( ภาพจากนักเขียน ) จังหวัดแกบ ตั้งอยู่ตอนใต้ของประเทศกัมพูชาที่มีพื้นที่ติดทะเล และติดกับเวียดนามสามารถข้ามไปเที่ยวฝั่งเวียดนามได้ซึ่งไม่ไกลเลยค่ะใช้เวลาเพียงแค่ 45 นาที จากหาดแกบและมีพื้นที่ติดกับจังหวัดกำโพช ( จังหวัดกำโพช มีชื่อเสียงทางด้านพริกไทยค่ะ ) ในการเดินทางในครั้งนี้ ดิฉันเดินทางโดยสายการบิน เจซีกัมโบเดียแอร์ไลน์ ราคา 79 $ ต่อเที่ยว ( 2,469 บาท ) จากเสียมเรียบมาลงที่สีหนุวิลล์ ใช้เวลา 50 นาทีแล้วต่อด้วยรถแท็กซี่ ใช้เวลา 2 ชั่วโมง 45 นาที ในราคา 50 $ ( 1,563 ) และออกเดินทางไปที่พักซึ่งได้พักอยู่ที่ Raingsey Bungalow ราคาต่อคืน 50 $ ( 1,563 ) อยู่ไม่ไกลจากตลาดปู ( Crab market ) มีสระว่ายน้ำสวยงามและเงียบสงบค่ะ สามารถเดินไปที่ตลาดได้เลย ตลาดจะมีขายอาหารย่าง อาทิเช่น กุ้งย่าง ปลาหมึกย่าง ปูย่าง ไก่ย่างและเนื้อย่างต่าง ๆ และที่สำคัญเลยคืออาหารสดจากท้องทะเลมี กุ้ง หอย ปู ปลา แมงดาทะเล แมงดาทะเลมีบริการยำให้ค่ะ พร้อมยำราคา 8 $ ( 250 บาท ) ต่อหนึ่งตัว สำหรับคนต่างชาติ 5 $ ( 156 บาท ) สำหรับคนเขมร แม่ค้ามีบอกราคาแบบเปิดใจ ที่ชาวบ้านได้นำออกมาขาย เสื้อผ้าและสินค้าที่สามารถนำไปเป็นของฝากให้กับเพื่อนและครอบครัว ที่ทำจากเปลือกหอยและปะการัง แกบ เป็นภาษาเขมรที่หมายถึงปู นั่นก็หมายความว่า หากใครที่ได้มาจังหวัดแกบเมนูที่พลาดไม่ได้คือ ปู ผัดปูใส่พริกไทยสดที่มีรสชาติเข้มข้นและเผ็ดร้อน และเมนูที่ดิฉันขอแนะนำอีกคือ ปูผัดน้ำมะขามอร่อยค่ะ รับรสชาติปูสด ๆ หอมหวานผสมกับน้ำมะขามที่มีรสเปรี้ยวนิด ๆ โรยด้วยหัวหอมคั่วเข้ากันได้อย่างลงตัวค่ะ ร้านอาหารที่ดิฉันขอแนะนำคือ ร้านอาหารไดมอนด์ ( Diamond Jasmine Restaurant ) มีไวน์หลากหลายรสชาติให้เลือก ลูกค้าไม่มาก นั่งชิว ๆ รับบรรยากาศของท้องทะเล รับสายลมที่เย็นสบาย ตกเย็นจะรับบรรยากาศที่ท้องทะเลเต็มไปด้วยชาวประมงมีแสงไฟจากเรือประดุจหนึ่งมีดาวเต็มท้องทะเลมากมาย ร้านอาหารชาวยุโรป คือ La Baraka Lounge Bar and Restaurant รสชาติการทำอาหาร จะมีรสชาติที่อ่อนกว่าไม่มีรสจัดมากเหมาะกับชาวต่างชาติ มีไวน์เครื่องดื่มทุกชนิด นักท่องเที่ยวท้องถิ่นจะมากในวันเสาร์และอาทิตย์ค่ะ ( ภาพจากนักเขียน ) ในการเล่นน้ำที่หาดแกบ น้ำจะมีสีขุ่น ซึ่งน้ำระดับชายทะเลไม่ได้มีความลึกมาก จึงทำให้น้ำมีสีขุ่นผสมดินทราย แต่บริเวณทั่วไปแล้วชายหาดแกบนั้นเต็มไปด้วยโขดหินไม่เหมาะกับการเล่นน้ำ ในบริเวณรอบ ๆ มีซุ้มนอน ให้นักท่องเที่ยวได้นั่งพักผ่อน รวมถึงมีอาหารไก่ย่าง ปลาย่าง ส้มตำเขมร อาหารทะเลต่าง ๆ และเครื่องดื่มในราคาท้องถิ่น อีกทั้งยังมีเก้าอี้นั่งให้เช่า เสื่อให้เช่าไว้นั่งเล่นตามชายหาด ราคาเช่าเสื่อ 1 $ ( 31 บาท ) หาดแกบยังเป็นสถานที่ดูพระอาทิตย์ตกได้อย่างสวยงามเลยค่ะ เป็นสถานที่ท่องเที่ยว ที่ยังไม่มีร้านค้าใหญ่หรือห้างสรรพสินค้าเข้าถึง แต่ก็ยังคงอำนวยความสะดวก ในเรื่องของร้านขายยาและร้านของชำทั่วไป ซึ่งหากชาวต่างชาติที่ไม่สามารถรับประทานอาหารแบบคนเขมรได้ก็ยังมีร้านอาหารอิตาเลียน ( Italian Corner ) ที่อยู่ใกล้กับชายหาดมองเห็นได้ง่าย ร้านแห่งนี้ยังสามารถทำอาหารไทยที่มีรสชาติจัดเหมาะกับคนไทยเลยค่ะ เมนูที่ดิฉันจะต้องสั่งทุกครั้งเมื่อไปร้านนี้คือยำรวมมิตร ที่มีรสชาติเหมือนกินอยู่ที่บ้านของเราเลยราคาจานละ 12 $ ( 375 บาท ) ได้เยอะมากค่ะ คนที่ทำอาหารนี้คือชาวต่างชาตินะคะหากใครที่มาร้านอาหารตอนเย็นไม่ควรกลับที่พัก 3 - 4 ทุ่มนะคะ จะไม่มีรถตุ๊ก ๆ หากต้องการอยู่ดึกหน่อยก็บอกกับคนขับให้รอรับส่งได้ค่ะ ( ภาพจากนักเขียน ) ในการเที่ยวแบบชนบทอีกแบบหนึ่งคือการนั่งเกวียนด้วยควายลาก ราคา 20 $ ( 625 บาท ) รับชมบรรยากาศของวิถีชนบท และสวนพืชผักนานาชนิด แบบผ่อนคลายอารมณ์จนต้องหลับกับบรรยากาศที่สดชื่นเย็นสบาย จบไปกับการเที่ยวกินอาหารทะเล ดิฉันยังมีสถานที่ให้พักผ่อนน้ำใสสะอาดบนเกาะเล็ก ๆ ของจังหวัดแกบคือเกาะกระต่าย ( ภาพจากนักเขียน ) เกาะกระต่าย Rabbit Island เป็นเกาะที่มีขนาดเล็กและเงียบสงบ มีน้ำที่ใสสะอาดต่างจากหาดแกบอย่างมาก ในการมาที่เกาะกระต่ายนี้ดิฉันได้เช่าเหมาลำเรือ ราคา 25 $ ( 781 บาท ) ใช้เวลาในการเดินทาง 45 นาทีค่ะ จะต้องบอกเวลากลับกับคนขับเรือด้วยนะคะ เกาะกระต่ายมีร้านอาหารมากมาย ให้เราได้เลือกนั่งดื่มและกินอาหาร อีกทั้งยังมีบังกะโลที่นักท่องเที่ยวสามารถเข้ามาพักผ่อนข้ามคืนได้ ( ภาพจากนักเขียน ) นักท่องเที่ยวสามารถเดินได้รอบเกาะไปอีกฝั่งหนึ่งที่ไม่มีผู้คนเลย แต่ยังคงธรรมชาติที่สวยงามไม่มีสิ่งปลูกสร้างใด ๆ สามารถเล่นน้ำได้ตามสบาย ห่างไกลผู้คนเหมาะสมกับคนรักสงบค่ะ เกาะกระต่ายเป็นเกาะที่ดิฉันชอบมากที่สุด เนื่องจากยังคงเป็นแบบธรรมชาติ ไม่มีสิ่งปลูกสร้างที่เลิศหรู อยู่แบบสงบเรียบง่าย บรรยากาศสุดแสนจะสดชื่นไม่มีเสียงรบกวนจากรถยนต์ทั้งสิ้น มีเพียงเสียงคลื่นกระทบฝั่ง กล่อมเราให้นอนหลับอยู่เสมอจนลืมเวลานัดกับคนขับเรือเพื่อเดินทางกลับขึ้นฝั่ง ( ภาพจากนักเขียน ) การมาเที่ยวที่จังหวัดแกบนี้ ไม่เพียงแค่มาเที่ยวทะเลเท่านั้นแต่ยังคงเห็น ซากบ้านหักพังเผาไหม้ผลจากสงครามเวียดนาม เป็นความโหดร้ายของชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ แต่ในปัจจุบันนี้หมู่บ้านที่ใกล้กับเวียดนามก็ได้อยู่กันอย่างสงบสุข อีกทั้งยังมีชาวเขมรที่เป็นคนเชื้อสายเวียดนามเองก็ได้พักอาศัยตามริมชายทะเลของจังหวัดแกบด้วย หากใครได้มาเที่ยวจังหวัดแกบอย่าลืมมาเที่ยววิถีชนบท วิถีชาวประมงของที่นี้ด้วยนะคะ