ถ้าจะถามหาแหล่งท่องเที่ยวเชิงทำบุญ ประเทศไทยเรานั้นมีอยู่มากมายแทบจะทุกจังหวัด เพราะแน่อยู่แล้วไทยเรานั้นได้ชื่อว่าเป็นเมืองพุทธ จึงมีสถานที่พร้อมให้เหล่าประชาชนได้เข้าไปทำบุญ และแต่ละที่นั้นล้วนแล้วมีความสวยงามเป็นเอกลักษณ์ ตามแต่ละจังหวัดนั้น ๆ หลายที่ก็เปิดให้ได้เข้าชมสถานที่ แม้ยามไม่มีการทำบุญ หลายแห่งจัดงาน ให้เราได้เที่ยวชมกันตลอดทั้งปี ซึ่งเกริ่นมาขนาดนี้ ก็คงหนีไม่พ้นตัวผู้เขียนเอง ก็มักจะชอบท่องเที่ยวตามที่แบบนี้อยู่แล้ว เรียกได้ว่า วัดในเขตกรุงเทพมหานคร เมืองหลวงของเรานั้น ผู้เขียนเองไปแทบจะทุกที่แล้ว และจากการที่มีหน้าที่การงานอยู่ในตัวเมืองหลวงของไทยนั้น ก็ค่อนข้างยาก หากจะต้องเดินทางข้ามไปตามจังหวัดอื่น ๆ หลายครั้งจึงต้องวางแผนก่อนช่วงวันหยุด แต่บ่อยครั้งที่ได้ไปแบบบังเอิญโดยไม่ได้ตั้งใจ เช่น วัดพระปฐมเจดีย์ จังหวัดนครปฐมจากความไม่ตั้งใจ ความบังเอิญ ซึ่งในตอนที่ผู้เขียนเองนั้น มีโอกาสได้เดินทางไป ที่จังหวัญกาญจนบุรี โดยการเดินทางด้วยรถส่วนตัวนั้น ตอนไปที่กาญจนบรี ก็ออกไปตั้งแต่เช้าก่อน 6 โมงระหว่างทางจึงยังไม่สามารถมองเห็นอะไรชัดเจนนอกจากทางที่เราขับรถอยู่ จนกระทั่งตอนกลับจากกาญจนบุรี ได้ผ่านเขตของจังหวัดนครปฐม ก็สะดุดตา ที่เห็นเจดีย์ขนาดใหญ่ สูงตั้งตระหง่าน ท่ามกลางชุมชน มองเห็นได้จากระยะไกล จากนั้นคิดขึ้นมาว่า นี่ใช่ที่เขาเรียกว่าพระปฐมเจดีย์หรือเปล่า ก็เลยขับรถไปยังเจดีย์ที่เห็นอยู่ไกล ๆ โดยบอกตรง ๆ ว่าไม่รู้จักเส้นทางเลย และแล้วก็เข้ามาถึงภายในบริเวณวัด ใหญ่กว้างมาก ที่เเรกที่เดินออกมาจากลานจอดรถ ก็เป็นสำนักร่มโพธิ์ ซึ่งทำตึกและกำแพงได้สวยงามมาก นี่แค่ทางเข้านะยังรู้สึกประทับใจตั้งแต่แรกเจอ ที่น่าตื่นตาตื่นใจ ก็คือ มีประตูเยอะมาก แทบจะรอบบริเวณวัดเลยก็ว่าได้ ถ้าถามว่าประตูหน้าอยู่ตรงไหน ผู้เขียนเองก็ตอบไม่ได้เช่นกันลักษณะโดยรวม ๆ แล้วให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าเราเดินชมวัง ทั้งสีและบรรยากาศ บวกกับความกว้างขวางภายในวัดแล้ว สุดจะบรรยายเข้าประตูมาแล้ว ยังมีประตูอีกชั้น ด้านใน ยิ่งทำให้รู้สึกเหมือนวังมากขึ้น ประตูทางเข้าใหญ่มาก ออกแนวไทยโมเดิร์น รอบ ๆ มีแต่สิ่งที่ใหญ่โตมโหฬาร จนทำให้เรารู้สึกเหมือนตัวเล็กลงไปทันทีเข้าประตูมา ก็ยังเจอประตูอีกขั้น อยู่ชั้นใน เป็นทางเดินไปสู่ เจดีย์ ในนั้นเข้าไปต้องขึ้นไปอีกชั้น ก็สูงใช้ได้ ใครที่คิดจะมาก็ต้องเตรียมตัวให้พร้อมร่างกายต้องแข็งแรง เพราะที่นี่ มีหลายขั้นและกว้างกว่าที่เราคิดขั้นสุดท้าย เล่นเอาจนเหนื่อย แดดก็ร้อน สรุปมาถึงจุดนี้ เราต้องผ่านประตู 3 ชั้น และก็ขึ้นบันได อีก 2 ช่วง ในแต่ละช่วงนั้น ก็ไม่ต่ำกว่า 13 ขั้นเป็นอย่างต่ำ แต่คุ้มค่ากับเหงื่อที่เสียไป สวยงามรอบด้าน แต่ที่น่าตกใจก็คือ สิ่งที่เราบรรยายมาตั้งแต่ตอนแรก จนมาถึงจุดนี้ เพื่อจะไปยังเจดีย์นั้น มาผิดทาง เพราะที่เรามาเป็นพื้นที่ด้านหลังของพระเจดีย์ แต่ไม่เป็นไร การมาเที่ยวแบบไม่มีแผนนี่แหละทำให้เราตื่นเต้น และมีความสุขกับสถานการณ์ต่าง ๆ ที่พบเจอสุดท้ายก็ต้องลงมาอีกฝั่ง เพราะเข้าไปไม่ได้ แต่นี่แหละคือความสุขอีกแบบ ลงมาก็เจอกับเขาวัง ที่อยู่ด้านข้างเจดีย์ ถึงจะหลงแต่ก็ได้เจอกับความงามระหว่างทางสวยมากเหมือนอยู่ในหนังจีน มีวัดบนเขา มีห้องที่เป็นเหมือนถ้ำ ไม่ผิดหวัง สวยงามสมคำร่ำลือ จุดนี้มีบันได ขึ้นไปอีก 2 ช่วง ขึ้นไปแล้วมองลงมา ได้อีกมุมมอง ที่สุดประทับใจและแล้วก็เดินมาถึงด้านหน้าพระปฐมเจดีย์ สรุปว่าที่เราจอดรถนั้น เป็นด้านหลังของวัด กว่าจะมาถึงตรงนี้ได้ บอกตามตรงว่าเหนื่อยมาก แต่ถามว่าคุ้มไหม บอกเลยว่ามาก ในระหว่างการเดินรอบ ๆ วัดนั้นทำให้เราได้ชมบรรยากาศรอบ ๆ ซึ่งล้วนแล้วแต่มีความสวยงามทั้งสิ้นก็ผ่านพ้นไปกับการแวะเที่ยวอย่างไม่ได้ตั้งใจ สรุปโดยรวมแล้ว สวยงามสมคำร่ำลือจริง ๆ เคยได้ยินแต่คนเขาพูดถึงกัน วันนี้คงเป็นวาสนาที่ทำให้ได้มาตรงนี้ ก็รู้สึกอิ่มใจเป็นอย่างมาก ใครที่กำลังมองหาที่เที่ยวแนวนี้ก็แนะนำเลย คุณจะไม่ผิดหวัง ได้ทำบุญ ได้เดินชมความงาม เหมือนหลุดไปอยู่อีกโลกกับที่เราเคยอยู่ปัจจุบัน สุดท้ายอยากบอกว่า ข้าวหลามที่วางขายบริเวณรอบวัดนั้น อร่อยมาก ใครมาก็อย่าลืมแวะชิมกันดู รับรองยิ้มไม่หุบแน่นอน สำหรับวันนี้ก็ได้เวลาที่จะต้องลาแล้ว ไว้ติดตามกันใหม่ คราวหน้าจะพาไปดูที่ไหน โปรดติดตาม สวัสดี เครดิตภาพทั้งหมด : จุง ชาวไร่