รีเซต

8 สถานที่ที่มีเทพประจำเมือง เทพคู่บ้านคู่เมือง สุดขลัง สิ่งศักดิ์สิทธิ์ รอบโลก

8 สถานที่ที่มีเทพประจำเมือง เทพคู่บ้านคู่เมือง สุดขลัง สิ่งศักดิ์สิทธิ์ รอบโลก
Muzika
6 สิงหาคม 2564 ( 17:32 )
4.7K

     ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนๆ อารยธรรมใดๆ บนโลกนี้ล้วนแล้วแต่มีความเชื่อโบราณในแบบของตนเองทั้งสิ้น ในยุคที่เรายังไม่สามารถอธิบายปรากฏการณ์ทางธรรมชาติได้มนุษย์นั้นต่างก็แสวงหาที่พึ่งพิงทางใจ โดยเฉพาะสิ่งที่ยิ่งใหญ่อย่าง เทพเจ้า ก็ถูกหยิบยกมาเป็นส่วนหนึ่งของเมือง เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้ชาวเมืองในหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะด้านเกษตรกรรม ด้านสงคราม หรือเพื่อเป็นผู้ป้องกันเมือง ฯลฯ และต่อไปนี้เราจะแนะนำให้รู้จักกับ เมืองโบราณจากอารยธรรมต่างๆ ที่สร้างขึ้นโดยมี เทพประจำเมือง เทพคู่บ้านคู่เมือง สิ่งศักดิ์สิทธิ์ เป็นผู้อำนวยพรจากรอบโลก

 

 

สถานที่ที่มีเทพประจำเมือง สุดขลัง
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ รอบโลก

 

1. บาบิโลน (Babylon) หรือ บาบิโลเนีย

เทพมาร์ดุค

อาณาจักรยิ่งใหญ่แห่งยุคเมโสโปเตเมีย

 

 

     ปัจจุบันที่ตั้งของอาณาจักรบาบิโลนอยู่ในประเทศ อิรัก โดยชาวบาบีโลเนียนนับถือ เทพมาร์ดุค (Marduk) เป็นเทพสูงสุด ผู้ทรงควบคุมการเคลื่อนที่ของดาวทุกดวงในท้องฟ้า เป็นเทพผู้ปกป้องเมือง และเป็นเทพแห่งน้ำ พืชพันธุ์ การพิพากษา และเวทมนตร์ด้วย อาณาจักรบาบิโลนเจริญรุ่งเรืองถึงขีดสุดในสมัยของ พระเจ้าฮัมมูราบี (Hammurabi) (1,792-1,750 ปีก่อนคริสตกาล) ผู้เป็นกษัตริย์องค์แรกแห่งจักรวรรดิบาบิโลน จากนั้นก็เจริญรุ่งเรืองต่อมาอีกยาวนาน จนกระทั่งถึงกาลล่มสลายไปในช่วง 556-539 ปีก่อนคริสตกาล โดยถูกยึดครองเข้าเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรเปอร์เซีย (Persia)

เทพมาร์ดุค เมโสโปเตเมีย

รูปเคารพเทพมาร์ดุกประทับบนมังกรมุชคุชชู จากจารึกทรงกระบอกสมัยศตวรรษที่ 9 ก่อนคริสตกาล

 

     ตำนานการถือกำเนิดของบาบิโลเนียกล่าวว่า มาร์ดุกซึ่งเป็นเทพที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่เทพ ได้ทำสงครามกับเทพยุคแรกเริ่ม นามว่า ติอามัต เป็นเวลา 12 วันจึงปราบติอามัตลงได้ จากนั้นมาร์ดุกทรงสร้างสวรรค์ และโลกจากร่างติอามัต และปรึกษากับเทพอีอาก่อนจะสร้างมนุษย์คนแรกชื่อ ลัลลู จากชิ้นส่วนเทพที่สนับสนุนติอามัตเพื่อให้เป็นบริวาร

 

====================

 

2. เยรูซาเลม (Jerusalem)

เมืองศักดิ์สิทธิ์ 3 ศาสนา

 

 

     เยรูซาเลม 1 ในเมืองศักดิ์สิทธิ์ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก มีการกล่าวถึงเมืองเยรูซาเลมในแผ่นศิลาจารึกของเมโสโปเตเมีย ในชื่อ “อูรูซาลิมา” หมายว่า “นครแห่งชาลิม” ซึ่งเป็นนามของพระเจ้าในแผ่นดินคานาอัน เมื่อราว 2,400 ปีก่อนคริสตกาล ตามบันทึกประวัติศาสตร์แล้ว ที่นี่ถูกทำลายไปอย่างน้อย 2 ครั้ง ถูกปิดล้อม 23 ครั้ง ถูกโจมตี 52 ครั้ง ถูกยึดและเอาคืนถึง 44 ครั้ง สาเหตุที่เมืองนี้ถูกเปลี่ยนมือผู้ครอบครองมาหลายครั้งหลายครา ก็เพราะเป็นที่ตั้งของสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของทั้ง 3 ศาสนา ได้แก่

 

 

    • มัสยิดอัลอักซอ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของชาวมุสลิม โดยสร้างขึ้นครอบ หินศักดิ์สิทธิ์ หรือ หินลอย ที่ท่านศาสดานบีมุฮัมมัด เดินทางขึ้นสู่ฟากฟ้านั่นเอง
    • Wailing Wall หรือ กำแพงร้องไห้ เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของศาสนายูดาห์ โดยเป็นส่วนที่หลงเหลือของวิหารศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกทำลายลงไป
    • Church of the Holy Sepulchre หรือ โบสถ์พระคูหาศักดิ์สิทธิ์ เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาคริสต์ เพราะเป็นสถานที่ตรึงกางเขนพระเยซู เป็นสถานที่ฝังพระศพของพระเยซู และเป็นที่ที่พระองค์ฟื้นคืนพระชนม์ด้วยนั่นเอง

 

====================

 

3. ธีบส์ (Thebes)

เทพอะมุนรา

เมืองหลวงโบราณของชาวอียิปต์ตอนบน

 

 

     ธีบส์ ครอบคลุมพื้นที่ทั้งฝั่งตะวันออกของแม่น้ำไนล์ ปัจจุบันซากปรักหักพังของเมืองนี้อยู่ในเมือง ลักซอร์ ประเทศอียิปต์ เป็นศูนย์กลางการบูชาเทพ เทพอะมุนรา (Amon-Re) และเป็นเมืองที่มีความมั่งคั่งมากในช่วง 1,539 - 1,075 ปีก่อนค.ศ. ซึ่งเป็นที่ตั้งของมหาวิหารที่ยิ่งใหญ่ที่สุด และสวยงามที่สุดในอียิปต์ นั่นคือ วิหารคาร์นัค (Karnak) นั่นเอง

 

เทพเจ้า อะมอนรา หรือสุริยเทพที่เป็นบิดาแห่งมวลมนุษย์

 

     วิหารคาร์นัค สร้างขึ้นเพื่อถวายแด่เทพเจ้า อะมอนรา หรือสุริยเทพที่เป็นบิดาแห่งมวลมนุษย์ และสรรพสิ่งทั้งหลาย รวมถึงความเชื่อที่ว่า ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ในชัยชนะเหนือศัตรูทั้งหลายของเหล่าฟาโรห์นั้น มาจากเทพเจ้าอะมอนราทั้งสิ้น ทำให้ที่นี่มีความสำคัญมากมายต่ออาณาจักรนี้ รวมถึงได้รับการยกย่องจากชาวกรีกว่ามีความยิ่งใหญ่เทียบเท่าเทพซุส (Zeus) ด้วย

 

====================

 

4. พัลไมรา (Palmyra)

เทพบาอัล

เมืองมรดกโลกแห่งซีเรีย

 

 

     พัลไมรา เป็นเมืองที่สร้างขึ้นช่วงสหัสวรรษที่ 3 ก่อนคริสตกาล โดยมีส่วนของวัดที่ใช้เพื่อบูชา เทพบาอัล (Baal) หรือ เบล (Bel) เทพแห่งอาณาจักรเมโสโปเตเมีย โดยเป็นโบราณสถานใหญ่ที่ประกอบด้วยเสากว่า 1,000 ต้น สุสาน 500 แห่ง รวมไปถึงเสาโรมันโบราณอีกมากมายด้วย น่าเสียดายที่ในปี 2015 กลุ่มไอเอสก็เข้าทำลายที่นี่จนราบเป็นหน้ากลอง โดยมองว่าศิลปวัฒนธรรม และรูปเคารพบูชาทุกอย่างที่เกิดก่อนศาสนาอิสลามเป็นสิ่งที่ต้องทำลายทิ้ง ปัจจุบันมีทีมผู้เชี่ยวชาญ และนักโบราณคดีชาวซีเรียกำลังบูรณะวัตถุโบราณที่เสียหาย

 

     บาอัล เป็นเทพแห่งฟ้า และพายุ ที่มีผู้นับถือในคานาอัน และอียิปต์ระหว่างยุคราชอาณาจักรใหม่ ตามตำนาน บาอัลเข้าต่อสู้ และชนะศึกที่เกิดในหมู่เทพจนได้ครอบครองท้องทุ่งกว้าง ชาวเมืองจึงนิยมบูชาบาอัลในแง่ของเทพแห่งการเจริญพันธุ์ และการเพาะปลูกด้วย

====================

 

5. นครกาศี หรือพาราณสี (Varanasi)

พระศิวะ

นครแห่งเทพเจ้าฮินดู

 

 

     นครกาศี เป็นชื่อดั้งเดิมของพาราณสี หนึ่งในเมืองเก่าแก่ที่สุดของโลกที่ยังมีผู้คนอยู่อาศัยอยู่ ก่อตั้งมาอย่างยาวนานประมาณ 1,800 ปีก่อนคริสตกาล เชื่อว่าที่นี่เป็นเมืองของ พระศิวะ 1 ใน 3 เทพเจ้าสูงสุดตามความเชื่อในศาสนาฮินดู

 

 

     ตามตำนานว่า หลังจากอภิเษกสมรสกับพระแม่อุมาเทวีแล้ว พระศิวะ และพระแม่อุมาเทวีได้เลือกที่จะมาครองคู่ที่นครกาศี นครที่มีแม่น้ำคงคาไหลผ่าน พาราณสีจึงเป็นเมืองของพระศิวะ และเป็นเมืองแห่งแม่น้ำคงคาอันศักดิ์สิทธิ์ด้วย ชาวฮินดูจึงพากันเดินทางมายังที่นี่อย่างน้อยซักครั้งในชีวิต เพื่อมาอาบน้ำคงคาเพื่อชำระบาป ทำพิธีบูชาเทพเจ้า ขอพร และสุดท้ายคือมาตายที่แม่น้ำแห่งนี้ เพื่อเป็นการเดินทางสู่สรวงสวรรค์นั่นเอง

====================

 

6. เอเธนส์ (Athens)

เทพี อะธีนา

ศูนย์กลางนครรัฐแห่งกรีกโบราณ

 

 

     หนึ่งในเมืองที่เรียกได้ว่าเป็นต้นแบบของอารยธรรมในโลกตะวันตกเลยก็ไม่ผิด ก่อตั้งเมื่อ 508 - 322 ปีก่อนค.ศ. และยังคงมีคนอาศัยอยู่จนถึงปัจจุบัน! แต่ก่อนเอเธนส์ขึ้นสู่จุดสูงสุดของอำนาจ และเป็นนครรัฐที่มีอิทธิพลอย่างมากในยุคนั้น อีกทั้งยังเป็นศูนย์กลางของศิลปะ การเรียนรู้ และปรัชญา เป็นแหล่งบ่มเพาะนักคิดชื่อดังในยุคโบราณ ทั้งโซคราตีส เพลโต และอริสโตเติล

 

 

     เอเธนส์ ตั้งชื่อตามเทพี อะธีนา (Athena) เทพเจ้าพรหมจรรย์แห่งปัญญา ความกล้า แรงบันดาลใจ อารยธรรม กฎหมายและความยุติธรรม การสงครามโดยชอบ คณิตศาสตร์ ความแข็งแกร่ง ยุทธศาสตร์ ศิลปะ งานฝีมือและทักษะ รวมถึงชาวเมืองยังสร้าง วิหารพาร์เธนอน บนอะโครโพลิสในกรุงเอเธนส์เพื่อถวายเกียรติแด่พระนางด้วย โดยสร้างจากหินอ่อนทั้งหลัง จึงทำให้มันคงทน ผ่านร้อนผ่านหนาวมาได้อีกหลายยุคหลายสมัย และกลายมาเป็นมรดกโลกชื่อดังถึงทุกวันนี้นั่นเอง

 

====================

 

7. อิเสะ (Ise)

อามาเทราสึ โอมิคามิ

เมืองศักดิ์สิทธิ์ของชาวญี่ปุ่น

 

 

     อิเสะ เป็นเมืองเล็กๆ ในจังหวัดมิเอะ (Mie) ซึ่งยู่ระหว่างนาโกยาและโอซาก้า อันเป็นที่ตั้งของศาลเจ้าที่ชาวญี่ปุ่นว่ากันว่าต้องเดินทางไปสักการะให้ได้ซักครั้งหนึ่งในชีวิต นั่นคือ ศาลเจ้าอิเสะ ถูกสร้างขึ้นเมื่อ 4 ปีก่อนคริสตกาลหรือตรงกับ พ.ศ. 539 ถือเป็นหนึ่งในศาลเจ้าที่เก่าแก่ที่สุด เพื่อให้เป็นที่สถิตของเทพีแห่งดวงอาทิตย์ หรือ อามาเทราสึ โอมิคามิ (Amaterasu) นั่นเอง ตั้งอยู่กลางป่าสนเขียวขจีให้ความรู้สึกถึงมนต์ขลังอันเข้มข้น ชาวญี่ปุ่นนิยมเดินทางมาเพื่อขอพรให้ประสบความสำเร็จในทุกๆ ด้าน แม้จะเรียกว่าศาลเจ้า แต่ที่นี่มีอาณาเขตเท่าๆ กับกรุงปารีสเลย นอกจากตัวศาลเจ้าหลักแล้ว ก็ยังมีศาลเจ้าเล็กๆ กระจายกันอยู่ในป่ากว่า 125 ศาลเลย

 

 

     อามาเทราสึ โอมิคามิ เป็นเทพีแห่งดวงอาทิตย์ ซึ่งเป็นเทพเจ้าสูงสุดของญี่ปุ่นนั่นเอง เป็นผู้ปกครองสวรรค์และฟากฟ้า และยังมีความเชื่อว่าจักรพรรดิของชาวญี่ปุ่นนั้นสืบเชื้อสายมาจากเทพองค์นี้ด้วย ตามตำนานยังเล่าว่า อามาเทราสึ ได้ยกของศักสิทธิ์ 3 อย่างให้กับ นินิงิ หลานของเธอ อันประกอบไปด้วย กระจกยาตะ ลูกแก้วมากะทามะ และดาบคุซานางิ โนะ ซึรูงิ ซึ่งทั้ง 3 สิ่งนี้ก็ถูกเก็บรักษาไว้ในศาลเจ้าอิเสะจนถึงทุกวันนี้ 

 

====================

 

8. กรุงเทพมหานคร 

พระสยามเทวาธิราช

พระนครอันกว้างใหญ่ดุจเทพนคร

 

 

     กรุงเทพฯ ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2325 (ค.ศ. 1782) เดิมเป็นที่ตั้งของเมืองธนบุรีศรีมหาสมุทร ที่ชาวต่างชาติเรียกกันว่า "บางกอก" มาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ก่อนที่จะก่อตั้งให้เป็นราชธานี โดยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี ช่วงต้นรัชกาลนั้นบ้านเมืองยังเกิดศึกสงครามอยู่บ่อยครั้ง ไม่ว่าจะจากมหาอำนาจทางตะวันตกหรือจากพม่า

     จนถึงสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 มีพระราชดำริว่า ประเทศไทยมีเหตุการณ์ที่เกือบจะต้องเสียอิสรภาพมาหลายครั้ง แต่เผอิญให้มีเหตุรอดพ้นภยันตรายมาได้เสมอ คงจะมีเทพยดาที่ศักดิ์สิทธิ์คอยอภิบาลรักษาอยู่ สมควรที่จะทำรูปเทพยดาองค์นั้นขึ้นสักการบูชา 


ภาพจากเฟสบุค โบราณนานมา

 

     และทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ปั้นหล่อเทวรูปสมมุติขึ้น ถวายพระนามว่า พระสยามเทวาธิราช ประดิษฐาน ณ พระที่นั่งทรงธรรม ในหมู่พระที่นั่งพุทธมณเฑียร ในพระอภิเนาว์นิเวศน์ ปัจจุบัน พระสยามเทวาธิราชประดิษฐานอยู่ ณ พระวิมานทองสามมุข เหนือลับแลบังพระทวารเทวราชมเหศวร์ ในพระที่นั่งไพศาลทักษิณ พระบรมมหาราชวัง 

 

====================

 

ตามติดเทรนด์เที่ยว อัพเดทที่พักสวย
แชร์ทริปสุดชิล โพสต์ภาพสุดปัง ของคุณได้แล้วที่ แอปทรูไอดี
คลิกเลย >> TrueID Travel Community <<