ดในช่วงปิดเทอมของใครหลาย ๆ คน คงกลับบ้าน หรือหารายได้เสริมเพื่อแบ่งเบาภาระของทางครอบครัว ในตอนนั้นผมเรียนอยู่ปีที่ 2 ภาคเรียนที่1 ของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในจังหวัดสุราษฏร์ธานี ในช่วงน้ั้นเป็นช่วงปิดเทอม และผมก็ไม่ได้กล้บบ้านที่จังหวัดสงขลา แต่ผมคิดจะหางานทำเพื่อเป็นรายได้เสริมในช่วงปิดเทอม แต่เมื่อไปสมัครงานหลายๆที่ก็ไม่มีที่ไหนรับเข้าทำงานเลย ทำให้ผมเบื่อ ๆ เหงา ๆ เงียบ ๆ อยู่ที่ห้องพัก วัน ๆ ก็เขี่ยโทรศัพท์ขี้น ๆ ลง ๆจนเบื่อ แต่มาวันหนึ่งผมได้ไปเจอเพจการท่องเที่ยวเพจหนึ่งที่ทำเกี่ยวกับการท่องเที่ยวโดยรถไฟ ผมจึงเข้าไปดูก็มีที่เที่ยวเยอะแยะมากมายที่สามารถเที่ยวได้ โดยไม่ยุ่งยาก หรือเดินทางหลายขั้นตอน และเสียตังน้อยที่สุด ผมเริ่มหาเป้าหมายที่จะไปโดยเลือกตามที่ตัวเองสนใจที่สุด สุดท้ายก็ได้เป้าหมาย คือ จังหวัดอยุธยา เพราะเป็นจังหวัดมีแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม และเป็นความชื่นชอบส่วนตัวด้วย จากนั้นผมเริ่มศึกษาหาหนทางตั้งแต่เริ่มต้นจากจังหวัดสุราษฎร์ธานีไปจนถึงอยุธยา โดยเส้นมีดังนี้ ผมขึ้นรถไฟจากสถานีรถไฟสุราษฎร์ธานี โดยใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐซื้อตั๋วรถไฟไปลงสถานีบางซื่อ โดยรถเร็ว ขนวนนครศรีธรรมราช-กรุงเทพ ชั้น 3 เวลา18.25 น. ซึ่งนี่ถือเป็นการเดินทางคนเดียวครั้งแรก และไกลที่สุดที่เคยเที่ยวมา บรรยากาศบนรถไฟ เต็มไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตา ที่เดินวนเวียนตลอดทั้งคืน ทำให้การนอนของผมเป็นแบบหลับ ๆตื่น ๆ ผมใช้เวลาทั้งหมดบนรถไฟเกือบ ๆ 14 ชั่วโมง ถึงสถานีบางซื่อ(ประมาณ 08.20 น.) จากนั้นจึงค้นหาขบวนรถที่จะไปอยุธยาทันที หลังจากนั้นผมก็เดินไปซื้อตั๋วรถไฟ ขบวนท้องถิ่น ในราคา 20 บาท เมื่อเวลาผ่านไปมาประมาณ 10.40 น. รถก็มาถึงสถานีบางซื่อ ผมก็ขึ้นรถต่อไปลงสถานีอยุธยา เมื่อถึงอยุทธยาก็หาร้านอาหารเพื่อกินข้าวประทังชีวิต จากนั้นจึงเดินไปขึ้นเรือที่ท่าเรือข้ามไปยังอีกฝั่งหนึ่ง(ตามข้อมูลที่ผมได้หามา)ซึ่งเป็นเป้าหมายที่ผมจะไปนั้นก็คือเมืองเก่าอยุธยา เมื่อไปถึงความตั้งใจในตอนแรกคือจะเช่ารถจักรยานขี่ไปในราคา 50 บาท แต่เมื่อถึงอีกฝั่ง ก็จะมีตลาด แต่ไม่แน่ใจว่าชื่อตลาดอะไร ผมก็เดินไปซื้อน้ำที่ 7-11 ที่อยู่ตรงข้ามกับท่าเรือ จากนั้นจึงเดินดูของกินเล่นระหว่างเดินทางในตลาดแห่งนั้น แต่เมื่อเดินดูไปเรื่อย ๆ ผมเห็นมีคนเดินตามเส้นทางที่จะไปเมืองเก่าอยุธยา(คิดในใจคงไม่ไกลมาก น่าจะเดินได้อยู่) ผมก็เลยเดินตามหลังเขาไป เส้นทางจากท่าเรือไปจนถึงอุทยานประวัติศาสตร์ประมาณ1กิโลเมตรให้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาทีก็ถึง สถานที่แรกที่คุณจะเจอก็คือวัดมหาธาตุจากนั้นจึงเดินเวียนรอบ ๆ โดยไม่ได้เข้าไปข้างในตัววัด เพราะต้องซื้อตั๋วเข้าไป(ถ้าจำไม่ผิดประมาณ10บาท)ผมจึงได้แต่ถ่ายรูปโดยรอบ ๆ วัดเท่านั้น จากนั้นจึงเดินไปตามจุดต่าง ๆ ในพื้นที่ของอุธยานแห่งนี้จนรอบ โดยใช้เวลาทั้งหมด3-4ชัวโมง เพราะผมจำเป็นต้องรีบกลับมาขึ้นรถไฟกลับที่สถานีรถไฟ จึงเดินเที่ยวไม่ทั่วถึง จึงทำให้ผมพลาดที่จะเที่ยวในหลายจุด อยากจะเดินดที่ยวแบบชิล ๆ ชะหน่อย เห้อ!! เวลาช่างเดินเร็วเหลือเกินจริง ๆ จากนั้นจึงเดินทางกลับมาขึ้นรถที่สถานีรถไฟ และไปนอนค้างกับเพื่อนในกรุงเทพ 2 คืนจากนั้นจึงเดินทางกลับสุราษฎร์ธานีต่อไป (ท่าเรือข้ามฝัง เที่ยวละ 3 บาท) มรดกโลกวัดพระศรีสรรเพชญ์ เจดีย์ 3 องค์ วัดพระศรีสรรเพชญ์ บึงพระราม/หนองโสน/บึงซีซัน มีชื่อเรียกหลายชื่อ เหมาะแก่เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ เพราะมีต้นไม้เยอะที่ให้ความร่มรื่น วัดมหาธาตุ ภายในวัดมหาธาตุ การเดินทางในครั้งนี้ก็ถือเป็นประการณ์ครั้งยิ่งใหญ่ในช่วงปิดเทอมของผมอย่างแน่นอน ที่ทำให้ผมกล้าที่จะเดินทางด้วยตัวคนเดียวเป็นครั้งแรกและมาไกลได้ขนาดนี้ ผมรู้สึกประทับใจ และอยากให้ทุกคนได้มาลองกัน มันไม่ได้อยากอย่างที่คิด แค่ขอให้คุณกล้า และลงมือทำ #ปู๊นๆๆๆๆ รถไฟพาเที่ยวช่วงปิดเทอม @อยุธยาแห่งความทรงจำ ทุกภาพถ่ายโดย : ต้นกล้า มาราธอน