พระพุทธรูปแห่งบามิยัน อัฟกานิสถาน Bhuddhas of Bamiyan มรดกโลก ที่ถูกทำลายโดย ตาลีบัน
อัฟกานิสถาน (Afghanistan) เป็นประเทศสาธารณรัฐอิสลาม ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลามมาอย่างยาวนาน แต่กลับน่าแปลกใจว่า ที่นี่เป็นที่ตั้งของ พระพุทธรูปแกะสลักฝาผนัง ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ในสมัยเก่าก่อน ตามเรามารู้จัก พระพุทธรูปแห่งบามิยัน (Bhuddhas of Bamiyan) หนึ่งเดียวในอัฟกานิสถาน มรดกโลก ที่ถูกทำลายไปด้วยฝีมือของ ตาลีบัน
พระพุทธรูปแห่งบามิยัน อัฟกานิสถาน
พระพุทธรูปแห่งบามิยัน (Bhuddhas of Bamiyan) เป็นกลุ่มพระพุทธรูปโบราณ 3 องค์ที่เก่าแก่ สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 507 ซึ่งมีความสูงถึง 37 เมตร ทำให้ที่นี่กลายเป็น พระพุทธรูปแกะสลักฝาผนังที่ใหญ่ที่สุดในโลก ในช่วงเวลานั้น โดยตั้งอยู่ในหุบเขา เมืองบามิยัน (Bamiyan) ทางตอนกลางของประเทศอัฟกานิสถาน
ศิลปะของการสร้างพระพุทธรูปมีการผสมผสานของ ศิลปะคุปตะ ศิลปะคันธาระ และศิลปะเปอร์เซีย ทำให้มีข้อสันนิษฐานว่า พระพุทธรูปแห่งบามิยัน สร้างขึ้นโดยพระเถระและราชวงศ์แห่งราชวงศ์คุปตะแห่งอินเดียนั่นเอง
และที่นี่ยังเป็นหนึ่งใน UNESCO World Heritage Site ในหมวดของ มรดกโลกทางวัฒนธรรม เมื่อปี ค.ศ.2003 ในชื่อว่า “Cultural Landscape and Archaeological Remains of the Bamiyan Valley” อีกด้วยค่ะ
หากถามว่า เหตุใดถึงมีพระพุทธรูปอันใหญ่โตตั้งอยู่ในประเทศอัฟกานิสถาน ประเทศซึ่งมีคนส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม ก็ต้องพากันย้อนกลับไปในยุคประวัติศาสตร์หลายพันปีก่อน ในยุคการติดต่อสื่อสารแลกเปลี่ยนสินค้าของโลกบน เส้นทางสายไหม ยุคโบราณระหว่าง จีน เปอร์เซีย กรีก ซีเรีย โรมัน อาร์มีเนีย อินเดีย และแบกเตรีย นั่นเองค่ะ
โดยมีบันทึกของ พระถังซัมจั๋ง หรือ พระเสวียนจั้ง ซึ่งออกเดินทางไปยังชมพูทวีป ได้เล่าว่า พระพุทธรูป เหลืองอร่ามไปด้วยทองคำ ที่นี่มีอารามมากกว่า 10 แห่ง และมีพระกว่า 1,000 รูปจำวัดอยู่ สังกัดนิกายมหายาน และที่เนินเขาของนครหลวง มีพระพุทธรูปยืนซึ่งจำหลักด้วยศิลา
จากบันทึกแสดงให้เห็นว่า ก่อนที่จะมีประเทศอัฟกานิสถาน และศาสนาอิสลาม เข้ามายังดินแดนแห่งนี้ เมืองบามิยันได้มีศาสนาพุทธ เข้ามาเจริญรุ่งเรืองอยู่ก่อน และมีการสร้างอาราม พระพุทธรูปต่างๆ ขึ้นนั่นเองค่ะ
มรดกโลก ซึ่งถูกทำลายโดยตาลีบัน
หากพูดถึงประเทศอัฟกานิสถาน เราคงเลี่ยงไม่ได้ที่จะนึกถึงภาพของสงครามที่มีให้เห็นกันได้ไม่เว้นแต่ละวัน หลายสิ่งหลายอย่างถูกทำลายลงไปเพราะการแย่งชิงพื้นที่การปกครอง และ พระพุทธรูปแห่งบามิยัน ก็เช่นกันค่ะ ศาสนสถานโบราณแห่งนี้ได้พบเจอกับสงครามและการจู่โจมมาโดยตลอด แม้จะมีชนพื้นเมืองชาวมุสลิมฮะซาระฮ์ ได้ปกป้องศาสนาสถานแห่งนี้มาอย่างยาวนาน
มีการบุกทำลายถ้ำ ภาพฝาผนัง การโจรกรรมต่างๆ ตั้งแต่ 900 ปีก่อน หลังจากที่พระพุทธศานาเสื่อมความศรัทธาไป และถูกแทนที่ด้วยศาสนาอิสลาม จนในปี ค.ศ.1996 ที่ กลุ่มตาลีบัน ได้เข้ายึดครองอัฟกานิสถาน และบังคับใช้กฎหมายอิสลามสุดโต่งทั่วประเทศ และพยายามทำลายร่องรอยอารยธรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้นมาก่อนศาสนาอิสลามให้หมดไป
ทำให้ “พระพุทธรูปแห่งบามิยัน” ถูกทำลายลงจนสิ้นซากด้วยระเบิดในปี ค.ศ.2001 โดยอ้างว่า การเคารพรูปเคารพนั้นผิดหลักศาสนาอิสลาม เป็นเหตุการณ์ที่สะเทือนใจไปทั่วโลก รวมถึงชาวอัฟกานิสถาน และชาวบ้านในพื้นที่เอง
แม้องค์การยูเนสโก จะเข้าไปยังพื้นที่และทำการบูรณะ และสามารถปะติดปะต่อชิ้นส่วนพระพุทธรูปองค์เล็กกว่าที่หลงเหลืออยู่ แต่องค์ใหญ่ที่ถูกทำลายไปนั้น ไม่เหลือชิ้นส่วนใดๆ ให้นำมาประกอบกันได้อีก จึงเป็นที่น่าเสียดายอย่างมาก อีกทั้งยังต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะฟื้นฟูบริเวณที่เคยเป็นที่ประดิษฐนพระพุทธรูป โดยญี่ปุ่น และสวิตเซอร์แลนด์ สนับสนุนให้มีการปฏิสังขรณ์พระพุทธรูปนี้อีกครั้งหนึ่ง
20 ปี หลังการทำลายพระพุทธรูป
หลังจากผ่านเวลาล่วงเลยมานาน จนถึง เดือนมีนาคม ที่ปี 2021 ผ่านมา นับว่า ครบรอบ 20 ปี ของการทำลายพระพุทธรูปแห่งบามิยัน ชาวเมืองในพื้นที่ ได้มีการจัดงานรำลึกครั้งยิ่งใหญ่ ฉายภาพ 3 มิติลงบนภูเขาหิน ที่เคยประดิษฐานพระพุทธรูปบามิยันสลักอยู่ เพื่อรำลึกวันที่ต้องสูญเสียมรดกสำคัญแห่งหนึ่งของโลกด้วยฝีมือกลุ่มผู้ก่อการร้ายซึ่งในอดีตเคยเป็นรัฐบาลของประเทศอัฟกานิสถานเอง แม้ปัจจุบัน พระพุทธรูปแห่งบามิยันจะถูกทำลายลงไปแล้ว แต่ชาวเมืองบามิยันยังคงรำลึกถึงศาสนสถานที่สำคัญแห่งนี้ในของทรงจำตลอดมา
ตามติดเทรนด์เที่ยว อัพเดทที่พักสวย
แชร์ทริปสุดชิล โพสต์ภาพสุดปัง ของคุณได้แล้วที่ แอปทรูไอดี
คลิกเลย >> TrueID Travel Community <<