ออกเดินทางด้วยรถทัวร์ กรุงเทพ-เชียงใหม่ รอบ 22.20 น. (16/02/66)07.20 น. ที่เชียงใหม่ ไม่ไกลจากสถานีขนส่งจะมีรถมอเตอร์ไซค์ให้เช่า มีให้เลือกหลายรุ่นหลายราคา เราเลือกเช่าเป็นแรมเบสต้า 3 วัน หวังให้ได้นั่งสบายๆ มีแรงพาเราขึ้นเขา-ลงเขาวันนี้ตั้งใจขับรถกันไปนอนที่ปางอุ๋ง ยิ่งขึ้นเขายิ่งเจอต้นไม้ เจอภูเขา เจอหมอกเป็นหย่อมๆ วิวระหว่างทางโคตรจะสวยระหว่างทางเราเจอฝนและเกิดอุบัติเหตุตรงจะถึงป้ายปาย ตั้งใจจะแวะจอดรถเพื่อถ่ายรูป แต่ด้วยร่องถนนที่มีน้ำขัง ใครจะไปคิดว่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้รถเราล้มเราสองคนฟกช้ำนิดหน่อย คนขับจุกท้อง เสื้อกันฝนขาด ส่วนรถมีรอยเสียหายเกิดขึ้น เราสองคนอยู่ตรงนั้นสักพัก มีทั้งความรู้สึกเซ็งกับค่าใช้จ่ายที่จะตามมา เซ็งกับความรู้สึกอะไรต่างๆมากมายที่เกิดขึ้นตรงนั้น ได้แต่ปลอบกันว่าไม่เป็นไร ไว้ค่อยว่ากันในวันคืนรถอีกที แต่ก็ยังคงเป็นกังวลกับค่าใช้จ่ายตรงนี้ เริ่มไม่แฮปปี้กับทริปนี้และการเดินทางก็ล่าช้าออกไปพอเริ่มปล่อยวางได้ เราก็เริ่มออกเดินทางกันต่อ จุดหมายยังคงอยู่ที่ปางอุ๋ง วิวระหว่างทางเริ่มสวยขึ้น อากาศเริ่มเย็นจัดจนหนาว เราเริ่มเจอหมอกเยอะขึ้น และเจอฝนกันอีกครั้ง ทั้งคนขับคนซ้อนนั่งตัวสั่น เริ่มไม่ไหวกับอากาศหนาว บวกกับเวลาที่ใกล้จะมืดลง เลยตัดสินใจที่จะแวะนอนกันที่หมู่บ้านจ่าโบ่ เพราะน่าจะถึงก่อนฟ้ามืด ถ้าขืนไปต่อให้ถึงปางอุ๋งคงไม่ทันฟ้าสว่างแน่ๆเราถึงหมู่บ้านจ่าโบ่ประมาณห้าโมงเย็น รีบหาติดต่อที่พัก เพราะฝนตกนักท่องเที่ยวเลยไม่เยอะ "ลานกางเต็นท์จ่าทอ&โฮมสเตย์บ้านจ่าโบ่" จึงว่างให้เราได้เข้ามาพัก จะมีทั้งส่วนของลานกางเต็นท์และห้องพัก ทริปนี้เราตั้งใจมากางเต็นท์นอนทุกคืน แต่ด้วยหมอกด้วยฝน และด้วยอากาศที่โคตรหนาว เราไม่สามารถใช้ชีวิตในเต็นท์ได้ในคืนนี้ จึงเลือกเช่าห้องพักเพื่อหวังได้อาบน้ำอุ่นบ้านจ่าโบ่ทำให้เราได้มาสัมผัสกับทะเลหมอกได้เต็มสองตา และอุปสรรคของการดื่มด่ำบรรยากาศก็คืออากาศที่โคตรหนาวเช้าวันต่อมา อากาศดีมาก หมอกเยอะทั่วท้องฟ้าแวะดื่มลาเต้ร้อน ดื่มด่ำกับบรรยากาศรอจนฟ้าสว่าง หมอกเริ่มจางก็จะเริ่มออกเดินทางไปต่อที่ปาง อุ๋งด้วยความที่ถนนแทบไม่มีทางแยก จึงขับตามทางมาเรื่อยๆ รู้ตัวอีกทีก็ขับเลยมาไกลแล้ว ความหลงนี้ทำให้ได้มาแวะ"สะพานซูตองเป้" ได้มีโอกาสเข้ามากราบหลวงพ่อเจ้าพาราซูตองเป้ที่"สวนธรรมภูสมะ" ขอให้การเดินทางหลังจากนี้จงปลอดภัย ไร้อุบัติเหตุออกเดินทางต่อจนถึง"ปางอุ๋ง" เรารีบหาทำเลกางเต๊นท์ไว้นอนกันในคืนนี้พลาดไม่ได้ที่จะไม่แวะ"หมู่บ้านรักไทย" สวยงามอย่างที่เลื่องลือไว้เลย เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม การสร้างบ้านพักใหม่ๆเริ่มมีมากขึ้น และอาจส่งผลให้ความดั่งเดิมนี้ลดลงไป เรามีเวลาไม่มากยังไงก็ต้องแวะสั่งหมั่นโถว ชาอู่หลงก่อนก่อนกลับก็มาสะดุดตาเจอ ข้าวปุกงา ต้องแวะชิมสักหน่อย เป็นรสชาติที่แปลกดีกลับมาปางอุ๋งกันก่อนฟ้ามืด ยิ่งดึกอากาศยิ่งหนาว เงยหน้ามองต้นไม้มองเห็นดวงดาวได้เต็มตาตื่นมากับอากาศที่โคตรหนาวนอนไม่ได้ ล้างหน้าเก็บของเสร็จก็เช้าพอดีออกมาหาอาหารเช้ากินที่ร้าน"ลุงปาละ คอฟฟี่เฮ้าส์" เมล็ดข้าวร้านนี้เม็ดใหญ่เหมือนข้าวญี่ปุ่นอร่อยมาก ข้าวผัดร้านเขาน่าจะใส่พวกผัดที่ปลูกเอง อยู่ที่นี้เราสั่งกินแต่ข้าวผัด ที่บ้านจ่าโบ๋เป็นข้าวผัดใส่ถั่วฝักยาว เมื่อคืนร้านหน้าปางอุ๋งเป็นข้าวผัดใส่กะหล่ำ เรียกได้ว่าอร่อยกันคนละแบบเลยแวะล่องแพที่ปางอุ๋งก่อนเดินทางกลับ และขออัปเดตข้อมูลน้องหงส์ที่ได้จากการสอบถามเด็กๆแถวนั้นมา คือที่นี้จะมีหงส์อยู่สองคู่ เป็นคู่สีขาวกับสีดำ วันที่เราไปเจอแต่หงส์สีขาว 2 ตัว ส่วนหงส์สีดำน่าจะถูกย้ายไปที่อื่นแล้ว ใครที่จะมาหาน้องหงส์ดำคงไม่ได้เจอน้องๆแล้วนะทางกลับเราตั้งใจมาแวะหาแกะที่"ศูนย์บริการและพัฒนาที่สูงปางตองตามพระราชดำริ" เหมือนจะมีสัตว์หลากหลายเลยนะ แต่เรามาแค่ให้อาหารแกะกับม้าอย่างเดียววันที่เราไป เจอเด็กๆ 3 คน มาอยู่เวรคอยบริการขายอาหารน้องแกะ แนะนำแกะตัวเล็กให้รู้จักและชวนคุยกันสนุกเลย12.00 น. ภารกิจต่อไปคือการกลับเชียงใหม่ให้ทันก่อนฟ้ามืด ความตั้งใจที่จะเที่ยวปาย นอนกางเต๊นท์ที่หยุนไหลต้องยุติลงเริ่มขับรถเร็วขึ้น เริ่มไปได้อย่างคล่องตัว พี่เฟิร์นก็เริ่มสนุกกับการขับรถขึ้นเขาลงเขา แต่ก็แฝงไปด้วยอันตรายที่เกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ รถใหญ่ขับกันเร็วมาก เราต้องหลบชิดขอบทางเพื่อให้รถใหญ่ไปก่อนทุกครั้ง20.30 น. ถึงสักทีสถานีขนส่งเชียงใหม่ รถกลับกรุงเทพรอบสุดท้าย 21.15 น. แต่ก็ยังไม่ได้กลับตามที่หวัง เพราะติดปัญหาเรื่องรถเช่า รอเจราจาค่าเสียหายใช้เวลากันสักพักใหญ่ สุดท้ายก็ได้กลับบ้านเช้าอีกวันพอถึงเวลากลับก็ใจหาย ยังเที่ยวไม่คุ้มเหนื่อยนั่งรถเลย ไว้มีโอกาสต้องได้กลับมาอีกแน่ๆต้องขอบคุณแรมเบสต้าที่อดทนไม่พังระหว่างทาง ขอโทษที่ดูแลเจ้าไม่ดี และน้อมยอมรับค่าเสียหายแต่โดยดี เที่ยวครั้งนี้ใช้เวลาขับรถเป็นส่วนใหญ่เลย ต้องขอชื่นชมคนขับไม่บ่นเหนื่อยบ่นเมื่อย มีแต่ด่าคนขับรถมาเบียดการเดินทางครั้งนี้ทำให้รู้ว่า แผนที่วางไว้มักไม่เป็นไปตามคาดเสมอ เราต้องเข้าใจธรรมชาติด้วยการปรับเปลี่ยนที่เรา ไม่ยึดติดอยู่ในสถานการณ์ที่มันแย่ไปแล้ว และยอมรับผลที่เกิดขึ้นจากการลงมือทำไปแล้วอย่างใจเย็นเส้นทางการมาในครั้งนี้ถือว่าโหดไม่น้อย ทางโค้งเยอะบวกกับต้องขับรถแข่งกับเวลาเพื่อที่จะได้แวะเที่ยว เข้าที่พักให้ทันก่อนฟ้ามืด ใครที่คิดจะขับมอเตอร์ไซค์มาต้องวางแผนการเดินทางให้ดีเลย และที่สำคัญต้องมีความพร้อมทั้งรถทั้งคน อุปสรรคของเราคืออากาศหนาวที่เตรียมตัวมาไม่ดี และฝนที่ทำให้การเดินทางล่าช้าลง ทริปนี้จึงมีแต่การขับรถจนไม่ได้แวะหาของอร่อยกิน ไม่ได้แวะเที่ยวตามที่วางแผนไว้สุดท้ายขอรีวิวรถทัวร์ของบริษัทแห่งหนึ่ง รอบรถ กรุงเทพ-เชียงใหม่ เรามาจองตั๋วก่อนล่วงหน้า 5 วัน เหลือที่นั่งอยู่ใกล้กันแถวหลังสุด แต่เบาะห่างกัน เมื่อถึงวันเดินทางก็มารอขึ้นรถตามเวลาเรื่องแรก รู้สึกผิดหวังกับที่นั่งและระยะห่างระหว่างทางเดิน ใครจะเดินเข้าห้องน้ำข้างหลังรถคือต้องเดินโดนคนที่นั่งอยู่แบบหลีกเลี่ยงไม่ได้ ที่นั่งเรานั่งได้ปกติ แต่สำหรับผู้ชายตัวใหญ่คืออึดอัด อาจเพราะความโชคร้ายที่รอบนี้เป็นรถเก่า เพราะเคยนั่งรถใหม่ที่ความสะดวกสบายมีมากกว่านี้สอง เรื่องหน้าจอทีวีน่าจะโดนแดดเลียจนจอดูไม่ได้ กดเล่นอะไรไม่ได้ โอเคไม่เป็นไรสาม เรื่องแอร์ปรับอากาศ ใครเจอรถแถวหลังสุดเป็น 3 ที่นั่งต้องทำใจเลย ที่นั่งตรงกลางไม่มีแอร์ส่องมาถึง ปกติเราเป็นคนขี้หนาว แต่อยู่แบบนั้นหลายชม.ก็คือร้อน ส่วนที่นั่งพี่เฟิร์นเครื่องยนต์มันถูกทำงานจนรู้สึกร้อนมาถึงเบาะและสี่ เรื่องของว่าง จะมีแขวนไว้ให้ที่เก้าอี้อยู่แล้วบางส่วน สักพักพนง.จะเดินมาแจกขนมปังเพิ่ม พนง.ยื่นขนมปังให้พี่เฟิร์น แต่ไม่มีขนมปังยื่นให้เรา คิดในใจเดียวคงหยิบมาให้ รอจนรถจอดถึงสถานีเชียงใหม่ ด้วยความสงสัยข้องใจเลยเดินไปถาม พนง.หยุดคิดไปแปปนึงและบอกว่าลืมครับ เดียวไปหยิบมาให้ ในใจคือโอ้โห ได้หรอว่ะ ไม่อยากให้มองว่างกหรืออะไรนะ อย่างถ้าขนมหมดคุณก็แค่มาแจ้งเราตั้งแต่ตอนแจกขนม แต่แบบนี้คือละเลยในหน้าที่หรือเปล่า ถึงจะไม่ใช่ระดับเฟิร์สคลาส แต่มันแย่กว่ารถของรัฐวิสาหกิจมากเลยนะถึงการเดินทางในครั้งนี้จะไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้ แต่แม่ฮ่องสอนก็ทำหน้าที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวได้ดีเลย เป็นครั้งแรกของเราที่ได้มาที่นี้ ไกลสุดๆเท่าที่เคยเที่ยวมา ได้วางแผนการเดินทาง ได้คำนวณการใช้เงิน ได้รู้จักกับความหนาวที่สะใจสุดๆ สิ่งที่ประทับใจที่สุดในแม่ฮ่องสอนคงเป็นธรรมชาติระหว่างทาง การได้เห็นวิวภูเขา เห็นหมอกที่อลังการ เห็นต้นไม้ใบชาของชาวบ้าน ทำให้การนั่งรถทั้งวันกลายเป็นเรื่องไม่น่าเบื่อเลย มีภาพให้ได้ตื่นตาตื่นใจอยู่ตลอดทาง และได้เวลากลับมาดูตึกใหญ่ในกรุงเทพเหมือนเดิมแล้ว ขอให้ทุกคนสนุกกับการเริ่มเที่ยว และเที่ยวเพื่อชาร์จแบตให้กับตัวเอง โลกใบนี้กว้างมาก เดินกันให้สนุกนะภาพถ่ายโดย สะสะทอนกำลังหาที่เที่ยวหรือเปล่า? หาข้อมูลที่เที่ยวสุดปังได้ที่ App TrueID โหลดเลย ฟรี !