หลงเสน่ห์คงคาเมื่อมาพาราณสี เรื่อง/ภาพ: ทนายน้อยหน่า ขอบคุณภาพปกจาก pixabay เราเป็นคนชอบเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศ สำหรับอินเดียอยากไปเพียงเพื่อเยี่ยมชมสังเวชนียสถานในฐานะชาวพุทธที่จะได้เห็นสถานที่จริงตามที่เราได้ยินได้ฟังมา ในชีวิตไม่เคยคิดว่าจะชอบอินเดีย แต่หลังจากกลับมาแล้วพบว่าอยากไปอีกโดยเฉพาะเมืองพาราณสี อยากไปดูวิถีชีวิตผู้คนริมฝั่งแม่น้ำคงคาทั้งวัน อะไรทำให้หลาย ๆ คนที่ไปพาราณสีอยากกลับไปอีกรวมถึงเราด้วย จะเล่าให้ฟัง เหตุที่เราไปพาราณสีเนื่องจากเราตั้งใจไปกราบสังเวชนียสถานซึ่งเป็นการไปอินเดียครั้งแรกในชีวิตโดยนั่งเครื่องบินจากสนามบินดอนเมืองไปลงสนามบินคยา (แต่หากต้องการบินตรงไปลงพาราณสีเลย ปัจจุบันก็มีเที่ยวบินที่บินตรงจากกรุงเทพฯ ไปลงพาราณสี) วันแรกไปกราบพุทธคยา วันที่สองจึงนั่งรถบัสไปพาราณสีเพื่อจะไปสารนาถ กราบธัมเมกขสถูปซึ่งสร้าง ณ สถานที่พระพุทธเจ้าแสดงธรรมครั้งแรก เนื่องจากระยะทางจากเมืองคยาไปพาราณสีใช้เวลาทั้งวัน ทางทัวร์จึงจัดตารางเวลาตอนเช้าวันถัดไปล่องเรือชมแม่น้ำคงคาและนั่นคือที่มาแห่งความทรงจำที่เราจะเล่าให้ฟังต่อไปนี้ ทางทัวร์ได้จัดให้นักท่องเที่ยว (เรียกว่านักแสวงบุญก็ได้) นั่งเรือล่องแม่น้ำคงคาแต่เช้ามืดอุณหภูมิ 12 องศาเพื่อดูวิถีชีวิตชาวอินเดียริมแม่น้ำ ตอนที่เราไปคือเดือนธันวาคมอากาศจะเย็นมาก วิถีชีวิตริมแม่น้ำมีทั้งพ่อบ้านซักผ้า โยคีนั่งสมาธิ พิธีเผาศพ ตีกรามบ้านช่องใหญ่โตของมหาราชา ตึกที่เพ้นสีแบบ Street Art ฯลฯ ภาพพิธีเผาศพ เตาเผาไม่เคยว่างตลอด 24 ชั่่่่วโมง ภาพวังมหาราชา ภาพ Street Art ควรเรียก River Art มากกว่า พอตะวันใกล้จะขึ้นได้ลอยกระทงกลางแม่น้ำคงคา มีนกนางนวลบินมามากมายถ่ายรูปกันเป็นที่สนุกสนาน ได้รองน้ำจากแม่น้ำคงคาด้วยปรากฏว่าน้ำอุ่นมากไม่เย็นเจี๊ยบ ไม่แปลกใจเลยที่มีคนลงไปว่ายน้ำตอนเช้ามืดได้ ภาพกระทงในมือเราเตรียมลอยตามความเชื่อว่าปลดปล่อยสิ่งไม่ดีทิ้งลงแม่น้ำ ภาพนกนางนวลมาบินวนรอบเรือ ภาพเรารองน้ำในแม่น้ำคงคา เมื่อล่องเรือเสร็จขึ้นฝั่ง แสงตะวันก็ส่องเห็นวิถีชีวิตผู้คนทั้งเด็กที่มารุมดูนักท่องเที่ยว ขอทาน พ่อค้าขายของให้นักท่องเที่ยว แพะคุ้ยขยะที่มีให้เห็นชินตาแบบสุนัขบ้านเรา ภาพสะพานถ่ายจากริมฝั่งแม่น้ำคงคา ภาพเด็กมารุมดูนักท่องเที่ยว ภาพพ่อค้าขายของ ภาพขอทานระหว่างทางเราเดินกลับรถ ภาพแพะคุ้ยขยะมีให้เห็นชินตาเหมือนสุนัขบ้านเรา เราไปล่องเรือมาก็หลายที่เมื่อไปต่างประเทศ ทุกที่ล้วนให้ความสุขความสนุก แต่ล่องเรือแม่น้ำคงคานอกจากได้ความสุขความสนุกแล้วยังได้ความอิ่มใจอิ่มบุญที่เห็นความจริงของธรรมชาติคือเทวทูตสี่ ได้แก่ คนแก่ คนเจ็บ คนตาย นักบวช วันที่ไปล่องเรือที่ไม่เห็นคือคนเจ็บ แต่คนแก่เห็น คนตายเห็นโดยกำลังเผาศพริมแม่น้ำ นักบวชนี่มีโยคีบำเพ็ญเพียรอยู่ริมฝั่งแต่ว่าเรือแล่นผ่านเร็วและยังเช้ามืดอยู่ไม่ทันได้ถ่ายรูปโยคี ภาพเราตอนล่องเรือชมแม่น้ำ ความรู้สึกที่เปลี่ยนแปลงไปของตัวเองหลังจากที่กลับจากอินเดียคือคลายความยึดติดในรูปแบบของการมีชีวิตอยู่ วิถีชีวิตผู้คนริมฝั่งแม่น้ำคงคาได้แสดงให้เราเห็นความกลมกลืนของทุกชีวิตไม่ว่าจะเป็นชาวบ้าน นักบวช นักท่องเที่ยว นกนางนวล แพะ เด็ก ขอทาน ฯลฯ แม้แต่สรรพสิ่งที่ไม่มีชีวิตเช่นตึกรามบ้านช่องมีทั้งใหญ่โตเป็นวังมหาราชา มีทั้งเพิงพักพิงของยาจก มีทั้งที่สร้างคงลักษณะไว้แบบดั้งเดิม มีทั้งแต่งแต้มด้วยสีสันแห่งงานศิลป์ของคนรุ่นใหม่ ความกลมกลืนเหล่านี้พาใจของเราให้เป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ ไม่แบ่งแยก มีความรู้สึกว่าคงคาคือบ้านไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยวที่แปลกหน้า เป็นบ้านที่รู้สึกคุ้นเคยและอยากกลับไปอีก หลงเสน่ห์อินเดียเข้าแล้วสิเรา เครดิตภาพ: ถ่ายเองทุกภาพโดยผู้เขียน