ส่วนใหญ่แล้วการเดินทางมาเยือนประเทศอินเดียของแต่ละคนล้วนมีวัตถุประสงค์และจุดมุ่งหมายที่แตกต่างกันออกไป บางคนมาท่องเที่ยวเพื่อเยี่ยมชมวิถีชีวิตของผู้คน บางคนมาเพื่อชมความสวยงามตระการตาของร่องรอยอารยธรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ทั้งงานสถาปัตยกรรม อาคารบ้านเรือน และแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ หรือบางคนมาเพื่อตามรอยองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ทรงดำรงพระชนชีพอยู่ในแผ่นดินพุทธภูมิแห่งนี้ ซึ่งในครั้งนี้ผู้เขียนได้มีโอกาสมาเยือนประเทศอินเดียเพื่อจาริกแสวงบุญ และบำเพ็ญปฏิบัติ ณ สถานที่ที่ล้วนมีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อรำลึกถึงองค์พระบรมศาสดาและการเตือนใจในการเป็นพุทธศาสนิกชนที่ดีตามหลักพระธรรมคำสั่งสอน โดยในครั้งนี้ผู้เขียนได้เดินทางไปยังเมืองลุมพินีวัน ซึ่งถือเป็นสถานที่ 1 ใน 4 สังเวชนียสถาน ซึ่งตั้งอยู่ที่อำเภอไภรวา แคว้นอูธ ประเทศเนปาล ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากชายแดนประเทศอินเดียเท่าใดนัก ผู้เขียนเพิ่งทราบจากคนท้องถิ่นว่าที่ลุมพินีวันสถานที่ประสูติของพระพุทธเจ้าแห่งนี้ว่า ได้รับการบริจาคจากพุทธศาสนิกชนชาวไทยเป็นจำนวนมากทั้งในส่วนของการปรับปรุงอาคารสถานที่ และการก่อสร้างอาคารสาธารณประโยชน์ต่าง ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้คนที่มาเยี่ยมเยือนสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ รวมถึงการจัดสร้างองค์พระพุทธเจ้าน้อย หรือ “พระโพธิสัตว์สิทธัตถะราชกุมาร” ซึ่งตั้งอยู่บริเวณทางเข้าไปยังสถานที่ประสูติของพระพุทธเจ้า เมืองลุมพินีวันตามประวัติในยุคพุทธกาลนั้น ถือเป็นเมืองในดินแดนชมพูทวีปที่ตั้งอยู่ใกล้กรุงกบิลพัสดุ์ ซึ่งเป็นเมืองที่พระเจ้าสุทโธทนะทรงครองราชย์และพระมเหสีของพระองค์คือพระนางสิริมหามายาทรงให้กำเนิดพระราชโอรส ซึ่งก็คือ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ณ บริเวณที่ตั้งใกล้กับเมืองกบิลพัสดุ์แห่งนี้ โดยหลังจากการเสด็จดับขันธปรินิพพานขององค์สมเด็จพุทธเจ้าล่วงไปแล้ว ราว พ.ศ. 294 พระเจ้าอโศกมหาราช กษัตริย์แห่งอินเดียในยุคโบราณ ผู้ทรงมากความสามารถและมีความเลื่อมใสศรัทธาในบวรพระพุทธศาสนา พระองค์ทรงโปรดฯ ให้พระชั้นผู้ใหญ่ในราชสำนัก ค้นหาตำแหน่งบริเวณที่พระพุทธเจ้าทรงประสูติที่ใกล้เคียงที่สุด หลังจากนั้นจึงทรงสร้างพระวิหารครอบ และสร้างเจดีย์ รวมทั้งเสาศิลาจารึกไว้เป็นสัญลักษณ์ ซึ่งเสาศิลาจารึกดังกล่าวทำจากหินทรายและยังคงปรากฏอยู่ที่เดิมจนถึงปัจจุบัน ซึ่งคนส่วนใหญ่มักเรียกว่า "เสาอโศก" และจารึกข้อความเป็นอักษรพราหมีว่า "พระพุทธเจ้าประสูติที่ตรงนี้" พระวิหารที่พระเจ้าอโศกมหาราชโปรดเกล้าให้สร้างขึ้นเพื่อครอบบริเวณเดิมที่พระพุทธเจ้าประสูตินี้เรียกว่า "วิหารมหามายาเทวี" โดยเป็นอาคารรูปทรงสี่เหลี่ยมสีขาว ซึ่งภายในเต็มไปด้วยแผ่นหินศิลาโบราณ สถูปโบราณ และโบราณวัตถุจำนวนมากที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีอายุในยุค พ.ศ. 300 - 900 หรือมีอายุเกือบ 2,000 ปีล่วงมาแล้ว แต่เป็นที่น่าเสียดายว่าภายในวิหารแห่งนี้ไม่อนุญาตให้บันทึกภาพโดยเด็ดขาด ความเก่าแก่ของสถานที่และโบราณวัตถุที่ปรากฏอยู่ภายในวิหารมหามายาเทวีแห่งนี้ยังปรากฏข้อความที่องค์การยูเนสโก (UNESCO : UN Educational, Scientific and Cultural Organization) ที่ได้มีมติให้สถานที่แห่งนี้เป็นมรดกโลก เนื่องจากเป็นสิ่งที่ยืนยันได้ถึงหลักฐานทางวัฒนธรรมหรืออารยธรรมที่ปรากฏให้เห็นอยู่จนถึงปัจจุบัน โดยปัจจุบัน ณ วิหารมหามายาเทวีแห่งนี้แน่นขนัดไปด้วยผู้คนจากทั่วโลกที่หลั่งไหลมากราบไหว้ด้วยความศรัทธาที่มีต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างไม่มีเสื่อมคลายโดยเฉพาะหลักพระธรรมคำสั่งสอนและแก่นแท้แห่งพระพุทธศาสนา ที่สามารถปรับใช้ได้กับการดำเนินชีวิตในทุกยุคทุกสมัย นอกจากนี้ภายในเมืองลุมพุนีวันสถานที่ประสูติ ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญทางประวัติศาสตร์อีกมากมาย สำหรับผู้ที่สนใจมาท่องเที่ยวหรือต้องการเรียนรู้สถานที่สำคัญทางพระพุทธศาสนาแห่งนี้ก็สามารถมาได้ โดยมีรถยนต์ของคนในท้องถิ่นพร้อมให้บริการ รวมทั้งการทำหนังสือผ่านแดนชั่วคราวจากอินเดียไปยังประเทศเนปาลก็มีเจ้าหน้าที่คอยให้บริการและอำนวยความสะดวกเป็นอย่างดียิ่งเช่นกัน ภาพถ่ายโดยผู้เขียน