(ภาพปกจากหน้าเว็บไซต์ https://www.thaibookfair.com) จำได้ว่าผมไปงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติครั้งแรก ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เมื่อสักประมาณ 15 ปีที่แล้ว ไม่น่าเชื่อว่าหลังจากนั้นมา ผมก็กลายเป็นหนอนหนังสือไปโดยไม่รู้ตัว และไม่พลาดที่จะเป็นงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติทุกๆ ปี ทั้งงานที่จัดช่วงต้นปีและปลายปี (กลายเป็นว่าปีหนึ่งไปสองครั้งเลย) เพราะพฤติกรรมส่วนตัว เวลาเจอหนังสือที่ถูกใจเล่มไหนก็จะจด ๆ เอาไว้ก่อน ไม่ยอมไปซื้อตามร้าน พอถึงวันงานผมก็มักจะมีลิสรายการหนังสือไม่ต่ำกว่า 10 เล่ม ที่เหมือนเข็มทิศบอกทางในการที่จะไปเดินตามหาในงานนั่นเอง มีคนเคยบอกผมว่า ในงานถึงจะได้ราคาลด 10-15% ก็เถอะ หาซื้อตามร้านปกติก็ได้สบายกว่าแยะ ดีกว่าไปเบียดเสียดแออัดกัน ผมก็เห็นด้วยนะ แต่ที่ผมชอบที่จะไปทุกครั้ง เพราะมันได้ประสบการณ์อะไรบางอย่างที่มากกว่า การซื้อหนังสือราคาถูก มันทั้งสนุกและน่าตื่นเต้นจริ งๆ สำหรับคนรักหนังสือนะผมว่า และทุกครั้งที่ไปเดินงานนี้ ถึงแม้ผมจะมีลิสต์หนังสือมาแล้ว แต่ผมจะเริ่มภาระกิจโดยการเดินไปมันทุกตรอกซอกซอยของบูธหนังสือที่มาเปิด ที่เริ่มตั้งแต่โซนเพลินนารี ฮอลล์, โซนซีทั้งชั้น 1 และ 2, โซนพลาซ่า และทุก ๆ โซนที่มีงาน ไม่แปลกใจเลยว่าทุก ๆ ครั้งที่ไปงาน ผมมักจะได้หนังสือมามากกว่าที่ผมลิสไว้เสมอ ซึ่งผมว่ามันเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นที่สุด กับการเดินไปเจอหนังสือใหม่ หลากหลายที่เราไม่รู้จักมาก่อน แต่มันน่าสนใจ แล้วเราก็สามารถซื้อมันได้เลย เพราะไม่ต้องจดเข้าลิสอีกแล้ว ความสนุกมันอยู่ตรงนี้ (ภาพถ่ายโดยผู้เขียน) ส่วนบูธที่ผมมักจะแวะเวียนไปเสมอ บูธแรกเลยก็คือ วีเลิร์น เป็นบูธที่คนเริ่มมากขึ้นในทุกๆ ปี เพราะด้วยหนังสือที่น่าสนใจมีหลายๆ เล่ม ส่วนใหญ่จะหนักไปทาง How to และที่ผมชอบคือ นอกจากหนังสือแปลจากทางฝั่งตะวันตกแล้ว ที่นี่ยังมีหนังสือดีๆ ที่แปลจากฝั่งตะวันออกเช่น ญี่ปุ่น เกาหลี เป็นต้น ที่ชอบสุดๆ ก็คือ คิดแบบยิว ทำแบบญี่ปุ่น นั่นเอง (ภาพถ่ายโดยผู้เขียน) ส่วนบูธต่อไปที่ต้องแวะเวียนมาคือ บูธมติชน ที่มาบูธนี้ไม่ใช่เพราะใคร เพราะผมเป็นแฟนคลับของคุณหนุ่มเมืองจันท์เขาเลยซื้อทุกเล่มในซีรีส์ชุด ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ วันไหนไปโชคดีเจอคุณหนุ่ม ผมก็จะไปยืนต่อแถวขอลายเซ็นในหนังสือด้วยครับ ส่วนอีกบูธก็ต้องแวะ เพราะเป็นแฟนคลับของเขาเหมือนกัน คือ บูธของคุณวินทร์ เลียววาริณ เป็นบูธที่วางหนังสือแบไว้เลย เลือกง่าย หยิบง่าย แถมบางทีเจอคุณวินทร์ เราก็ไม่ลืมที่จะต้องขอลายเซ็นอีกเช่นกัน (ภาพถ่ายโดยผู้เขียน) เล่าแล้วก็คิดถึงบรรยากาศเก่าๆ ที่เราไปเดินงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติทุกครั้ง ที่นอกจากจะซื้อหนังสือแล้ว ยังมีนิทรรศการดี ๆ มาให้เราได้ดูกันด้วย และยังภาพคนเบียดเสียดตามบูธต่าง ๆ ที่เห็นได้ชัด คือ พวกบูธหนังสือวัยรุ่น ๆ ทั้งแจ่มใส นิ้วกลม abook เป็นต้น เสียงคนที่เดินใส่ชุดคอสเพลย์ต่าง ๆ เชิญชวนให้ไปซื้อหนังสือที่บูธนั้นบูธนี้ เสียงประกาศเตือนภัยระวังมิจฉาชีพจากพี่ รปภ. (ที่เปิดจาก โทรโข่ง) และที่พีคสุดคือ การต่อแถวหอบหนังสือกันพะรุงพะรัง เพื่อเข้าคิวที่บูธของไปรษณีย์ เพื่อทำการจัดส่งหนังสือนั่นเอง เป็นความคิดถึงที่เกิดขึ้นกับงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ และในช่วงนี้ของทุกปีเช่นกันจะมีงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติที่จัดขึ้น แต่ตอนนี้อย่างที่เรารู้ๆ กันว่า เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทางผู้จัดเล็งเห็นถึงความปลอดภัยและความรับผิดชอบต่อผู้คนจำนวนมาก เพราะงานหนังสือเป็นการรวมตัวของผู้คนจำนวนมากจากทุกสารทิศ และในงานยังมีการพบปะพูดคุยกันอย่างใกล้ชิด และที่สำคัญความแออัดตลอดงาน จากประสบการณ์ที่ผมเล่าให้ฟังจากงานสัปดาห์หนังสือก่อนหน้า ทำให้ครั้งนี้ผู้จัดเปลี่ยนมาเป็น จัดงานแบบ Online แทน ซึ่ง งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติครั้งที่ 48 (Online Book Fair) จัดขึ้นวันที่ 25 มี.ค.- 5 เม.ย. 63 เป็นการรวบรวมสำนักพิมพ์กว่า 200 แห่ง แถมยังมีโปรโมชั่นกดรับส่วนลดได้ด้วย อีกทั้งยังสามารถช้อบกันได้ตลอด 24 ชม. เลย ซึ่งผมลองเข้าไปดูแล้วถึงแม้เราจะไม่ได้บรรยากาศเหมือนเก่าๆ แต่ประสบการณ์ใหม่ๆ ที่ได้มา คือ การเลือกหนังสือที่น่าสนใจได้ง่ายขึ้น แล้วยังมีการทำสรุปหนังสือขายดี หนังสือออกใหม่ หนังสือที่บรรณาธิการต่างแนะนำ ผมว่ามันน่าจะช่วยให้คนที่ไม่สนใจอ่านหนังสือ และไม่เคยคิดจะไปงาน อยากลองหาอ่านหนังสือดูสักเล่ม แก้เบื่อที่ช่วงนี้เราต้องมี Social Distance แม้ช่วงนี้เหตุการณ์จะยังไม่เป็นปกติ ทำให้เราต้องเว้นระยะห่างกันมากขึ้นในสังคม แต่ก็อย่าให้สมองเราต้องเว้นระยะห่างจากความรู้ดีๆ ที่ได้จากหนังสือสักเล่มเลยนะครับ ลองไปเที่ยวงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ กันดีกว่าครับ > งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติครั้งที่ 48 (Online Book Fair)