ผมยืนอยู่ที่หอนาฬิกาวงเวียนเกาะลอยที่ตั้งอยู่บนแผ่นดินใหญ่ฝั่งตัวเมืองศรีราชา มองดูเกาะเล็ก ๆ กลางทะเลอ่าวไทย พร้อมกับความสงสัยจากคำบอกเล่าที่ว่า “แต่ก่อนมีทางรถไฟข้ามไปที่เกาะลอยนะ” มันเป็นไปได้อย่างไรกัน นั้นสิ บางทีเรื่องราวในประวัติศาสตร์ก็ทำให้เราฉงนสนเท่ห์มากขึ้นไปอีก คนที่ไปเที่ยวเกาะสีชัง เกาะที่มีชื่อเสียงโด่งดังเพราะเคยเป็นวังประทับแปรพระราชฐานของรัชกาลที่ 5 ก็ต้องมาขึ้นเรือโดยสารที่เกาะลอยแห่งนี้กันทั้งนั้น มีทั้งไป-กลับและค้างคืน ด้วยความที่หมุดหมายจะไปคือเกาะสีชัง ดังนั้น เกาะลอยในสายตาจึงมักเป็นแค่เกาะ ๆ หนึ่งและแค่ทางผ่านเท่านั้น แต่ครั้งนี้ทุกอย่างต่างออกไป เมื่อได้มาพักที่ตัวเมืองศรีราชา เกาะลอยจึงกลายเป็นเป้าหมายหนึ่งของการสำรวจและเรียนรู้ด้วยสายใหม่จึงเกิดขึ้น ผมวิ่งจากที่พักใกล้หางใหญ่ในตัวเมืองไปทางทิศตะวันตก ผ่านสวนสาธารณะเกาะลอย สวนสาธารณะที่มีวิวสวยงามมากแห่งหนึ่งของประเทศ จากนั้นก็วิ่งเลาะเลียบชายทะเลไปจนถึงสะพานเจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี สะพานคอนกรีตเสริมเหล็กยาว 350 เมตร ซึ่งแต่เดิมเป็นส่วนหนึ่งของสะพานทางไฟปริศนานั้นด้วย กลางสะพานมีศาลาให้พักและชมวิว เหมาะกับการถ่ายรูปมาก วิวสวยจริง ๆ ทั้งตัวเมือง ทะเลและเกาะลอย เมื่อเข้าเขตเกาะลอยจะเจอกับปฎิมากรรมรูปปลากะโทงแทงในบ่อทรงกลมซึ่งเป็นวงเวียนทางเดินรถบนเกาะลอย ผมเดินเบี่ยงไปด้านซ้ายซื้อดอกไม้และเตรียมตัวเพื่อจะขึ้นไหว้พระบนเขา ได้คุยกับคุณป้าที่ขายดอกไม้ จึงทราบว่า แต่ก่อนเกาะลอยมีพื้นที่แค่วัดบนเขาเท่านั้นและเมื่อมองจากฝั่งจะดูคล้ายเต่า มีบ่อเต่า ใครจะมาต้องเดินเอา ที่นี่จึงเงียบสงบ ตอนนี้เกาะขยายใหญ่กว่าเดิมหลายเท่า มีทั้งลานจอดรถ สวนพักผ่อนและท่าเรือข้ามฟาก เปลี่ยนไปมาก ผมก้าวขาผ่านซุ้มประตูวัดขึ้นบันไดก็จะชันหน่อย ๆ แต่มีจุดให้พักและราวบันไดให้จับตลอด ด้านบนมีวิหารประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัยที่สำคัญของวัดชื่อว่า หลวงพ่อเกาะลอย สร้างโดยพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยากำแพงเพชรอัครโยธิน เมื่อปี พ.ศ. 2473 วิหารหลวงพ่อผิวหรือพระครูปริยัติวราทร อดีตเจ้าอาวาสวัดเกาะลอยศรีมหาราชาและเจดีย์สีทองทรงลังกาซึ่งแต่เดิมนั้นเป็นองค์สีขาว สุดลานกว้างด้านบนมีม้านั่งให้ชมวิวแบบพาโนรามา สามารถมองเห็นทะเลอ่าวไทยสุดลูกตา มาบตาพุด ตัวอำเภอศรีราชา เกาะสีชังและหาดบางแสนได้อย่างชัดเจน พระอาทิตย์เริ่มตกลงไปที่ขอบฟ้าช้า ๆ บนท้องทะเลมีเรือเล็กเรือใหญ่ลอยไปมา น้ำสีฟ้าใสสะท้อนท้องฟ้ายามเย็นงดงาม ลมพัดอ่อย ๆ อากาศเย็นสบาย ผมลงจากเขาลงไปที่ด้านล่าง แวะไหว้เทพเจ้ากวนอูและเจ้าแม่กวนอิมหยกขาวในศาลเจ้าริมทะเล พร้อมกับนั่งลงที่ม้านั่งใกล้รูปปั้นเสื้อแกะจากหินดูน่าเกรงขาม ชมวิวพระอาทิตย์ตกจนลับท้องทะเลกับฟังเสียงคลื่นที่โหมกระทบโขดหินเป็นระยะ ๆ พร้อมกับอ่านคำตอบเรื่องทางรถไฟมาเกาะลอยที่เด้งขึ้นมาในจอสมาร์ทโฟนหลังจากที่ผมจิ้มถามไปก่อนหน้านี้ว่า ปี พ.ศ. 2451 เจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี อดีตเสนาบดีสมัยนั้น ได้ก่อตั้งบริษัทเพื่อรับสัมปทานทำไม้กระยาเลยครอบคลุมพื้นที่ในเขตชลบุรี โดยขนส่งซุงไม้ด้วยรถจักรหัวไอน้ำจากฝั่ง ผ่านเกาะลอยไปยังจุดสำหรับเป็นท่าเทียบเรือเพื่อขนส่งไปขายทั้งในและต่างประเทศ ต่อมาขาดทุนและล้มละลาย สะพานรถไฟจึงถูกรื้อออกและมีการสร้างสะพานไม้ไปยังเกาะลอยแทน อ่านเรื่องราวทางรถไฟข้ามไปที่เกาะลอยจบ เหมือนจะได้ยินเสียงหวูดจากหัวรถจักรไอน้ำและเสียงซุงไม้กระทบกันแทรกผ่านคลื่นทะเลมา.......ไม่ไหวล่ะ ตอนนี้ก็มืดแล้ว กลับดีกว่าครับ การเดินทาง : หากมารถส่วนตัว ขับรถไปที่เกาะได้เลย มีที่จอดบนเกาะสะดวกมาก หรือหากมารถโดยสาร ขอให้ตั้งต้นที่โรบินสันศรีราชา จากนั้นนั่งวินมอเตอร์ไซค์หรือจ้างสามล้อไปส่ง แต่ถ้าเป็นสายเดิน เดินไปก็ได้ครับระยะทางแค่ 2 กิโลเมตรเท่านั้นเอง พิกัดที่ตั้ง : Map เวลาทำการ : 05.00-22.00 น. ภาพประกอบทั้งหมดถ่ายโดยผู้เขียน : อนุญาตให้ใช้เพื่อการศึกษาได้ฟรี