รีเซต

ชวนตะลุย "โกลกาตา" มุมมองใหม่แห่ง "อินเดีย" ชีวิตนี้ไปชิลสักครั้ง!

ชวนตะลุย "โกลกาตา" มุมมองใหม่แห่ง "อินเดีย" ชีวิตนี้ไปชิลสักครั้ง!
ไทยรัฐ
19 กุมภาพันธ์ 2562 ( 10:41 )
825

"อินเดีย" อีกหนึ่งประเทศที่คุณต้องไปเยือน ไม่งั้นคุณจะคุยกับเค้าไม่รู้เรื่อง (ฮ่าๆๆ) เรื่องไรนะ? แต่จะว่าไป...มันก็เก๋นะคะคุณ...ดิฉันไปมาแล้ว! นี่ไงจึงอยากมาเล่าประสบการณ์ใหม่ๆ ให้ฟัง สนุกสนานเอาการเชียวละ ไม่แน่นะอ่านจบ...คุณอาจจะอยากลุกขึ้นไปจองตั๋วเครื่องบินไปเมืองโรตีเลยก็ว่าได้ 

เกริ่นก่อนค่ะ...ว่า ไลฟ์สไตล์ไทยรัฐ มีโอกาสไปเยือนดินแดนภารตะ จากการเชิญของรองประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย "สมทรง สัจจาภิมุข" ในฐานะบริษัทเอสเอสทราเวลเซอร์วิส เพื่อไปร่วมงานประชุมการท่องเที่ยว DESTINATION EAST 2019 ที่สมาพันธรัฐเบงกอลตะวันตกจัดขึ้นที่ "โกลกาตา" 

ทั้งนี้ภายในงานก็มีการพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องของการท่องเที่ยวกัน ระหว่างเอเจนซี่การท่องเที่ยวของแต่ละประเทศต่างๆ ทั่วโลก รวมถึงบริษัททัวร์ สายการบิน โรงแรม ที่พัก ผู้ประกอบการอาหาร และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งเราก็ได้ข้อมูลการท่องเที่ยวที่น่าสนใจมาบอกต่อ โดยเฉพาะกับเมือง "โกลกาตา" แห่งนี้ ซึ่งก็ถือว่าเป็นจุดหมายปลายทางหนึ่งที่น่าสนใจไม่น้อย

สำหรับนักท่องเที่ยวคนไทยที่สนใจจะเปิดประสบการณ์ใหม่กับเมืองโรตีแห่งนี้ เราคิดว่า...เมืองนี้ก็ไม่เลวนะ ได้เห็นมุมมองที่แตกต่างออกไป แต่อย่างไรก็ตาม เมืองแต่ละเมืองของอินเดีย ก็มีความน่าสนใจและสวยงามแตกต่างกันไม่น้อย ไม่แพ้กับภาคต่างๆ ของประเทศไทยเรา แถมยังมีภูมิประเทศ ภูมิอากาศที่ไม่เหมือนกันอีกด้วย เรียกได้ว่าสวย น่าไป และชวนหลงใหลในหลายๆ เมืองจริงๆ โดยเฉพาะกับ "ดาร์จีลิ่ง" หนาวสุดๆ ไปเลยจ้า เดี๋ยวจะเหลาทีหลังนะ

ดังนั้นวันนี้จึงขอเล่าถึงจุดหมายปลายทางเราในทริปนี้ก่อน นั่นคือ "โกลกาตา" เมืองหลวงเก่าของอินเดีย และ "ดาร์จีลิ่ง" เมืองตากอากาศอีกแห่ง ที่เย้ายวนชวนมีเสน่ห์ให้น่าหลงใหลจริงๆ ซึ่งเราไปแล้วก็ไม่ผิดหวังค่ะ...รออ่านอีกตอนหนึ่งนะคะสำหรับเมืองตากอากาศของชาวอังกฤษ "ดาร์จีลิ่ง" ฉันรักเธอ

เริ่มกันที่...

"โกลกาตา" หรือชื่อเดิม "กัลกัตตา" เป็นเมืองหลวงของรัฐเบงกอลตะวันตก ประเทศอินเดีย ตั้งอยู่ริมฝั่งตะวันออกของแม่น้ำฮูคลี ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ เมืองนี้มีจำนวนประชากรประมาณ 4,580,544 คน ซึ่งหากนับรวมในเขตเมืองรอบนอกด้วย ก็จะมีจำนวนมากกว่า 14 ล้านคน ทำให้เมืองนี้เป็นกลุ่มเมืองที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับที่ 3 และเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับที่ 4 ของประเทศ

เมืองหลวงเก่า

โกลกาตา...เคยเป็นเมืองหลวงของอินเดียในสมัยการปกครองของอังกฤษ จึงทำให้เมืองนี้เป็นศูนย์กลางการศึกษาสมัยใหม่ วิทยาศาสตร์ วัฒนธรรม และการเมือง จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2454 ได้มีการย้ายเมืองหลวงไปนิวเดลี โดยถือเป็นเมืองหนึ่ง ที่มี "ระบบระบายน้ำเก่าแก่ที่สุดในโลก" ด้วยมีอายุกว่า 150 ปี

ความเป็นไปของเมืองนี้

อย่างไรก็ตาม โกลกาตาประสบกับภาวะชะงักงันทางเศรษฐกิจเป็นเวลานานติดต่อกันหลายปี หลังจากอินเดียได้รับเอกราชในปี พ.ศ.2490 ตั้งแต่ปี พ.ศ.2543 เป็นต้นมา การฟื้นฟูและการกระตุ้นเศรษฐกิจ ก็ได้นำไปสู่ความเจริญเติบโตของเมืองอย่างเต็มที่ แต่ก็เช่นเดียวกับเมืองใหญ่แห่งอื่นๆ ในอินเดีย โกลกาตาต้องเผชิญกับปัญหาเมืองต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาความยากจน มลภาวะ การจราจรติดขัด เป็นต้น แต่นอกจากนี้โกลกาตาก็ยังมีชื่อเสียงด้านประวัติศาสตร์ การปฏิวัติ ตั้งแต่การเรียกร้องเอกราชของอินเดีย ไปจนถึงขบวนการฝ่ายซ้าย และสหภาพการค้าต่างๆ ด้วย

ที่มาของชื่อเมือง...

มีการสันนิษฐานว่า ชื่อ "โกลกาตา" และ "กัลกัตตา" นั้นอาจจะมาจาก "กาลิกาตา" ซึ่งเป็นหนึ่งในหมู่บ้าน 3 แห่ง คือ กาลิกาตา สุตนุติ และโคพินทปุระ ในพื้นที่แถบนี้ก่อนการเข้ามาของอังกฤษ ซึ่งสันนิษฐานว่า "กาลิกาตา" นั้นเป็นรูปในภาษาอังกฤษของคำว่า "กาลีเกษตร" หรือดินแดนของพระแม่กาลี หรือมาจากคำในภาษาเบงกาลีว่า "กิกิลา" ที่หมายถึง ที่ราบ หรืออาจมีต้นกำเนิดจากคำพื้นเมืองที่ใช้เรียกชื่อคลองธรรมชาติสายหนึ่ง คือ "คาล" ตามด้วย "กัตตา" แม้ว่าในภาษาเบงกาลีซึ่งเป็นภาษาของท้องถิ่น จะเรียกชื่อเมืองนี้ว่า "โกลกาตา" มาตลอด แต่ชื่อภาษาอังกฤษของเมือง ก็เพิ่งถูกเปลี่ยนจาก "กัลกัตตา" เป็น "โกลกาตา" ตามการออกเสียงในภาษาดังกล่าวเมื่อปี พ.ศ.2544 นี้เอง 

เอาละ...รู้จักเรื่องราวและที่มาของเมืองนี้แล้ว ทีนี้เราจะพาไปดูว่า ที่เมืองโกลกาตาแห่งนี้ มี "ที่เที่ยว" หรือ "สถานที่ท่องเที่ยว" อะไรน่าสนใจบ้าง?

วิกตอเรีย เมโมเรียล

เค้าว่ากันว่า...ถ้ามาโกลกาตาแล้วไม่มาที่นี่ หมายความว่ามาไม่ถึงจ้า รีบไปต่อคิวเข้าแถวซื้อตั๋วรัวๆ ไปดูความอลังการของที่นี่ "Victoria Memorial" อนุสาวรีย์ขนาดใหญ่ ที่สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงสมเด็จพระราชินีวิกตอเรีย ความอลังการคือสร้างจากหินอ่อนสีขาว ด้วยสถาปัตยกรรมในยุคโคโลเนียล สวยงามจับใจจริงๆ คุณต้องไปดูให้ได้นะ

วิหารเซนต์ปอล

เดินไปอีกหน่อย ไม่ไกลกันมาก "St.Paul's Cathedral" วิหารเซนต์ปอล สถานที่สุดสงบ หากใครอยากพักสมอง หลีกหนีความวุ่นวายหรือเสียงแตร เราแนะนำให้ไปที่นี่ แน่นอน...เขาห้ามใช้เสียง ห้ามถ่ายภาพภายในวิหาร แต่บรรยากาศของที่นี่ กลับสงบจนรู้สึกเงียบสงัดมาจากใจ บอกไม่ถูก รู้แต่ว่าเดินออกมาแล้วรู้สึกมีสติขึ้น และสบายใจอย่างบอกไม่ถูก

สำหรับวิหารแห่งนี้ ถูกสร้างและออกแบบตามสถาปัตยกรรมอินโด - กอทิก ภายในสวยงามจับใจ และรู้สึกเย็นมาก เมื่อได้เข้าไปนั่งอยู่สักพัก ขณะที่ระเบียงด้านตะวันตก จะมีห้องสมุดตั้งอยู่ และมีการจัดแสดงภาพถ่ายและเรื่องราวของที่นี่อีกด้วย

ถนนหนังสือ...สุดอลัง

Book Store ที่ใหญ่อันดับ 2 ของโลก ว่ากันว่าที่นี่คือถนนสายหนังสือ เนื่องจากร้านรวงจะพากันขายแต่หนังสือ โดยเฉพาะหนังสือมือสอง ซึ่งก็เป็นหนังสือที่หลากหลาย ไม่ว่าจะหนังสือการปกครอง สภาพอากาศ ชีววิทยา ฟิสิกส์ จิตรกรรม นิยาย หรือหนังสือการ์ตูน ที่นี่มีขายหมดจ้า Around The World จริงๆ แหม่...แอบอิจฉา ถ้าคนไทยขยันอ่านหนังสือแบบนี้ก็ดีสินะ ป่านนี้เราก็พัฒนามากกว่า ประเทศที่กำลังพัฒนาแน่ๆ (ฮ่าๆ) หยอกๆ 

สะพานข้ามแม่น้ำคงคา

ที่นี่มีเรื่องเล่า เป็นสะพานที่สร้างเพื่อข้ามแม่น้ำคงคา ที่เมืองโกลกาตานี้ มีสะพานหลักอยู่ 2 สะพาน คือ "สะพานโบว์ราห์" และ "สะพานบูกลี" ใครที่ชื่นชอบการถ่ายภาพสะพานสวยๆ ต้องมาที่นี่ค่ะ ก็สวยไปอีกแแบบ บริเวณที่เราไปถ่ายรูป เป็นจุดที่คนนิยมไปถ่ายรูปอีกหนึ่งจุด เราเดินทะลุสวนและสถานีรถไฟไปค่ะ เรียกได้ว่า....มีความแปลกรอคุณอยู่ โดยเฉพาะท่าริมน้ำ เราได้เห็นภาพของเครื่องสักการะ ที่มีดอกไม้ รูปปั้นพระพิฆเนศ เสมือนเป็นการแสดงพิธีกรรมทางศาสนาอย่างหนึ่ง ซึ่งมันก็แปลกดีนะ

ตลาดเอสพลานาด

เก๋ไปอีก...ไม่ได้มีแต่เอสพลานาดรัชดานะจ๊ะ ที่นี่ก็มีจ้า "ตลาดเอสพลานาด" ตลาดที่เปิดทั้งกลางวันกลางคืน เราได้ไปสัมผัสมาทั้งสองช่วงเวลา เรียกได้ว่าแตกต่างกันลิบลับ ตลาดกลางวัน จะเดินสบายหน่อย คนน้อยกว่ากลางคืน และเห็นสินค้าได้ชัดเจนแจ่มแจ้งกว่า ส่วนตลาดกลางคืนมันก็อีกฟีลหนึ่งค่ะ แต่มันดูวุ่นวาย เบียดเสียดเสียเหลือเกิน แนะนำให้ไปกลางวันจะดีกว่า ส่วนสินค้าที่ขายก็มีแทบทุกอย่าง เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า นาฬิกา เข็มขัด ผ้าพันคอ เอาเป็นว่ามีทุกสิ่งอย่าง อารมณ์ก็ประมาณจตุจักรบ้านเรา แต่สินค้าบ้านเขาอาจไม่ถูกจริตคนไทยมากนัก แต่หากใครชื่นชอบและหลงใหลเรื่องผ้า ที่นี่ก็สมควรซื้อค่ะ ชุดสไตล์อินเดียสวยๆ ก็ราคาดีนะคะ ไม่แรง แต่สำคัญคือ...คุณต้องต่อ!!

Mall คือ ห้าง

สำหรับห้างสรรพสินค้า พี่สมทรงบอกว่า ที่นี่เขาเรียก Mall จ้ะ อยากไปมั้ย? จะให้คนพาไป จัดไปค่ะ...เราได้ไปมาแห่งหนึ่ง ก็มีสินค้าขายหลากหลาย เสื้อผ้า รองเท้า สินค้าแบรนด์เนม แต่ไม่ได้มีมากมายแบบบ้านเรานะคะ เพราะคนที่นี่เขาไม่ได้บ้าซื้อแบรนด์เนมกันขนาดนั้น ส่วนราคาก็ดูปกติค่ะ อย่างช็อปของ Nike หรือ Adidas ก็ทั่วๆ ไปค่ะ ที่น่าสนใจคือ ร้านเสื้อผ้าสไตล์อินเดีย จ้า ราคาดีมากๆๆๆ ไปช็อปกันสนุกเลย ได้เสื้อผ้ามาในราคาถูกแสนถูก ชุดน่ารักสไตล์อินเดียเพียบ ยิ่งใครที่ชอบสีสันคัลเลอร์ฟูล ที่นี่จัดว่าเด็ด! คือคนที่นี่ก็ชื่นชอบสีสันไม่แพ้คนจีน ดังนั้นชุดแต่ละชุดเริดค่ะ...ขอบอก แต่แอบเสียดาย ช็อปปิ้งกันจนลืมถ่ายรูปเลยจ้า เพราะห้างจะปิดค่ะคุณ!

Tram Tram นั่งรถราง

จริงๆ อันนี้เราไปนั่งมาก่อน แต่เราอยากเอามาไว้ปิดท้ายเรื่องเล่าใน "โกลกาตา" เราขอนำเสนอ...ไปแล้วต้องนั่งค่ะ มันคือ สุดยอดแห่ง "รถราง" Tram ในฝันของดิฉันจริงๆ มันเท่ มัน In deep จริงนะ เริ่มตั้งแต่วิ่งขึ้นอย่างกับเรือด่วนคลองแสนแสบ คือจอดตลอดทาง สุดกว่านั้นคือ คนขับ เท่อย่างกับในหนัง ใช้มือ 2 ข้างขับเคลื่อน แต่ไม่มีพวงมาลัยนะจ๊ะ มีแต่ปุ่มๆ อะไรก็ตามแต่ แล้วก็ใช้เท้า ย้ำว่า "เท้า" เอาไว้บีบแตรจ้า บีบไปจนเราลงแล้ว แกก็ยังบีบไปเรื่อย Cool สุดแล้วประเทศนี้ ว่ากันไปตามจริง ได้ขึ้นนั่งแล้ว รู้สึกเหมือนกับเอาตัวเองเข้าไปอยู่ใน Fast 7 Fast 8 อะ

โอ๊ย...คือเมืองนี้ ใครจะขับรถยังไงก็ได้ ไม่ผิด ไม่ถือ ไม่มีกฎหมาย ไม่มีตำรวจจราจร (คือจริงๆ ก็มีแหละ แต่อาจยังไม่ถึงเวลาจับ ฮ่าๆๆ) แถมยังไม่มีโกรธกันด้วยนะ แม้จะเบี่ยงไปเบี่ยงมา จะกินเลนกันไปมา เฉียดกัน เฉี่ยวกันก็ไม่เป็นไรจ้า แต่สำคัญคือ...รถไม่มีชนกันนะคะคุณ เอองงสิ! ดิฉันก็งง! ไปมา 7 วันไม่เห็นเกิดอุบัติเหตุตรงไหนเลย

ก็คงเนอะ...ชีวิต...มันก็แบบนี้สินะ ที่เค้าว่า "อย่าไปถามหากฎ ถ้าทุกอย่างมันคือวิถี" 

บาย "โกลกาตา" มีโอกาสจะกลับไปใหม่นะ เพราะดูรวมๆ แล้ว คุณก็มีเสน่ห์จริงๆ แม้มันจะไม่สวยหรู แต่ก็น่าอยู่ไม่น้อย จะบอกว่า...ไปแล้วจะค้นพบตัวเอง อันนี้คงไม่ผิดเพี้ยน ไว้พบกันนะอินเดีย ฉันเริ่มจะหลงรักคุณแล้วสินะ

เออ...ลืมบอก คนอินเดียน่ารัก ใจดี ไม่ดุเข้มเหมือนหน้าตาเลยสักกะน้อย แถมยังเอวอ่อนอีก โดยเฉพาะกับไกด์หนุ่มเรา เต้นจนแผ่นดินสะเทือน ไว้จะเหลาให้ฟังในตอนต่อไป "ดาร์จีลิ่ง...สวรรค์ของคนไทย"