พระนครศรีอยุธยา ดินแดนแห่งเมืองกรุงเก่าทางประวัติศาสตร์ของชาติไทยที่มีอายุเก่าแก่และเป็นราชธานีมาถึง 417 ปี ซึ่งมีพระมหากษัตริย์ปกครองมากถึง 33 พระองค์ ประกอบด้วยราชวงศ์ทั้งหมด 5 ราชวงศ์ คือ ราชวงศ์อู่ทอง ราชวงศ์สุพรรณภูมิ ราชวงศ์สุโขทัย ราชวงศ์ปราสาททอง และราชวงศ์บ้านพลูหลวง ด้วยประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน ทำให้พระนครศรีอยุธยามากมายด้วยวัดวาอารามและโบราณสถานที่มีความสำคัญอันทรงคุณค่า เป็นทั้งสถานที่ท่องเที่ยวและแหล่งเรียนรู้ในคราวเดียวกัน ขอนำเสนอ 2 วัดที่มีความสำคัญ ตั้งอยู่บนถนนนเรศวร ตำบลท่าวาสุกรี อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา วัดแรกคือ มนต์เสน่ห์ มนต์เสน่ห์ ”วัดราชบูรณะ” ตามรอยละคร วัดที่สอง ย้อนความงาม ”วัดมหาธาตุ” การเดินทาง จากกรุงเทพมหานครใช้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 347 เส้นทางเทคโนปทุมธานี - เจ้าปลุก เมื่อถึงแยกวรเชษฐ์ เลือกใช้ทางหลวงแผ่นหมายเลข 3263 เส้นทางอยุธยา - สาลี ระยะทางเพียง 80 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงเศษ ๆ เท่านั้น ”วัดราชบูรณะ” ซึ่งสร้างขึ้นในรัชสมัยของพระเจ้าสามพระยา หรือสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 พระมหากษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยา แห่งราชวงศ์สุพรรณภูมิ วัดแห่งนี้แค่เพียงทางเข้าก็พบกับความงดงาม น่าอัศจรรย์ใจยิ่งนัก เหมือนห้องท้องพระโลงที่มีขนาดกว้างใหญ่ แม้ประวัติศาสตร์จะลงเหลือแค่บางส่วน แต่นั้นก็เป็นเครื่องแสดงให้กับคนรุ่นหลังอย่างพวกเราทราบกันว่า ที่นี่ยิ่งใหญ่ และมีมนต์เสน่ห์ที่สวยงามมากเพียงใด ทำให้ “วัดราชบูรณะ” เป็นสถานที่ถ่ายทำละครที่มีชื่อเสียงหลายต่อหลายเรื่อง เช่น บุพเพสันนิวาส พิษสวาท และอีกมากมาย การได้มาเที่ยว “วัดราชบูรณะ” เสมือนกับการมาตามรอยละครไปด้วย เมื่อมองทอดยาวเข้าไปภายในวัด จะมองเห็นจุดกึ่งกลาง ยิ่งสร้างมนต์เสน่ห์แห่งแรงดึงดูด นั่นคือ พระปรางค์ประธาน ที่ประดิษฐาน ลักษณะคล้ายหรือมีความใกล้เคียงกับฟักของข้าวโพด ส่วนของยอดจะค่อนข้างแหลมและเรียว และมีหน้ามุขทั้ง 4 ด้าน ที่ “วัดราชบูรณะ” แห่งนี้ยังมีชื่อเสียงเด่นเรื่องกรุสมบัติใต้พระปรางค์ประธาน เนื่องจากเป็นสมบัติของประเทศชาติ สมบัติของแผ่นดิน บุคคลที่คิดจะครอบครองย่อมมีเหตุการณ์ร้าย ๆ เกิดขึ้นกับบุคคลที่คิดไม่ซื่อต่อสมบัติของชาติ “วัดมหาธาตุ” ตั้งอยู่ทางด้านทิศเหนือของ “วัดราชบูรณะ” สันนิษฐานว่าสร้างและต่อเติมให้แล้วเสร็จในรัชสมัยของสมเด็จพระราชเมศวร พระมหากษัตริย์ของกรุงศรีอยุธยา แห่งราชวงศ์อู่ทอง บริเวณภายใน “วัดมหาธาตุ” ที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ หากย้อนเวลากลับไปที่วัดแห่งนี้ ถ้าทุกอย่างยังคงอยู่ในสภาพเดิม จะมีความสวยเด่นมาก แต่ทว่าเมื่อประวัติศาสตร์ได้ถูกกำหนดไว้แล้วและวันเวลาก็ไม่อาจหวนกลับมาได้ แต่สิ่งที่หลงเหลือไว้ให้คนรุ่นหลัง ได้ชื่นชมความงดงามและมหัศจรรย์ สร้างความตื่นตาตื่นใจให้แก่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศ นั่นคือ เศียรของพระพุทธรูปศิลปะสมัยอยุธยาที่มีอายุมากกว่าร้อยปีอยู่ในรากของต้นโพธิ์ สันนิษฐานว่า ครั้นในสมัยเสียกรุงครั้งที่ 2 เศียรของพระพุทธรูปอาจจะหล่นลงมาอยู่บริเวณโคนของต้นโพธิ์ ต่อมาเมื่อต้นโพธิ์มีขนาดใหญ่โตขึ้นรากแพร่กิ่งก้านสาขาทำให้ขึ้นปกคลุมเศียรพระพุทธรูป ทำให้ได้เห็นถึงความงดงามอย่างเฉกเช่นดังทุกวันนี้ บริเวณจุดนี้มีข้อห้ามที่เป็นจุดเคร่งครัดนั่นคือ การถ่ายรูปทุกครั้ง ต้องนั่ง ห้ามยืนถ่ายเป็นอันขาด ภายใน”วัดมหาธาตุ” มีพระปรางค์ประธานที่ในสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุมาบรรจุที่ใต้ฐานพระปรางค์ประธานของวัดมหาธาตุ มาเที่ยวอยุธยา 2 วัดที่สำคัญ ๆ ต้องแวะเพราะ มนต์เสน่ห์”วัดราชบูรณะ”ตามรอยละคร ย้อนความงาม”วัดมหาธาตุ” มิเช่นนั้นอาจจะมาได้ถึงเมืองกรุงเก่าแห่งนี้ คุณค่าของโบราณสถานทางประวัติศาสตร์ที่ทรงคุณค่าและมากมายด้วยประวัติความเป็นมา มาที่นี่จะรู้สึกรักพื้นแผ่นดินเกิด รักบรรพบุรุษที่ยอมสละเลือดเนื้อและชีวิตเพื่อปกป้องพื้นแผ่นดินไทยไว้ให้ลูกหลาน เครดิตภาพทั้งหมด “ภาพถ่ายโดยผู้เขียน”