สวัสดีค่ะ นี่เป็นการเดินทางแบบผู้หญิงตัวเล็กๆสองคน จากเชียงใหม่ลงใต้ สู่ภูเก็ต เย้!! จะมาเกริ่นก่อนว่า ผู้หญิงสองคน คือเรา กับเพื่อนสนิทเราซึ่งคบกันมาได้กว่า 10 ปีแล้ว และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ไปเที่ยวกันสองคน แต่มันเป็นครั้งแรกที่ไปไกลขนาดนี้ จะลำบากขนาดไหนนั้น มาดูกัน ตอนแรกทริปนี้เกิดขึ้นได้เพราะไปเจอโปรตั๋วเครื่องบินถูกๆมา ก็หน้ามืดตามัวจองกัน นัดกันซะดิบดี 4 5 คน สุดท้ายโดนเทอีกตามเคย เหลือกัน 2 คนอีกแล้ว T T แต่เสียเงินค่าตั๋วเครื่องบินไปแล้ว จะทำยังไงได้ ก็ดั้นด้นไปกัน เราจองเครื่องบินล่วงหน้าถึง 7 เดือน ดังนั้นเราเลยมีเวลาเตรียมตัวกันเยอะ แต่พอถึงเวลาจริงๆก็ไม่พร้อมอยู่ดี ฮ่าๆๆๆ เราวางแผนกันไว้ว่าเราจะไปเที่ยว หาดนุ้ย เห็นในรีวิวเยอะมากๆว่ามีที่ถ่ายรูปเยอะแยะเลย (สุดท้ายไม่ได้ไป) แหลมพรหมเทพ Old Town ในตัวเมืองภูเก็ต เที่ยวบริเวณที่พักเพราะชอบที่พักที่จองไว้มากๆ นั่นคือ Roost Glamping (เขียนรีวิวที่พักไว้แล้วนะคะ ชื่อว่า Roost Glamping แคมป์ปิ้งภูเก็ตที่รัก...) เริ่มด้วยเรานั่งรถทัวร์จากเชียงใหม่ไป กทม (เพื่อความประหยัด) ของสมบัติทัวร์ ราคาคนละ 500 บาทไปลงที่วิภาวดี ถึง กทม. ประมาณ 6 โมงเช้า และเดินทางโดย BTS ลงพญาไท ต่อแอร์พอร์ทลิ้งค์เข้าสุวรรณภูมิ งบประหยัดก็ต้องหลายต่อหน่อยนึง ใครจะมาแบบเราต้องอึดหน่อยนะ พอถึงสุวรรณภูมิทำได้แค่ กิน รอ เพราะเราไปถึงประมาณ 16:30 น. แต่เราขึ้นเครื่องตอน 18:00 น. โดยสายการบิน Vietjet แต่แล้ว ดีเลย์จ้าาา ได้ขึ้นเครื่องอีกทีตอน 19:30 น. แน่นอนเรากับเพื่อนได้วางแผนว่าจะต้องไปให้ทันรถ Phuket smart bus จากสนามบินไปยังที่พักเพราะประหยัด ราคาเพียงคนละ 170 บาท และในที่สุดเราก็มาถึงสนามบินภูเก็ตในเวลา 21:15 น. แน่นอนว่า เรากับเพื่อนมาไม่ทันรถบัสเที่ยวสุดท้าย เพราะหมดไปแล้วตอน 21:00 น. T T อยากร้องไห้ แต่เพราะมาถึงดึกเราเลยจำเป็นต้องนั่งแท็กซี่ ซึ่งที่พักไกลมาก ราคาที่เสียไปคือ 1,000 บาท ช้ำใจ นี่แค่เริ่มต้นนะคะ ไปถึงที่พักก็หาอะไรกินแล้วนอนสลบกันเลย เพราะเพลียกันมากๆ เราไปถึงที่พักตอนกลางคืน ไม่เห็นอะไรเลย น่ากลัวมากเพราะที่พักเป็นสไตล์แคมป์เลยแสงน้อย แต่พอเช้าเราออกมาข้างนอก คนละอย่างกับเมื่อคืนลิบลับ ดอกไม้ไม่บานตอนกลางคืน แต่บานในตอนเช้า ไม่ผิดหวังเลย ที่พักสวยมาก นี่คงเป็นเรื่องดีเรื่องนึงในการเดินทางครั้งนี้ :) และอีกอย่างเลย ภูเก็ตต้นเดือนธันวาคม ช่วงที่เรามา อากาศดีมาก มีลมเย็นตลอดเวลา ไม่ร้อน และไม่หนาว ไม่มีพายุ เริ่ดมาก จากนั้นพอเรากับเพื่อนที่กว่าจะทำธุระเสร็จ อาบน้ำ แต่งตัว ถ่ายรูปเยอะมากๆ (เที่ยวกันสองคนก็ไม่มีรูปคู่ใดๆนอกจากถ่ายกับกระจกอะเนาะ) และทานข้าวเสร็จเรียบร้อยก็พร้อมเที่ยวแล้วจ้า เราศึกษาข้อมูลมาแล้วว่าที่ภูเก็ตไม่ค่อยให้นักท่องเที่ยวชาวไทยเช่ารถเนื่องจากหลายๆเหตุการณ์ แต่ทางที่พักก็ทำให้เราได้รถมา แต่ว่าเราไม่มีใบขับขี่! ส่วนเพื่อนไม่ได้ต่อใบขับขี่! เราจึงทำได้แค่ไปที่ใกล้ๆ ที่พักที่คิดว่าจะไม่เจอด่าน (อย่าลืมพกใบขับขี่กันน้า) ทางที่พักเลยแนะนำ หาดยะนุ้ย หาดในหาน และแหลมพรหมเทพ อ่ะไป เรามาหาดยะนุ้ยกันด้วย GPS และเถียงกันทั้งทางเพราะเข้าซอยผิด ฮ่าๆๆ แต่ก็มาถึงนะ หาดนี้คนน้อยไม่ค่อยเหมาะกับเล่นน้ำทะเลเท่าไหร่ เพราะมีหินค่อนข้างเยอะ ทัศนียภาพถือว่าไม่ค่อยสวย อาจจะเพราะไปตอนที่มีเรือเยอะ มีร้านอาหารแถวริมหาด และถนนขับไม่ยาก (ช่วงที่เราไปเห็นตำรวจเยอะมาก เลยคิดกันกับเพื่อนว่า ดีจัง! ตำรวจมาดูแลความปลอดภัยเยอะ แต่เขามาตามหานักท่องเที่ยวสูญหายกันค่ะทุกคนนน ) เราเลยแวะมาแค่ถ่ายรูป และไปหาดในหานต่อ หาดในหานขับรถมาไม่ไกลจากหาดยะนุ้ย ขึ้นเนินมานิดหน่อยก็ถึงแล้ว หาดในหานบอกเลยว่าสวยมากๆ แตกต่างจากหาดยะนุ้ยทั้งๆที่อยู่ไม่ห่างกัน น้ำทะเลสีเขียว คลื่นเยอะ ไม่มีหิน เหมาะสำหรับเล่นน้ำ อาบแดด รวมไปถึงกีฬาทางน้ำ เราใช้เวลาอยู่หาดนี้นานมาก มาถึงก็หาของกินค่ะ ขาดไม่ได้ และเราเจอข้าวไข่เจียวทรงเครื่องในราคา 20 บาท ถือว่าเป็นมื้ออาหารที่ถูกที่สุดในภูเก็ตที่ทานมา และน้ำมะพร้าวลูกใหญ่และหนักมากแค่ 50 บาทเอง ที่นี่นักท่องเที่ยวเยอะมาก ทั้งไทย จีน และฝรั่ง ซึ่งฝรั่งจะเยอะสุดๆ แทบจะไม่เจอคนไทยเลย เตียงผ้าใบที่นี่ราคา 200 บาทนั่งได้ทั้งวันเลยนะคะ เรากับเพื่อนเลย หลับมันซะเลย พอเย็นๆก็ไปเล่นน้ำกัน ต่างชาติอาบแดดกันเยอะทั้งวันเลย เรากับเพื่อนลงไปเล่นน้ำที่มีคลื่นแรงโดนทีตัวปลิวเลย แต่สนุกมากๆ ทรายละเอียด ไม่มีอะไรมาบาดเท้าเลย ถือว่าชายหาดสะอาดมากๆ ห้องน้ำที่นี่ค่าบริการ 10 บาทนะคะ ใครจะใส่บิกินี่ จัดเลยค่ะ ไม่ต้องอายใคร มีแต่ต่างชาติ ใครๆก็ใส่กันทั้งนั้น พอเย็นเราต้องรีบขับรถไปที่ แหลมพรหมเทพ เพราะต้องไปก่อนพระอาทิตย์ตก จะได้เห็นท้องฟ้าที่สวยงามตามรีวิวที่ดูมา ขับรถย้อนมาทางหาดยะนุ้ยไม่ไกลก็มาถึง แหลมพรหมเทพ คนเยอะมากกกก ไม่คิดว่าจะเยอะขนาดนี้ แต่น้อยคนที่จะเดินไปถึงปลายแหลม ซึ่งเรากับเพื่อนก็ไปไม่ถึงเพราะพระอาทิตย์ตกซะก่อน แต่ก็เกือบถึงล่ะนะ ทางปลายแหลมคนค่อนข้างน้อยเพราะการจะเดินมาต้องเข้าป่านิดหน่อย เป็นทางรก แต่ไปได้ เดินยาก ต้องระวัง แต่พอเจอกับวิวแบบนี้ จะบอกว่าหายเหนื่อยก็ไม่ แต่ประทับใจมากจริงๆ สมแล้วกับสถานที่ชื่อดังของภูเก็ต เราไปเที่ยวกันมาทั้งวันพรุ่งนี้ก็ต้องกลับเชียงใหม่แล้วนะ ลางานได้แค่นี้ ทริปด่วนจริงๆเลย วันสุดท้ายในภูเก็ต เราเดินทางจากภูเก็ตราไวย์ เข้าตัวเมืองภูเก็ต ด้วยรถโพถ้อง (รถท้องถิ่นสีฟ้า)ราคา 50 บาท ซึ่งเพราะความงกน่ะแหละ พนักงานต้อนรับที่ทางที่พักเตือนเราว่า ช้ามากเลยนะ รถช้ามากๆ เดินยังเร็วกว่า เราก็คิดว่าไม่ขนาดนั้นหรอก แต่ทุกคน ช้ามากแบบที่เขาเตือนจริงๆ เรากับเพื่อนหลับได้ 3 ตื่น ยังไม่ถึงเลยจ้า ฮ่าๆๆ คงเป็นเพราะว่าคนภูเก็ตไม่ค่อยใช้รถโพถ้องกัน ทำให้เขาต้องขับช้าๆเพื่อมองหาคน และแล้วเราก็มาถึง จุดสิ้นสุดเดินรถโพถ้องคือ บขส. เก่า ก็คือสามารถเดินเท้าได้เลยย่านนี้เรียกว่า Old town เป็นย่านเมืองเก่า แยกเป็นถนนสายต่างๆ ซึ่งเราเดินเยอะมากเกือบทั่วย่านนี้เลย แต่ได้รูปน้อยมากเพราะคนเยอะและตึกเป็นตึกสูง ทำให้ถ่ายยาก แนะนำให้พกกล้องเลนส์กว้างๆไป ส่วนข้าวของเราฝากของไว้กับโรงแรม On On ราคาค่าฝากเพียง 50 บาทเพราะกระเป๋าเราใบเล็ก ถือว่าแบ่งเบาไปได้เยอะเลย เพราะกระเป๋าหนักมาก ที่นี่ดังเพราะตึกค่อนข้างสวยทั้งสี และรูปแบบ ใครถ่ายรูปเก่งๆน่าจะได้รูปดีๆไปแน่นอน เราชอบค่ะแต่เดินเหนื่อยไปหน่อย (ก็เดินเยอะแหละ) ที่สุดก็ได้เวลากลับแล้ว เรานั่งรถ Airport smart bus (รถบัสภูเก็ตสีส้ม จาก บขส. ไปที่สนามบิน ราคา 100 บาท) ไปถึงสนามบิน และแน่นอน สายการบิน Airasia ดีเลย์อีกแล้ว ได้ขึ้นเครื่องจาก 22:00 เป็น 23:00 น้องจะร้องไห้ เราไปนอน กทม. หนึ่งคืนและนั่งเครื่องของ Nok air ไฟท์เช้า เราเดินทางงกันหลายต่อมากค่ะ เพราะตั๋วโปรทั้งหมด เหนื่อยแต่คุ้มค่ะ เพราะเราคิดว่า การเที่ยว ถ้าไม่ได้เหนื่อย ถือว่ามาไม่คุ้ม ขอบคุณทุกคนที่ติดตามมาจนถึงตอนจบ ทริปนี้เราเจอคนใจดีเยอะมากๆ เพราะเรากับเพื่อนหลงทางเก่ง แต่ก็มีแท็กซี่ กทม ใจดีที่คอยบอกทาง และขับรถไปส่งฟรีๆ พี่ๆที่ภูเก็ตที่คอยช่วยเหลือตั้งแต่ไปถึงจนกลับ ฮ่าๆๆ "ออกทริปกับเพื่อนไม่ยากค่ะ แต่ต้องวางแผนดีๆ และเผื่อแผนสำรองไว้ด่วย ทริปนี้เราหมดกันประมาณคนละ 5,000 บาท รวมตั๋วเครื่องบินแล้ว ถือว่าประหยัดมาก" กลับเชียงใหม่ละนะ เจ้าภูเก็ต แล้วแชร์ทริปของคุณให้เรารู้บ้างนะ เผื่อเราจะไปตาม :)