รีเซต

ภัยพิบัติ 10 ประการแห่งอียิปต์ โรคระบาดยุคโบราณ ที่มีบันทึกในคัมภีร์ไบเบิล

ภัยพิบัติ 10 ประการแห่งอียิปต์ โรคระบาดยุคโบราณ ที่มีบันทึกในคัมภีร์ไบเบิล
แมวหง่าว
1 ตุลาคม 2564 ( 16:23 )
41.2K
4

     มนุษย์โลกนั้นเคยเผชิญกับภัยพิบัติต่างๆ ทั้งที่อันตรายระดับเล็กน้อย ไปจนถึงความร้ายแรงระดับกวาดล้างสิ่งมีชีวิตให้สูญพันธุ์ไปทั้งหมดได้ สำหรับภัยพิบัติครั้งที่ร้ายแรงมากๆ และเก่าแก่ที่สุดนั้น แม้จะไม่ได้มีบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรอยู่ในจดหมายเหตุใดก็ตาม แต่ก็มีอยู่ในพระคัมภีร์ไบเบิลครับ นั่นคือ “ภัยพิบัติ 10 ประการแห่งอียิปต์” (Plagues of Egypt) ที่หลายคนน่าจะพอเคยผ่านๆ ตามาบ้างตามสื่อภาพยนตร์ หรือการ์ตูนทั้งหลาย วันนี้เราลองไปทำความรู้จักเหตุการณ์นี้ให้มากขึ้นกันดีกว่า

 

*ภัยพิบัติทั้ง 10 นี้ ปรากฏอยู่ในพระคัมภีร์ไบเบิลภาคพันธสัญญาเดิม บทอพยพ 7:14 (Exodus 7:19) ถึงบท 12:36 (Exodus 12:36)*

 

จุดเริ่มต้นของภัยพิบัติ 10 ประการในพระคัมภีร์ไบเบิล

 

     เหตุการณ์นั้นเริ่มจากการที่โมเสสรับบัญชาจากพระเจ้า ในการเข้าเฝ้าองค์ฟาโรห์เพื่อทูลขอให้ทรงปลดปล่อยทาสชาวอิสราเอลให้เป็นอิสระ เพื่อจะได้เดินทางไปสู่ดินแดนแห่งพันธสัญญา หรือคานาอันนั่นเอง แต่องค์ฟาโรห์ก็เพิกเฉย และละเลยคำขอของโมเสสพระเจ้าจึงทรงมอบภัยพิบัติต่างๆ สู่แผ่นดินอียิปต์ทีละอย่างจนกว่าพระองค์จะยอม ซึ่งสุดท้ายฟาโรห์ก็ยอมปล่อยทาสให้เป็นอิสระในครั้งที่ 10 ซึ่งเป็นภัยพิบัติสุดท้ายนั่นเอง

 

ภัยพิบัติทั้ง 10 ประการมีอะไรบ้าง ?

 

     เมื่อฟาโรห์ละเลยต่อคำเตือนของโมเสส พระเจ้าจึงทรงมอบภัยพิบัติต่างๆ สู่แผ่นดินอียิปต์ โดยเมื่อแต่ละครั้งจบลง โมเสสก็จะเข้าเฝ้าองค์ฟาโรห์เพื่อขอให้ยอมปล่อยชาวอิสราเอลทุกครั้ง เรียงตามลำดับดังนี้

 

1. ภัยพิบัติจากโลหิต (Water turned to blood)

 

Public Domain

 

     ภัยพิบัติแรกคือปรากฏการณ์ที่แม่น้ำไนล์กลายเป็นสีเลือด ปลาในแม่น้ำลอยขึ้นมาตายจนหมด น้ำนั้นก็ไม่สามารถใช้ดื่มกินได้เลย อย่างที่เรารู้กันว่าแม่น้ำไนล์นั้นเป็นเหมือนเส้นเลือดหลักของชาวไอยคุปต์เลยก็ว่าได้ การเพาะปลูก การก่อสร้าง ทุกอย่างต้องใช้น้ำจากแม่น้ำนี้ทั้งสิ้น เรียกได้ว่าเมืองทั้งเมืองแทบจะเป็นอัมพาตไปในทันที

 

2. ภัยพิบัติจากกบ (Plague of frogs)

 

By Wellcome Images, CC BY 4.0

 

     หลังภัยพิบัติแรกผ่านไป 7 วัน องค์ฟาโรห์ยังไม่ยอมแพ้ พระเจ้าจึงบันดาลภัยต่อมา พาฝูงกบขึ้นมาจากแม่น้ำไนล์จนหนาแน่นทั่วแผ่นดิน และเข้าไปถึงในทุกพื้นที่ ตั้งแต่บ้านเรือนถึงพระราชวัง เกิดความเดือดร้อนกันไปทั่ว

 

3. ภัยพิบัติจากริ้น (Plague of lice or gnats)

 

     ภัยพิบัติที่สามนี้ แม้จะฟังดูเล็กๆ แต่ถ้าพวกแมลงตัวเล็กเท่าฝุ่นเหล่านี้ออกมาเป็นจำนวนมาก ผู้คนก็ถึงขั้นหลับไม่ลงกันเลยทีเดียว เพราะไรฝุ่นนั้นนอกจากจะทำให้เกิดอาการภูมิแพ้แล้ว ยังก่อให้เกิดโรคผิวหนังด้วย

 

4. ภัยพิบัติจากเหลือบ (Plague of flies)

 

Public Domain

 

     เหลือบนั้นเป็นแมลงดูดเลือดชนิดหนึ่ง ตัวเท่าแมลงวัน และที่สำคัญยังกัดเจ็บกว่ายุงมาก และเป็นพาหะนำโรคมาสู่สัตว์ และมนุษย์อีกด้วย

 

5. ภัยพิบัติที่เกิดกับฝูงสัตว์ (Plague of livestock)

 

Public Domain

 

     ต่อมาก็คือโรคระบาดร้ายแรงที่เกิดขึ้นกับฝูงสัตว์ในดินแดนอียิปต์ ไม่ว่าจะเป็นม้า ลา อุฐ แพะ วัว แกะ ฯลฯ พากันตายจนหมดสิ้น

 

6. ภัยพิบัติจากฝี (Plague of boils)

 

     ภัยพิบัติที่ 6 นี้ที่ใกล้เคียงกับโรคระบาดที่มนุษย์โลกในยุคต่อมาต้องเผชิญ แต่อาศัยเวลานานมากกว่าจะมีการผลิตวัคซีนขึ้นมาได้สำเร็จ นั่นคือโรคฝีนั่นเอง สมัยก่อนที่การแพทย์ยังไม่ดีเท่าปัจจุบัน โรคฝีนี้ใครเป็นแล้วมีอัตราเสียชีวิตสูงมากหากเป็นฝีลามจนแตกไปทั้งตัว

 

7. ภัยพิบัติจากลูกเห็บ (Plague of hail)

 

Public Domain

 

     ลูกเห็บจากฟากฟ้าที่ตกลงมาอย่างหนาแน่น ปกคลุมทั่วน่านฟ้าอียิปต์จนมืดฟ้ามัวดิน ทำลายพืชผลเสียหายจนหมด

 

8. ภัยพิบัติจากฝูงตั๊กแตน (Plague of locust)

 

Public Domain

 

     ถ้าหากลูกเห็บยังทำลายพืชผลไม่หมด ฝูงตั๊กแตนก็จะลงมาช่วยซ้ำเอง ซึ่งฝูงตั๊กแตนนี้เป็นที่รู้กันดีว่าถ้ามันมาเมื่อไหร่ให้ทำใจได้เลย เพราะมันบินมากันทีเป็นล้านตัว ดูเหมือนเมฆหมอกกลุ่มใหญ่ เคลื่อนที่ได้วันละ 150 กิโลเมตรต่อวัน เป็นอีกหนึ่งภัยร้ายแรงที่ยังคงอยู่จนถึงปัจจุบัน

 

9. ภัยพิบัติจากความมืด (Plague of darkness)

 

Public Domain

 

     พระเจ้าทรงบันดาลให้ท้องฟ้าเหนือแผ่นดินอียิปต์ตกอยู่ในความมืดมิดไป 3 วัน ชาวเมืองออกไปไหน ทำอะไรแทบไม่ได้เลย กิจกรรมทุกอย่างต้องหยุดลงทั้งหมด

 

10. มรณกรรมของบุตรหัวปี (Plague of the firstborn)

 

Public Domain

 

     และภัยพิบัติสุดท้ายก็คือ การพรากชีวิตของบุตรคนโตของชาวอียิปต์ทุกคนไปจนหมดแผ่นดิน ซึ่งนั่นก็รมถึงพระโอรสของฟาโรห์ด้วย พระองค์ถึงทรงยอมปล่อยทาสชาวอิสราเอลให้เป็นอิสระไป

 

 

ภัยพิบัติแห่งอียิปต์เหล่านี้ มีโอกาสเกิดขึ้นจริงแค่ไหน ?

 

     แม้จะเป็นการบันทึกในไบเบิล และเอกสารโบราณของอียิปต์เองจะไม่มีเขียนถึงเหตุการณ์อะไรในช่วงนี้เลย แต่ก็มีนักวิชาการได้มองเห็นความเชื่อมโยงของแต่ละภัยพิบัติที่พอจะเกี่ยวข้องกันได้ เช่น หากมีฝนตกอย่างหนักขึ้นที่เอธิโอเปีย ซึ่งเป็นต้นสายของแม่น้ำไนล์ ก็จะมีตะกอนดินสีแดงถูกพัดมาด้วย จนมาถึงอียิปต์แม่น้ำก็จะเต็มไปด้วยโคลนแดงเหมือนสีเลือด ปลาก็อยู่ไม่ได้จนลอยขึ้นมาตาย และไหลไปอยู่ในบริเวณถิ่นอาศัยของกบ กบก็ต้องหนีขึ้นบกเพื่อหาที่อยู่ใหม่ โรคติดต่อจากกบก็ตามมาด้วยพร้อมกับนำพาเอาฝูงริ้น และเหลือบตามมา สัตว์เลี้ยงต่างๆ ในพื้นที่ก็ติดโรคจนล้มตายลง ในที่สุดคนก็ป่วยตาม และเป็นโรคฝีหนอง ตามลำดับ

 

     ส่วนภัยพิบัติที่ไม่พบว่ามีความเชื่อมโยงกับภัยอื่นๆ เช่น พายุลูกเห็บที่ในแถบอียิปต์นั้นก็เกิดขึ้นได้จริง ฝูงตั๊กแตนก็เป็นอะไรที่เกิดขึ้นได้เป็นปกติเช่นกัน

 

     ดังนั้น เหตุการณ์ที่ยังหาคำตอบไม่ได้ ก็คือ ความมืดที่ปกคลุม 3 วัน และ การสังหารบุตรชายหัวปีทุกคน นั่นเองครับ แต่ก็มีนักวิชาการบางส่วนเสนอว่า นี่คือการสื่อถึงว่า พระเจ้าไม่เพียงแค่ลงโทษชาวอียิปต์เท่านั้น แต่ยังลงโทษไปถึงพระเจ้าของชาวอียิปต์ด้วย อย่างการเอาความมืดมาสู่แผ่นดินนี้เป็นการหยามถึงสุริยเทพที่เป็นเทพผูัยิ่งใหญ่ของชาวไอยคุปต์ตรงๆ ไม่ว่าจะอมุน-รา (Amun-Ra) อเตน (Aten) หรืออตุม (Atum) ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นเทพแห่งแสงที่ได้รับการสักการะกันไปในแต่ละยุคสมัยของอียิปต์

 

     ส่วนการสังหารบุตรชายหัวปี ก็เป็นการสื่อถึงเทพโอซิริส ซึ่งเป็นเทพของโลกหลังความตาย และเทพผู้อุปถัมภ์ฟาโรห์เมื่อเดินทางสู่โลกหน้านั่นเอง เป็นการแสดงให้เห็นว่า แม้โอซิริสก็ไม่อาจหยุดยั้งการลงโทษของพระเจ้าได้

 

     ทั้งหมดนี้ก็ยังเป็นเพียงข้อสันนิษฐานของเหล่านักวิชาการ ที่ก็ยังคงหาคำตอบกันอยู่จนถึงทุกวันนี้เหมือนกัน จนกว่าเราจะพบหลักฐานอื่นใดนอกเหนือจากนี้ ก็อาจจะไขปริศนาในคัมภีร์ไบเบิลได้มากกว่าเดิมครับ

===============