วยดี คนที่ 2 น้องมาสัมภาษน์ เพราะจะเดินทางไปเรียนต่อที่อเมริกา ผมไม่แน่ใจว่าน้องเค้าตอบว่าอย่างไรบ้างเพราะน้องเค้าพูดเร็วและภาษาอังกฤษน้องเค้าดีมากๆ (จะบอกว่าการสัมภาษน์วีซ่า เจ้าหน้าที่เป็นคนอเมริกา แต่พูดไทยได้ทุกคนนะครับ) ทำให้ผ่านไปได้ด้วยดี และคนก่อนหน้าผม บอกว่าจะไปเที่ยวหาเพื่อน แต่ไม่สามารถบอกได้ว่าเพื่อนพักที่ไหน หรือทำงานอะไร เจ้าหน้าที่ถามว่าใครออกค่าเดินทางในครั้งนี้ให้ ก็บอกว่าพ่อออกให้ ก็เลยไม่ผ่าน ต้องบอกว่าการมาสัมภาษน์ต้องเตรียมพร้อมในข้อมูลการเดินทางของเราให้ดี ว่าไปที่เมืองไหน พักที่ไหน แผนการเดินทางเป็นอย่างไร เพียงมีความพร้อมในการเดินทางและเอกสารที่สมบูรณ์ก็ผ่านแล้วครับไม่ได้ยากอะไรจริงๆ ส่วนมากผ่านเกือบ 90% หลังจากทำวีซ่าผ่านแล้ววันเดินทางก็มาถึง ผมตื่นเต้นมากเพราะเป็นการเดินทางไกลมากครั้งแรกของผม และใช้เวลาในต่างประเทศนานถึง 25 วัน ซึ่งนานมาก เริ่มต้นออกจากสนามบินสุวรรณภูมิ โดยสายการบิน korean air ไปยังสนามบินอินชอน เกาหลีใต้ ใช้เดินทาง 6 ชั่วโมง ซึ่งผมออกเดินทางจากสุวรรณภูมิประมาณ 23.00 น. ไปถึง สนามบินอินชอน ประมาณ 6 โมงเช้าเวลาอินชอน ระหว่างการเดินทาง บนเครื่องบอนของ korean air ที่นั่งเป็น economy class แต่ก็มีจอทีวีให้ทุกที่นั่ง มีหนังให้ดูหลายเรื่อง เป็นหนังใหม่เลยล่ะ เพิ่งออกจากโรงได้ไม่นาน ผมเดินทางวันที่ 2 ส.ค.2562 มี avengers endgame , Hell Boy และอีกหลายเรื่อง แต่ถ้าไม่ชอบดูหนังก็มีเพลง รายการทีวีให้ดู ซึ่งเครื่องบินระหว่างประเทศจะเป็นบริการแบบ full service บริการเครื่องดื่ม อาหารว่างตลอดการเดินทาง ในช่วงแรกจากสุวรรณภูมิไปอินชอน ยังพอมีแอร์โอสเตสคนไทยบ้าง การเดินทางหลายชั่วโมงบนเครื่องบินค่อนข้างเบื่อเหมือนกันดูหนังเล่นเกม นอนแล้วก็ตื่นมาทำอะไรวนๆไป สั่งเครื่องดื่มบ้าง ทั้งที่มีแอลกอฮอล์และไม่มี เมื่อไปถึงอินชอนเพื่อรอเปลี่ยนเครื่อง เราไม่ต้องผ่าน ตม.เพราะว่าเราเข้าประตู Transit เข้าไปรอที่ Gate ได้เลย ระหว่างเดินไปที่ Gate มีร้านปลอดภาษีเยอะมากมายสำหรับขาช็อป แต่ต้องเผื่อน้ำหนักด้วยนะครับเพราะต้องเดินทางต่อไม่สามารถโหลดของลงกระเป๋าได้ เพราะกระเป๋าเราอยู่บนเครื่องแล้ว เจ้าหน้าที่ย้ายให้เรียบร้อยไม่ต้องขนเอง หากน้ำหนักเกินก็จะต้องซื้อน้ำหนักเพิ่มราคาสูงพอสมควร ผมใช้เวลาอยู่ที่อินชอนราว 3 ชั่วโมง ก่อนจะขึ้นเครื่องต่อโดยสารการบิน korean air เหมือนเดิม แต่คราวนี้แอร์โฮสเตสไม่มีพูดไทยแล้วล่ะ ความรู้ภาษาอังกฤษอันน้อยนิดที่ต้องใช้ร่วมกับภาษามือของผมต้องเริ่มทำงานแล้ว คราวนี้ระยะเวลาบนเครื่องบินจาก อินชอน ถึง ฟลอริด้า ใช้เวลา 12 ชั่วโมง ยาวนานมากทีเดียว ดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกม ดื่ม กินขนม หลับ วนไปอยู่อย่างนั้น เพราะกาแฟจากสนามบินอินชอน ผมออกเดินทางจากอินชอนเวลา 09.00 น. เป็นเวลาเกาหลี ระหว่างที่นั่งเครื่องไปได้ประมาณ 7 - 8 ชั่วโมง พระอาทิตย์ก็ตก แต่อีกประมาณ 30 นาที ก็พระอาทิตย์ขึ้นอีกครั้ง แล้วสักแป๊บก็ตกอีก งงดิครับ ถามแอร์โฮสเตสก็เลยทราบว่าเราข้ามเส้นแบ่งเวลานี่เอง ก่อนจะเดินทางไปถึงฟอริด้า ในเวลา 09.00 น.ในเวลาท้องถิ่น ตอนนี้เราจะต้องเข้าสู่การตรวจคนเข้าเมืองแล้ว บอกเลยว่าแถวยาวมาก เพราะมีผู้โดยสารจากเครื่องบินลำอื่นมาด้วย รอนานเกือบชั่วโมงเลยทีเดียว จะบอกว่าการตรวจคนเข้าเมืองไม่ยุ่งยากมากเพราะเราสัมภาษน์มาแล้วตอนที่ทำวีซ่า ขั้นตอนการเข้าเมืองตรงนี้เจ้าหน้าที่จะถามทั่วไป ไม่มาก ผมบอกว่าผมพูดภาษาอังกฤษได้นิดหน่อย เจ้าหน้าที่บอกว่าไม่เป็นไร เค้าเปรียบเทียบใบหน้ากับรูปในวีซ่า และสแกนลายนิ้วมือเราที่ได้สแกนไว้ก่อนตอนทำวีซ่า ว่าตรงกันหรือไม่เท่านั้นเองก็ผ่านเข้าประเทศไปได้ แต่การเดินทางยังไม่จบ เพราะจุดหมายของผมคือ วอชิงตัน ดีซี ต้องเดินทางต่อไปอีก 2 ชั่วโมง ระหว่างรอเครื่องประมาณ 3 ชั่วโมง อย่างแรกคือโทรกลับบ้าน แน่นอน ที่บ้านเราตอนนี้ คือ 3 ทุ่มกว่าแล้ว VDO call ไปตกใจดิครับทำไมเตรียมตัวเข้านอนกันแล้ว ก็ถึงบางอ้อว่าเราอยู่คนละเวลาแล้ว อาการเจ็ทแลคยังไม่เริ่มครับยังชิล เดินดูโน่นนี่นั่นในสนามบินในสนามบินระหว่างประเทศเหมือนกันทุกที่คือมีร้านปลอดภาษี ร้านอาหาร เยอะมาก เมื่อถึงเวลา ก็เดินทางต่อไป วอชิงตัน ดีซี ซึ่งเป็นเมืองหลวงของสหรัฐอเมริกา ตอนนี้การเดินทางภายในประเทศก็เหมือนในประเทศไทยครับ เครื่องขนาดเล็กไม่มีบริการแบบ full service แล้ว แต่ที่นี่ไม่มีแจกน้ำ แจกขนมเหมือนบ้านเรานะครับ แต่จะบอกว่าการจราจรทางอากาศของที่นี่ค่อนข้างจะหนาแน่นมาก เครื่องบิน เข้าแถวจ่อคิวเทคออฟกันเลยทีเดียว เมื่อมาถึง วอชิงตัน ดีซี ด่านแรกที่ต้องปวดหัวเลยก็คือตามกระเป๋า เพราะมีผู้คนมากมายเดินทางมาที่นี่ การตามหากระเป๋าของเราที่โหลดมากับเครื่องเป็นเรื่องที่ยากมากสำหรับคนที่เดินทางมาอเมริกาครั้งแรกอย่างผม เพราะเราลงเครื่องอีกเทอมินอล แต่กระเป๋าเราอยู่อีกเทอมินอล ต้องนั่งรถไฟฟ้าภายในสนามบินไปตามหากระเป๋า เราจะต้องสังเกตที่จอแสดงผลว่า เลขรหัส ไฟลต์ที่เราเดินทางมา กระเป๋าไปอยู่ที่ช่องหมายเลขอะไร กว่าจะเจอก็นานพอสมควรครับ จะบอกว่าคนอเมริกาเค้าพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลืออยู่แล้ว แม้ว่าภาษาของเราไม่เก่งก็ตาม ก็อาจจะใช้ตัวช่วยอย่าง แอพพริเคชั่นแปลภาษา ไม่ต้องห่วงเรื่องอินเตอร์เน็ต เพราะที่สนามบินแทบจะทุกแห่ง มีไวไฟให้ใช้ฟรี เพียงแค่ลงทะเบียนเท่านั้นเองครับ หลังจากได้กระเป๋าแล้ว และเจอล่ามของเราที่ทางออกสนามบิน ภาพแรกที่เห็นคือ รถที่มารับผู้โดยสารแต่ละคันทั้งรถส่วนตัว และรถบริษัท แต่ละคันใหญ่มาก ใหญ่จริงๆ รถกระบะส่วนใหญ่จะเป็น FORD กับ GMC ซึ่งเครื่องยนต์ 4,500 ซีซี ต่างจากบ้านเราที่ใหญ่สุด 3,000 ซีซี เท่านั้น เช่นเดียวกับรถที่มารับกลุ่มของเรา เป็นรถตู้แวนที่ใหญ่พอสมควร การเริ่มต้นของผมในอเมริกาเริ่มต้นจากตรงนี้ ไว้ผมจะมาเล่าเรื่องการใช้ชีวิตในอเมริกาทั้ง 25 วันของผม ใน 5 รัฐของอเมริกาครับ ภาพโดย N.laphing