นั่งชมวิว รถไฟสายด่วน Orient Express รถไฟหรูหรา 5 ดาว ที่โด่งดังจากนิยายสืบสวน
“ฆาตกรอยู่กับเรา…ตอนนี้ บนรถไฟขบวนนี้…”
แฟนนิยายสืบสวนสอบสวน หรือคอหนังที่เพิ่งได้ไปชม Murder On the Orient Express หรือ ‘ฆาตกรรมบนรถด่วนโอเรียนท์เอกซ์เพรส’ น่าจะจำกันได้ว่านี่คือคำพูดของแอร์กูล ปัวโรต์ (Hercule Poirot) ที่ต้องมารับหน้าที่ไขคดีบนรถไฟหรูระดับ 5 ดาวขบวนนี้
นิยายเรื่องนี้แต่งโดย อกาธา คริสตี้ (Agatha Christie) เขียนขึ้นในตอนที่เธอติดอยู่ในรถไฟขบวนนี้กลางพายุหิมะในเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่งในประเทศตุรกีถึง 5 วัน เราเลยไม่สงสัยเลยว่าทำไมเนื้อหาในเรื่องถึงสมจริงสมจังได้ขนาดนี้ แถมปีต่อมาหลังจากที่นิยายตีพิมพ์ออกขายในปี 1934 ดันเกิดเหตุการณ์ฆาตกรรมขึ้นจริงๆ บนขบวนรถไฟขึ้นซะนี่
ก่อนอื่น เรามารู้จักกับ The Orient Express กันซักนิดน่าจะดี ขบวนรถไฟสายนี้เริ่มให้บริการตั้งแต่ปี 1883 วิ่งยาวระหว่างเมืองใหญ่ในยุโรป จากกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส —> เมืองกิอูรกุย (Giurgiu) ประเทศโรมาเนีย —> มิวนิก ประเทศเยอรมนี —> เมืองเวียนนา ประเทศออสเตรีย —> เมืองเบลเกรด เมืองหลวงประเทศเซอร์เบีย —> ปลายทางสุดท้ายจบที่คอนสแตนติโนเปิล หรือกรุงอิสตันบูล ประเทศตุรกี ระยะทางรวมกว่า 2,000 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทาง 68 ชั่วโมง
ซึ่งในยุคนั้นเรียกได้ว่าแทบจะเป็นการปฏิวัติการเดินทางโดยรถไฟเลยก็ว่าได้ เพราะมันถูกสร้างมาให้มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันที่สุด หรูหราที่สุด ปลอดภัยที่สุด ประหยัดเวลามากที่สุด และที่สำคัญยังแพงที่สุดด้วยครับ แน่นอนว่าบริการทุกระดับประทับใจขนาดนี้ ค่าตั๋วเลยอยู่ที่ 1,750 ยูโร หรือประมาณ 67,000 บาท เท่านั้นเอ๊งงง
By MissMJ CC BY-SA 3.0
ภาพแสดงเส้นทางเดินรถของ The Orient Express ในแต่ละยุคสมัย
หลังจากที่ต้องหยุดให้บริการไปในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 The Orient Express ก็กลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งในชื่อ ซิมพลอน โอเรียนท์ เอ็กเพรส (Simplon Orient Express) เปลี่ยนมาใช้เส้นทางที่ผ่านอุโมงค์ Simplon ลอดใต้เทือกเขาแอลป์ ผ่านประเทศอิตาลี ยูโกสลาเวีย บัลแกเรีย กรีซ ก่อนจะไปจบที่ตุรกีเช่นเดิม
อย่างที่เกริ่นไว้ข้างต้น ว่า อกาธา คริสตี้ ได้แต่งนิยายเรื่อง Murder On the Orient Express ขึ้น สร้างชื่อเสียงให้กับเธอ และรถไฟขบวนนี้ให้โด่งดังมากยิ่งขึ้น มากซะจนดึงดูดเรื่องราวการฆาตกรรมจริงๆ ให้เกิดขึ้นมาจนได้…
ในปี 1935 เกิดเหตุการณ์ฆ่าชิงทรัพย์หญิงร่ำรวยชาวโรมาเนีย เธอถูกจับโยนลงจากหน้าต่างรถไฟ อันนี้นับเป็นคดีอุกฉกรรณ์คดีแรกบนรถไฟขบวนนี้ ช่วงยุคสงครามเย็น มีพลเรือเอกชาวอเมริกันตกจากรถไฟด้วยสาเหตุปริศนา บริเวณอุโมงค์รถไฟหนึ่งในเขตประเทศออสเตรีย
หลังจากนั้นการเดินทางด้วย Orient Express ก็เปลี่ยนไป เนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองที่วุ่นวายในหลายประเทศแถบยุโรป การเดินทางข้ามแดนมีความเข้มงวดมากขึ้น การโดยสารด้วยรถไฟขบวนนี้จึงไม่สะดวกสบายเช่นเคย สุดท้ายมันจึงปิดตำนานความหรูหรา ถูกแทนที่ด้วยขบวนรถไฟธรรมดาความเร็วต่ำที่ชื่อ Direct Orient Express ให้บริการผู้โดยสารที่เป็นกลุ่มแรงงานข้ามชาติ ไม่มีเตียงนุ่มสะอาด อาหารเช้าเสิร์ฟถึงห้องพัก และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ชั้นเลิศไว้บริการอีกต่อไป
ฟังดูเหมือนรถด่วนขบวนนี้จะต้องปิดตำนานไปพร้อมๆ กับการมาถึงของระบบรถไฟความเร็วสูงรุ่นใหม่ แต่สุดท้ายมันก็ได้รับการชุบชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง โดยการเอาตู้นอนมาปรับปรุงใหม่โดยยังคงความวินเทจ และการบริการแบบเดิมไว้ ภายใต้ชื่อ Venice Simplon-Orient-Express เดินทางจากกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ สู่เมืองเวนีซ ประเทศอิตาลี และแน่นอน ราคาตั๋วก็ยังน่าประทับใจไม่เปลี่ยนแปลง ตั้งแต่ 585 – 2,483 ปอนด์ หรือราวๆ 25,000 – 102,000 บาท ค่าโดยสารจะถูกจะแพงแล้วแต่เส้นทาง และฤดูกาล
ด้วยราคาระดับนี้สิ่งที่คุณจะได้ก็คือ “บัตเลอร์” หรือพ่อบ้าน ที่จะคอยดูแลคุณอย่างดีราวกับโรงแรมหรูตลอด 24 ชั่วโมง เวลคัมดริ๊งด้วยสปาร์คกลิ้งไวน์ชั้นยอด อาหารมื้อเช้าพร้อมเสิร์ฟถึงห้อง อาหารมื้อบรันช์ มื้อกลางวัน มื้อน้ำชาพร้อมขนมยามบ่าย อาหารมื้อเย็น (สรุปคือคุณจะได้กิน 5 มื้อด้วยกัน) มีห้องฟังเพลง เปียโนบาร์ไว้บริการ
มาดูที่ประเภทห้องพักกันบ้าง เริ่มจากห้องพักที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อ 2018 Grand Suites ได้พื้นที่โอ่อ่ากว้างขวางที่สุด การตกแต่งเป็นแบบผสมผสาน ทั้งปารีส เวนีซ และอีสตันบูล มีทั้งหมด 3 ห้อง
ห้อง Cabin Suites เป็นห้องแบบ Twin Suites ที่เชื่อมติดกัน 2 ห้อง
Twin Cabins มีทั้งหมด 83 ห้อง
Single Cabins มี 5 ห้อง
ใครสนใจอยากลองสัมผัสประสบการณ์เที่ยวด้วยรถไฟแบบหรูหราสักครั้งในชีวิต เข้าไปจองตั๋ว และดูรายละเอียดต่างๆ ได้ในเว็บไซต์ venice-simplon-orient-express พกนิยาย Murder On the Orient Express ติดไปด้วยสักเล่ม น่าจะทำให้ทริปนี้ฟินแน่นอน ขออย่างเดียวไม่ต้องมีเหตุฆาตกรรมเกิดขึ้นจริง เป็นพอ…