วิชาแคมป์ปิ้ง101 : เริ่มต้นจะไปกางเต็นท์ทั้งที ของอะไรที่จำเป็นบ้าง? "ถ้าคุณไปเที่ยวแล้วคุณรู้สึกเบื่อความจำเจที่ต้องไปนอนห้องพักแบบเดิมๆ" "ถ้าคุณอยากสัมผัสการนอนท่ามกลางธรรมชาติ ป่าไม้สีเขียว ตื่นเช้ามาอากาศสดชื่นเย็นสบาย และมีเพดานเป็นดวงดาวบนท้องฟ้าให้แหงนหน้าชมในตอนกลางคืน" "ถ้าคุณอยากไปเที่ยวกันแบบหมู่คณะ และ มีกิจกรรมสันทนาการร่วมกันกับญาติพี่น้องและมิตรสหาย" "ถ้าคุณอยากไปใช้ชีวิตเดินเขา บุกป่า ข้ามลำห้วย สัมผัสความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติและท้าทายตัวเอง" การออกไป "กางเต็นท์"อาจจะตอบโจทย์คุณก็เป็นได้ แต่ปัญหามันดันเกิดขึ้นเพราะว่า มือใหม่อย่างเรา "ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร" และ "ไม่รู้จะเลือกเตรียมอุปกรณ์อะไรไปบ้าง" เพราะทุกวันนี้ก็มีอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับเต็นท์และการเดินป่าให้เลือกมากมาย วันนี้เราจะมาแนะนำอุปกรณ์พื้นฐานที่จำเป็นทั้งหมด 6 อย่าง เพื่อใช้สำหรับการออกไปกางเต็นท์ในทุกครั้งกันครับ 1. เต็นท์ (Tent) - แน่นอนว่าก่อนจะไปกางเต็นท์ อุปกรณ์ที่สำคัญที่สุดคือคุณก็ต้องมีเต็นท์ก่อน แต่ตัวเต็นท์เองก็มีหลายชนิด ดังนั้นคุณต้องเลือกเต็นท์ให้เหมาะสมกับการใช้งานของคุณด้วย สำหรับใครที่ไม่รู้จะเลือกเต้นอย่างไร เรามีวิธีการเลือกเต็นท์แบบง่ายๆ ก็คือ ขนาดของเต็นท์ ให้พิจารณาจากจำนวนของผู้นอน (โดยขอแนะนำว่าให้เลือกขนาดของเต็นท์ + 1 คนไว้เป็นอย่างน้อย) เพื่อการเผื่อให้พื้นที่สำหรับการใส่สัมภาระที่เอาติดตัวไป และจะทำให้นอนสบายพักได้อย่างไม่อึดอัดจนเกินไปอีกด้วย ชนิดของผ้าเต็นท์ ไม่ควรบางจนเกินไปเพราะจะทำให้ฝนและน้ำค้างซึมเข้ามาภายในเต็นท์ได้ แต่ก็ไม่ควรหนาจนเกินไปเพราะจะทำให้ร้อนเมื่อนำไปกางในฤดูร้อน หรือ บริเวณที่มี อุณหภูมิไม่เย็น มีลมและความชื้นในอากาศน้อย (ร้อนไม่พอแถมยังหนักอีกด้วย) ชนิดของเต็นท์ สำหรับมือใหม่หัดกาง ควรใช้ "เต็นท์แบบโดม" และ "แบบป๊อปอัพ" ก่อนเพราะจะกางง่ายกว่า จากนั้นอาจจะเลือกชื้อ "แบบคาบิน" ที่เหมาะสำหรับการไปเป็นหมู่คณะ หรือ "แบบกระโจม" ที่มีความสวยงามแต่วิธีกางที่ยากขึ้นได้เมื่อชำนาญแล้ว มีช่องระบายอากาศที่เพียงพอ เพื่อให้อากาศสามารถถ่ายเทได้ และถ้าจะให้ดีควรเป็นเต็นท์ที่มี Fly Sheet หรือ Rain fly ซึ่งเป็นผ้าใบกันฝนและน้ำค้าง ติดบริเวณด้านบนของเต็นท์อีกชั้นด้วย วัสดุโครงสร้างต้องแข็งแรง และจะเยี่ยมมากถ้ามีน้ำหนักรวมของเต็นท์เบา เพราะจะช่วยให้เราสะดวกในการขนย้าย สามารถแบกเข้าไปในป่าลึกหรือบริเวณที่สูงชันได้สะดวกขึ้น Tip: หากยังไม่มีเต็นท์และไม่แน่ใจว่าจะชื้อชนิดไหนจริงๆ ในหลายพื้นที่ที่ให้บริการจุดกางเต็นท์ มักจะมีเต็นท์ให้เช่าให้บริการอยู่แล้ว ฉะนั้นแล้วลองไปใช้บริการเต็นท์เช่าดูสักครั้งก่อนก็ได้ ก็จะรู้เองว่าชนิดและขนาดแบบไหนที่เหมาะสมสำหรับการใช้งานในแบบของตัวเอง 2. Tarpaulin หรือ ทาร์ป (Tarp) - ทาร์ป เป็นผ้าใบที่นำมากางแยกออกจากตัวเต็นท์ ปกติแล้วจะกางด้านบนของเต็นท์อีกชั้นขึ้นไป ประโยชน์ของทาร์ปคือ การช่วยป้องกันแดด กันฝน กันน้ำค้าง ช่วยยืดอายุการใช้งานของเต็นท์ และนอกจากประโยชน์ที่ใช้กับตัวเต็นท์แล้ว ทาร์ปยังสามารถนำมากางบริเวณพื้นที่โล่ง เพื่อสร้างพื้นที่ร่มสำหรับใช้ทานอาหาร และทำกิจกรรมต่างๆได้อีกด้วย - ทาร์ปเป็นอุปกรณ์ที่จำเป็นอย่างยิ่ง ถ้าคุณไปกางเต็นท์ในช่วงฤดูฝน นอกจากนี้หากบริเวณที่คุณไปกางเต็นท์มีความชื้นมาก เช่นบริเวณป่าดิบชื้น จะมีน้ำค้างลงแรงมาก อาจจะทำให้น้ำซึมเข้าไปภายในเต็นท์ เป็นอันตรายต่ออุปกรณ์ และ สุขภาพของคุณได้ Tip: ทาร์ปที่คุณจะชื้อ เสาควรจะมีความแข็งแรง มีขนาดที่เหมาะสมการใช้งาน ชนิดของผ้าใบกันแดดกันฝนได้ดี 3. Ground Sheet กราวด์ชีท - กราวด์ชีท หรือผ้าใบปูพื้น ควรจะมีติดตัวเอาไว้ทุกครั้งเมื่อจะไปกางเต็นท์ เป็นตัวช่วยรองพื้นของเต็นท์ หรือจะใช้เป็นตัวปูรองพื้นที่สำหรับนั่ง และทำกิจกรรมต่างๆได้ ประโยชน์ของ กราวด์ชีทคือ ช่วยยืดอายุการใช้งานของเต็นท์ ป้องกันไม่ให้เต็นท์สัมผัสพื้นโดยตรง ทำให้เต็นท์ไม่เปื้อนและยังป้องกันน้ำบริเวณด้านล่างของเต็นท์อีกด้วย Tip: กราวด์ชีทไม่จำเป็นจำต้องมีราคาที่แพง แต่คุณสมบัติที่ต้องมีคือ มีความหนาและทนทานพอสมควร เพื่อที่จะป้องกันการฉีกขาดจากการกดทับและทำให้เกิดการขาด หรือ รั่วซึมได้ เช่น ผ้าใบลายฟ้าน้ำเงินที่พบเห็นได้ทั่วไป ก็สามารถใช้งานได้แล้ว 4. ถุงนอน (Sleeping bag) ที่ปูรองนอน (Camping mattress) และ หมอน (Pillow) - ที่ปูรองนอน มีไว้สำหรับปูภายในเต็นท์ ทำให้พื้นภายในเต็นท์ของเรานุ่มเพราะไม่ต้องสัมผัสกับผ้าใบของเต็นท์โดยตรง ทำให้เรานอนในเต็นท์ได้อย่างสบายขึ้น ไม่เกิดอาการปวดหลังจากนอนบนพื้นที่แข็ง หรือเป็นหลุมเป็นบ่อ ที่รองนอนมีทั้งแบบแผ่นปู และแบบเป่าลม โดยแบบแผ่นปูจะหนากว่าแต่จะพกพาได้ยากกว่าแบบเป่าลม - ถุงนอน โดยปกติแล้วจะเหมาะสำหรับการใช้งานในฤดูหนาวที่มีอากาศเย็นจัด แต่ก็สามารถกางออกเพื่อทำเป็นผ้าห่มหรือที่รองนอนแทนได้เมื่ออากาศไม่ได้มีความหนาวเย็นมากนัก - หมอน ควรจะพกไว้ เพราะเมื่อคุณนอนต่างสถานที่ การมีหมอนรองบริเวณศีรษะจะช่วยให้นอนได้โดยไม่รู้สึกปวดคอ และ หลับได้ง่ายยิ่งขึ้น (อาจจะใช้กระเป๋าหรือผ้าห่มแทนได้) Tip: สำหรับผู้ที่นิยมการเดินป่าเพื่อเข้าไปในป่าลึก หรือ บริเวณที่ลาดชัน แนะนำให้ใช้แบบเป่าลม เพราะจะลดการใช้พื้นที่ช่องเก็บสัมภาระในเป้ และสามารถนำไปใส่สิ่งของที่จำเป็นอย่างอื่นได้ 5. อุปกรณ์ให้ความสว่าง - อุปกรณ์ให้ความสว่าง นั้นจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการใช้งานในช่วงพลบค่ำเป็นต้นไป เพราะหลังจากพระอาทิตย์ตกแล้ว บริเวณจุดกางเต็นท์ส่วนใหญ่ มักจะไม่มีแสงสว่างเพียงพอสำหรับการใช้งาน ทำให้ทั้งภายนอกและภายในเต็นท์มืดจนมองอะไรไม่เห็น อาจจะก่อให้เกิดอันตรายแก่คุณและผู้เข้าพักร่วมกับคุณได้ ดังนั้นคุณจึงควรเลือกหาอุปกรณ์ให้ความสว่างไปด้วยทุกครั้ง - ปัจจุบันมี อุปกรณ์ให้ความสว่างจำหน่ายมากมาย เช่น โคมไฟพกพา, ไฟฉายพกพา, ไฟประดับ และอื่นๆ แต่ถ้าคุณไม่สามารถหาได้จริงๆ ก็ใช้แสงไฟแฟลชจากโทรศัพท์มือถือของคุณชดเชยได้ หรืออาจจะการก่อกองไฟและการจุดตะเกียงเพื่อมาทดแทนอุปกรณ์ดังกล่าวได้ Tip: การจุดกองไฟบริเวณด้านหน้าของตัวเต็นท์ก็สามารถให้ความสว่างแก่บริเวณเต็นท์ได้ แต่จะต้องศึกษาก่อนว่าบริเวณดังกล่าวอนุญาติให้จุดไฟได้หรือไม่ และจะต้องดับไฟให้สนิททุกครั้งหลังจากใช้งานหรือก่อนที่จะเข้านอนภายในเต็นท์ เพื่อป้องกันอันตรายจากไฟ 6. ยาและอุปกรณ์การแพทย์ - ยาเป็นหนึ่งในปัจจัยที่จำเป็นของมนุษย์อยู่แล้ว แต่การไปเต็นท์ก็ไม่จำเป็นจะต้องยกตู้ยาสามัญประจำบ้านไปหรือว่าขนยาทุกอย่างที่มีในบ้านไปด้วย เพียงแต่ให้พกยาที่จำเป็น เช่น ยาแก้เมารถ ยาแก้ไข้หวัด ยาแก้แพ้ ยาทาป้องกันแมลง และ ยาประจำสำหรับผู้มีโรคประจำตัว Tip: นอกจากยาที่ได้แนะนำไว้ด้านบนแล้วควรพก ยาทำแผล ผ้าก๊อซ และพลาสเตอร์ปิดแผลชนิดกันน้ำ เอาไว้สักนิด เพื่อปฐมพยาบาลหากเกิดอุบัติเหตุที่พบบ่อย เช่น มีดบาด หินตำเท้า แผลที่เกิดจากกิ่งไม้หรือหนามเกี่ยวผิวหนังด้วย สุดท้ายนี้เมื่อคุณมีสิ่งของจำเป็นทั้งหมด 6 อย่างแล้ว ก็ถึงเวลาของการแบกของทั้งหมดไปยัง บริเวณจุดกางเต็นท์ที่ต้องการได้แล้วครับ ข้อแนะนำเพิ่มเติม หากคุณต้องการ การเดินป่าทางไกลแบบค้างแรม Trekking หรือ ต้องการเข้าไปกางเต็นท์ในพื้นที่ที่รถไม่สามารถเข้าถึงได้ ควรเลือกชื้ออุปกรณ์ที่มีโครงสร้างแข็งแรงแต่น้ำหนักเบา (ราคาก็จะสูงขึ้นด้วย) และอุปกรณ์ที่มีขนาดพกพาที่เล็ก จะช่วยผ่อนแรงในการเคลื่อนย้ายมากและสามารถเหลือพื้นที่ไว้สำหรับอุปกรณ์อื่นได้ แต่ถ้าหากคุณเป็นสาย Car Camping ซึ่งสามารถใช้รถขนไปยังจุดกางเต็นท์ได้ ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องคำนึงถึงน้ำหนักมากนัก แต่จะเน้นไปที่ความคงทนของอุปกรณ์และประโยชน์ใช้สอยมากกว่า (อะไรขนไหวก็ขนไปเถอะครับ "เยอะดีกว่าขาด" เข้าว่า) "ขอให้สนุกกับการกางเต็นท์ครับ" Credit pictures: Picture1(header)รูปภาพโดยผู้เขียน, Picture2(Tent),Picture3(Tent2), Picture4(Tarp),Picture5(Groundsheet), Picture6(pillow),Picture7(Sleeping bag),Picture8(mattress),Picture9(Prepare),Picture10(รูปภาพโดยผู้เขียน),Picture11(Aid)