ในการทดสอบการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน ที่ถูกจัดสอบขึ้นโดยสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ หรือ สทศ. ที่เราเรียกกันว่า o-net ปีการศึกษา 2564 วันที่ 12 – 13 กุมภาพันธ์ 2565 ผมได้รับคำสั่งแต่งตั้งให้เป็นคณะกรรมการผู้แทนศูนย์สอบมีหน้าที่นำข้อสอบของสำนักทดสอบทางการศึกษา ไปสอเพื่อวัดความรู้ของนักเรียน ณ โรงเรียนวัดยั้งเมิน อำเภอสะเมิง จังหวัดเชียงใหม่ ด้วยระยะทางที่ห่างไกล ผมจึงออกเดินทางตั้งแต่เช้า พร้อมนำข้อสอบ ขึ้นไปกับรถของรองผู้อำนวยการโรงเรียนที่อยู่ติดกัน เราไปกันเป็นหมู่คณะแล้วแยกย้ายกันตามโรงเรียน เพื่อปฏิบัติหน้าที่ บรรยากาศตอนขึ้นรถก็ไม่มีอะไรมากครับ ทิวทัศน์ก็ไม่ค่อยได้เห็น ขึ้นไปตามเส้นทางอำเภอสะเมิง จังหวัดเชียงใหม่ จนผมไปถึงโรงเรียนวัดยั้งเมิน ผมสัมผัสได้ถึงความหนาวเย็นที่แทรกซึมผ่านเข้ามาในตัวถังรถ เพื่อมาสัมผัสผิวหนังของผม ผสมผสานกับความเย็นจากเครื่องปรับอากาศรถยนต์จนทำให้ผมรู้สึกหนาว ทันทีที่ถึงที่หมาย ผมเปิดประตูลดลงจากรถ ก็มีลมพัดโชยมากระทบที่ใบหน้าและร่างกายของผมเข้าอย่างจัง เช้าที่สะเมิงในวันนั้น อากาศหนาวกว่าที่ผมคิด บรรยากาศในการสอบก็เป็นไปอย่างปกติ และปราศจากปัญหาใดๆ ทุกคนรู้หน้าที่และปฏิบัติหน้าที่ของตัวเองได้อย่างไม่บกพร่อง จนถึงช่วงเวลาเย็นของวันสอบวันที่ 1 ความหนาวเย็นเริ่มแผ่คลุม แม้แสงของพระอาทิตย์ยังคงสาดส่อง เพื่อแสดงให้เรารับรู้ว่ามันเป็นช่วงเวลากลางวัน เวลา 17.00 น. ผมรีบอาบน้ำในห้องน้ำบ้านพักครู ที่โรงเรียนได้จัดไว้ให้ โดยที่ไม่รู้เลยว่าคณะครูได้เตรียมการที่จะพาผมขึ้นไปเที่ยว จุดที่ได้ไปก็คือหลังคาสะเมิงครับ หรือที่เรียกกันว่า “ม่อนอังเกตุ” ใช้เวลาเดินทางจากโรงเรียนขึ้นไปอีกประมาณ 45 นาที ทางที่ขึ้นไปนั้นเป็นดินลูกรัง สลับกับถนนคอนกรีต ผ่านหมู่บ้านไปเรื่อยๆ ตามเนินเขาเตี้ยๆ และเริ่มสูงขึ้น...สูงขึ้น จนไปถึงจุดที่เป็นเส้นทางที่ต้องเชื่อมต่อ เพื่อขึ้นไปยังหลังคาสะเมิงที่เป็นเป้าหมาย ทางเริ่มชัน ภูเขาสูงขึ้น ลักษณะทางเป็นทางลูกรังไต่ขึ้นไปตามเขาที่สูงชัน พร้อมกับรอยแยกที่เกิดจากน้ำเซาะ ในช่วงฤดูฝน คณะครูที่เดินทางไปด้วย ทั้งหมดรวมผมแล้วจำนวน 8 คน ใช้รถจำนวน 2 คัน พระอาทิตย์ใกล้จะลับขอบฟ้าบรรยากาศข้างทางตามไหล่เขา ไม่ใช่บรรยากาศตอนกลางวันแล้ว สุดท้ายรถยนต์ทั้ง 2 คัน ก็ขับไปถึงยอดดอยม่อนอังเกตุ สิ่งที่ผมสัมผัสได้คือความงดงาม คำว่า หลังคาสะเมิงนั้น ก็หมายถึง จุดชมวิวแบบ 360 องศา ที่สามารถมองเห็นหมู่บ้านชาวเขาเผ่าลีซอ และเผ่ากะเหรี่ยง ไปถึงฝั่งอำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน อำเภอแม่แจ่ม อำเภอแม่แตง ห้วยจ้อ ห้วยน้ำดัง ดอยหลวงเชียงดาว และดอยอินทนนท์ จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีศาลเจ้าแม่อังเกตุที่เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คอยปกปักรักษาที่แห่งนั้น พระอาทิตย์ยังคงส่องแสงให้เราเห็นเป็นแสงสลัวๆ จนแทบจะเป็นแสงสุดท้ายแล้ว เงาที่ตกกระทบวัตถุต่างๆ พร้อมกับลมที่พัดอย่างแรง เอาความเหน็บหนาวมากระทบกับใบหน้าและร่างกาย จนทำให้ทุกอณูของเส้นขนลุกชูชัน แต่ก็เป็นอากาศที่บริสุทธิ์เหลือเกิน ผมสูดเข้าไปอย่างเต็มปอดสุดขั้ว คณะครูที่ไปด้วยกัน มีจำนวน 3 คนใน 8 คนนั้นที่ไม่เคยขึ้นไปที่ม่อนอังเกตุ ส่วน 5 คนที่เคยขึ้นไปแล้วนั้น ก็ยังอิ่มเอมความสุขพร้อมกับความตื่นเต้น และความประทับใจที่ลืมไม่ลง ของการได้เสพสิ่งที่เรียกว่าความงามในธรรมชาติ คุณอาจจะเคยเห็นภาพของหลังคาสะเมิงในช่วงเวลาเช้าหรือกลางวัน จากที่อื่นมาแล้วบ้าง แต่วันนี้คุณจะได้เห็นบรรยากาศในช่วงพลบค่ำ อาจจะมีบ้างบางส่วนครับที่เป็นจุดที่ผมเรียกว่า มุมที่ไม่น่ามองเท่าไหร่ ก็คือผมมองเห็นเปลวไฟ ลอยละล่องด้วยควันเพลิงจากการเผาป่า แต่นั่นก็อยู่ห่างไกลจนกลิ่นของควันไฟนั้นมาไม่ถึงบนยอดเขาม่อนอังเกตุหากมีโอกาสผมขอให้ผู้ที่อ่านได้ไปสัมผัสกับบรรยากาศที่ผมเคยสัมผัสแล้วคุณจะรู้ว่ามันต่อชีวิตของเราให้ยาวนานได้จริงๆต้นซาง17 มกราคม 2566ภาพปกและภาพประกอบ : ต้นซาง (ผู้เขียน)🗺 แชร์ที่เที่ยวใหม่ๆ ไม่ว่าจะเที่ยวสายไหนก็มาแวะแชร์กับทรูไอดีคอมมูนิตี้ “ท่องเที่ยว”