ชีวิตที่เสพติดในเมืองหลวง แข่งขัน เร่งรีบ จนบางครั้งเรามองข้าม รายระเอียดที่สำคัญในชีวิตไป ผมในฐานะผู้เขียนที่เคยใช้ชีวิตแบบเสพติดการ เร่งรีบ ตื่นนอนตั้งแต่เช้ามาอยู่บนท้องถนน ขึ้นบนทางด่วนที่ไม่ได้ด่วนแบบชื่อ มาอย่างยาวนานจนลืมเรื่อง ที่อยากทำในชีวิตไปหลายอย่าง บางครั้งหดหู่ ท้อในใจ สะกดเป็นเพียงคำว่า งาน งาน งาน เงิน เงิน เงิน และยิ่งด้วยอาชีพที่ต้องเชื่อมโยงกับคนอื่น ผู้คนมากมายด้วยแล้วทำให้มีผลกระทบต่อทางร่างกาย จิตใจ ทวีคูณความบอบช้ำเป็นสองเท่า นี่คือของแถมจากการทำงานเป็นบ้าเป็นหลัง รางวัลที่ไม่ได้อยากได้จากเมืองที่ผมอาศัยมาทั้งชีวิต วันนี้ผมตัดสินใจขอออกเมืองหลวงไปเสพ สิ่งที่ไม่เคยได้จากป่าคอนกรีต อากาศที่ดี ยังไงล่ะ ทริปนี้ผมเลือกไปที่จังหวัดน่าน บนดอยสูงจากระดับน้ำทะเล 1380 เมตร ในอำเภอ นาน้อย ห่างจาก กรุงเทพมหานคร ราว 600 กว่ากิโลเมตร ดินแดนที่มีเมฆหมอกลอยผ่านตัว มีต้นไม้หลากหลายนานาพรรณ มีต้นพญาเสือโคร่ง บานสะพรั่งเป็นสีชมพู หลายคนก็เรียก ต้นไม้ชนิดนี้ ว่าซารากุระ เมืองไทย จะพบเห็นมากในภาคเหนือของประเทศไทย อย่างจังหวัด เชียงใหม่ แม่ฮองสอน เชียงราย หาชมได้ที่ ขุนเม่ยะ ขุนช่างเคี่ยน ดอยแม่สลอง ดอยอินทนนท์ อ่างข่าง เป็นต้น ที่ภาคอีสานก็จะพบได้ที่ภูลมโล แต่ที่ผมจะมาแนะนำในวันนี้ มีชื่อว่า “อุทยานแห่งชาติขุนสถาน” ตั้งอยู่ที่ อำเภอนาน้อย จังหวัดน่าน การเดินทางก็ไม่ยากไม่ง่ายจนเกินไป ใช้ google map ช่วยได้เลย ผมใช้รถ รุ่นทะเล ของค่าย S เครื่องยนต์ 1300 ซีซี ยังไปถึงไม่ยากนักแต่ก็ลุ้นเหมือนกัน แถมยังผู้ติดตามอีก 4 คน พร้อม สัมภาระ อาหาร เครื่องดื่ม ครบครัน ฮ่า ฮ่า ระหว่างทางเต็มไปด้วยภูเขา สลับ ๆ กันไปมา มีจุดชมวิวเป็นระยะ ๆ เรื่องกินไม่ต้องห่วง กลัวจะหาของกินไม่ได้ ข้างทางมีชาวบ้านท้องถิ่น ตั้งแผงขายผลผลิตให้เห็นอยู่บ้าง รวมไปถึง จุดบริการของอุทยาน อย่างเพียบพร้อม ครบเครื่องเรื่องบะหมี่สำเร็จรูป หึ หึ ถ้าอยากรู้จักคำว่าฟินมากขึ้นไปอีก ในบรรยากาศแบบคงหนีไม่พ้นการนอนกางเต๊นท์ รับโอโซนที่ต้นไม้ผลิตให้ด้วยความเต็มใจพร้อมตื่นมาในเวลาเช้าพร้อมกาแฟอุ่น ๆ เสริฟ์พร้อม ขนมปังปิ้ง ไข่ลวก โอ้โหเพลินจนลืมกรุงเลยเชียว บริเวณอุทยานมีที่ให้กางเต๊นท์ หลากหลายลานให้เลือก ห้องอาบน้ำ ห้องสุขา สะอาดสะอ้าน สำหรับผมที่พา สอวอ (ผู้สูงวัย) มารับโอโซนด้วย มักจะชอบเลือกสถานที่ ที่ไม่ไกลจากห้องน้ำมาก เผื่อกลางดึกกลางดื่น ปวดหนักปวดเบา จะได้เดินไม่ไกลนัก จากจุดพักกางเต๊นท์เดินออกกำลังกายในยามเช้ามาสักระยะ หรือ ใครจะขับรถมาก็ได้ จะพบสถานีวิจัยต้นน้ำขุนสถาน บริเวณนี้จะมีต้นพญาเสือโคร่ง ให้เราได้ถ่ายรูป เซลฟีสร้างสตอรี่อัพขึ้นเฟสบุ๊ค ให้เพื่อนร่วมงานที่อยู่แดนไกล ได้ตาร้อนกัน อยู่หลายต้นด้วยกัน ถ้าไม่อยากพลาดช่วงเวลา ที่ดอกเป็นสีชมพูสพรั่งแนะนำให้โทรถามเจ้าหน้าก่อนเดินทาง เพื่อจะไม่ได้พลาดโอกาสช่วงเวลาที่ดีช่วงหนึ่งของอุทยานแห่งชาติขุนสถาน สุดท้ายนี้ผู้เขียนขอให้ทุกคนได้ไปสัมผัสกับบรรยากาศที่สุดแสนจะวิเศษได้อย่างมีความสุขและชาร์ตพลังให้เต็มที่เพื่อต่อสู้กับวิถีในเมืองหลวงกันต่อไปนะครับ ขอเป็นกำลังใจให้ครับ และพบกันในบทความต่อไปครับ