ฤดูใบไม้ผลิในประเทศสวีเดน เริ่มตั้งแต่ประมาณปลายเดือนมีนาคม จนถึงประมาณเดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นช่วงที่หิมะเริ่มละลาย หรือละลายหมดแล้ว ช่วงกลางวันแดดออกจนถึงประมาณ 1-2 ทุ่ม และอากาศก็จะเริ่มอบอุ่นขึ้น เหมาะแก่การออกท่องเที่ยว เมื่อเห็นว่าแดดดี เราก็นึกอยากออกไปเดินเที่ยวเล่นในเมืองสต๊อคโฮล์ม ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศสวีเดนโดยส่วนตัว ตั้งแต่มีโควิดก็พยายามเลี่ยงการเดินทางเข้าเมือง เพราะไม่อยากไปเจอความแออัด แต่พอดีเห็นโปรแกรมเที่ยวน่าสนใจ เลยต้องยอมเข้าไปแต่โดยดี วันนี้เลยจะมาแชร์ประสบการณ์การท่องเที่ยวสุดชิลล์ ช่วงฤดูใบไม้ผลิ ในเมืองสต๊อคโฮล์ม ว่ามีจุดไหนน่าสนใจบ้างแวะชมสวนดอกซากุระที่คุงแทรดโกเด้น (Kungträdgården)ช่วงฤดูใบไม้ผลิ เป็นช่วงดอกซากุระบานที่ประเทศสวีเดน เราก็ไม่พลาดที่จะแวะไปชมความงามของดอกซากุระที่กลางเมืองหลวง พร้อมกับเก็บภาพสวย ๆ มาฝากกัน ช่วงที่เราไปเป็นช่วงปลายเดือนเมษา ซึ่งดอกซากุระก็เริ่มจะร่วงโรย แต่คนก็ยังเข้าไปชม และเก็บภาพสวย ๆ อย่างไม่ขาดสาย เราเองหยุดถ่ายภาพสวย ๆ สักพัก ก็เดินลัดเลาะรับลมไปตามชายฝั่ง ต่อไปยังสถานที่ ที่ตั้งใจจะไปวันนี้หลังจากเดินบ้าง หยุดบ้าง ผ่านหอศิลป์แห่งชาติของประเทศสวีเดน เราก็ยังเดินต่อไปข้างหน้า เพราะต้องการจะเดินย้อนกลับมาดูหอศิลป์ทีหลัง เดินต่อไปประมาณ 10 นาทีก็ถึงพิพิธภัณฑ์โมเดินนา (Moderna) ซึ่งถือเป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ชั้นนำระดับโลกที่จัดแสดง ศิลปะสมัยใหม่ และศิลปะแนวคอนเทมโพลารี (Contemporary)Moderna museum, Stockholm SWEDEN จุดแรก เป็นสถานที่จัดแสดงศิลปะสมัยใหม่ เราก็เดินวนอยู่หลายรอบ เพื่อจะให้มองสิ่งที่เห็นว่าเป็นงานศิลปะ แต่อาจจะหัวไม่ถึงงานศิลปะจริง ๆ เลยคิดเป็นอย่างอื่นไป 😊 ที่จุดนี้มีตั้งแต่ซังข้าวโพด เปลือกส้ม รองเท้าผ้าใบเก่า ๆ ฯลฯ มาจัดแสดงให้ได้ชมกัน โดยส่วนตัว มองทีไร ก็พลอยให้นึกถึงสวนข้าวโพดที่ต่างจังหวัด สมัยที่เราไปช่วยพ่อแม่เก็บข้าวโพดตอนเด็ก ๆ แต่ใครที่หัวอาร์ต หัวศิลปะ ก็คงจะมองเป็นงานศิลปะนั่นแหละนะผ่านจุดนั้น ก็ไปถึงจุดที่มีการแสดงศิลปะในยุคที่มีการเหยียดสีผิวกันอย่างรุนแรง ซึ่งแม้แต่ที่นั่งในสวนสาธารณหรือทางเดินก็เขียนระบุไว้ชัดเจนระหว่างคนผิวขาว และผิวสี โอ้แม่เจ้า!! โชคดีที่ดิฉันไม่ได้เกิดที่นั่น ณ ยุคนั้น มิเช่นนั้นอาจจะไม่ได้ผุดได้เกิดก็เป็นได้ภาพข้างล่างเป็นไฮไลท์ของที่นี่เลยก็ว่าได้ ฝีมือของศิลปินที่มีชื่อคนหนึ่งชาวสเปนคือ Salvador Dalf อันนี้ เค้าว่ามา ดิฉันก็ว่าตามเขา และอีกภาพด้านล่างนี้ของท่าน Picasso ซึ่งแสดงถึง ศีรษะและใบหน้าของผู้หญิง เมื่อเดินวนอยู่ประมาณ 3 ชั่วโมง ก็ถึงเวลาทานอาหารกลางวัน ซึ่ง ณ พิพิธภัณฑ์อันโอ่โถงนั้นก็มีทั้งคาเฟ่สำหรับการพักดื่มชา กาแฟ และก็มีร้านอาหารบรรยากาศริมทะเล ให้เราได้นั่งพักกาย พักสายตา และทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อย ส่วนตัวแม้จะไม่ค่อยถนัดอาหารฝรั่ง แต่ก็ไม่มีทางเลือกมากนัก ก็เลยต้องสั่งลูกชิ้นไก่ยักษ์ของอิตาเลียนมาชิม ( ไม่แน่ใจว่าภาษาอังกฤษเรียก Chicken meat ball มั้ย แต่ภาษาสวีดิชเรียกว่า frikadeller) ราคาก็เบา ๆ 165 โครน หรือประมาณห้าร้อยกว่าบาท แต่ที่ประเทศสวีเดนส่วนใหญ่สั่งอาหารมื้อหลักก็จะมาครบทั้งสลัด ขนมปัง ชา กาแฟ เพราะฉะนั้นราคานี้ก็ถือว่าสมเหตุสมผลหลังจากทานอาหารเสร็จเราก็เดินย้อนกลับมาทางเดิม จนมาถึงหอศิลป์แห่งชาติ (National museum) และก็คิดว่าจะใช้เวลาในการชมศิลปะไม่เกิน 3 ชั่วโมง แต่สุดท้ายจนถึงเวลาปิดตอนห้าโมงเย็นก็ยังดูไม่ทั่วถึง นี่แหละนะที่เค้าว่า การไปด่วนตัดสินอะไรก่อน บางครั้งก็ทำให้เรา พลาดโอกาส และสิ่งที่ดี ดี ไปหอศิลป์แห่งชาติ (National museum) ประเทศสวีเดนเมื่อเราก้าวข้ามประตูเข้าไปใน หอศิลป์แห่งชาติ (National museum) บรรยากาศก็อบอวลไปด้วยกลิ่นอายของงานศิลปะ ที่นี่มีงานศิลปะของหลากหลายศิลปิน หลายประเทศในแถบยุโรป เช่น ฝรั่งเศส อิตาลี เบลเยียม โดยจะมีการจัดแสดงเป็นห้อง แยกเป็นยุค ๆ เช่น ยุคปี คศ. 1400 -1500 ยุค 1800 -1900 ซึ่งแต่ละภาพก็จะมีภาษาให้อ่านประกอบทั้งภาษาสวีดิช และภาษาอังกฤษ งานศิลปะของที่นี่แม้แต่เด็กศิลป์เกรดซี อย่างดิฉัน ก็ยังสามารถเข้าใจความหมายที่ต้องการสื่อได้งานศิลปะที่จัดแสดงของยุคก่อน ๆ ส่วนใหญ่จะสะท้อนให้เห็นวัฒนธรรมของชนชั้นสูง จนเรามาสะดุดที่ภาพ ๆ หนึ่ง ที่เป็นภาพครอบครัวธรรมดาครอบครัวหนึ่ง ที่พ่อไปขายเลือด เพื่อเอาเงินมาซื้อขนมปังให้ครอบครัว ภาพวาดชิ้นนี้ทำให้เราเองต้องอึ้งไปหลายนาที จนได้ยินเสียงประกาศเตือนว่าใกล้จะถึงเวลาที่หอศิลป์จะปิด เราก็เลยต้องรีบเดินชมต่อแบบผ่าน ๆ และภาพท้าย ๆ ก็ไม่ได้อ่านรายละเอียดมากนัก เพราะดูไม่ทันจริง ๆ ครั้งต่อไปจะใช้เวลาเดินทั้งวัน จะได้ชื่นชมอย่างทั่วถึง แบบไม่ต้องรีบร้อนสำหรับใครที่ชื่นชอบงานศิลปะ และมีแพลนจะมาเที่ยวประเทศสวีเดน แนะนำให้มาที่นี่เลย แต่ขอย้ำนะคะว่าต้องเผื่อเวลาไว้เยอะๆ เพราะที่นี่มีอะไรให้ชมหลากหลาย และมากมายจริง ๆ ปล พิพิธภัณฑ์ และหอศิลป์ ไม่ต้องซื้อบัตรเข้าชม เสียแค่เงินค่าอาหารกลางวัน และค่ารถไฟเท่านั้น วันนี้เล่าให้ฟังคร่าว ๆ ฉบับหน้าจะมาเล่าให้ฟังอย่างละเอียดอีกครั้ง แล้วพบกันใหม่ เร็ว ๆ นี้ค่ะ Nurseonomy บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องประเทศสวีเดน ความงามของธรรมชาติ ไปตกปลา แต่ได้มากกว่าปลา (trueid.net)รีวิว ประเทศสวีเดน เที่ยวต่างประเทศ ครั้งแรกหลังจากโควิด จากประสบการณ์จริง (trueid.net)พาชม น้ำตกที่ใหญ่ที่สุดในประเทศสวีเดน (trueid.net)4 วิธีหาคอนเน็กชันในต่างประเทศ | TrueID In-Trend4 งาน 4 ธุรกิจ ที่คนไทยชอบทำที่ประเทศสวีเดน | TrueID In-Trendวันลาเหลือใช่ไหม อยากไปเที่ยวไหนหรือเปล่า? หาข้อมูลที่เที่ยวสุดปังได้ที่ App TrueID โหลดเลย ฟรี !