“จะไปไหนดีนะ? เที่ยวที่ไหนดี? จังหวัดไหนที่เที่ยวสวยๆ? ที่ไหนฮิตและคนชอบไป?” คำถามนี้เกิดขึ้นในหัวสมองของหญิงสาวคนหนึ่งเสมอ เมื่อเธอคิดอยากจะไปเที่ยวที่ไหนสักแห่ง เธอมักชอบที่จะไปเที่ยวไกลๆบ้านอย่างต่างจังหวัด เพราะมันทำให้รู้สึกว่าได้เปลี่ยนบรรยากาศ เปลี่ยนที่ เปลี่ยนความรู้สึก แต่พอวันนี้ ตอนนี้ ความคิดของเธอได้เปลี่ยนไปจากเดิมหลังจากที่ได้ไปสัมผัสกับสถานที่ที่ธรรมชาติได้สรรสร้างไว้ให้อย่าง “หาดสวนหิน” ทะเลน้ำจืดของดีถิ่นวาริชภูมิ จังหวัดสกลนคร เช้าที่สดใสของวันที่แสนจะธรรมดา มันทำให้อยากไปที่ไหนสักแห่งเพราะรู้สึกว่าอยู่บ้านมานานเกินไปในช่วงที่มีสถานการณ์โควิด-19 จะไปไหนก็ยากลำบาก แต่ใจก็เรียกร้องว่าอยากเที่ยวก็เลยลองคิดดูว่าใกล้ๆบ้านเรามีที่ไหนน่าไปบ้าง จนนึกได้ว่าเมื่อต้นปีที่แล้วได้มีโอกาสไปเที่ยวที่หาดสวนหิน บ้านดงคำโพธิ์ เพราะช่วงนั้นกระแสดีมากคนไปเยอะจนไม่มีที่จอดรถ มองไปที่ไหนก็เจอแต่คน และหลังจากนั้นเราก็ไม่ได้ไปอีกเลย จนกระทั่งวันนี้เลยขอตัดสินใจกลับไปที่นั่นอีกครั้ง.. “ไปเที่ยวหาดสวนหินกัน พี่อยากไป ไม่ได้ไปนานแล้ว ไปด้วยกันไหม? ” ข้อความถูกส่งผ่านchat ไปหาอีกฝ่ายที่เป็นรุ่นน้องที่สนิทกันมากๆ “ไปก็ไป อยากไปอยู่พอดี” ข้อความตอบรับถูกส่งกลับมาอย่างรวดเร็วทันใจอย่างกับรอให้ชวนอยู่พอดี เวลา 10 โมงเช้า ทุกอย่างเตรียมพร้อม ทั้งกล้องถ่ายรูป แก้วน้ำส่วนตัว ถุงผ้า หมวก และหัวใจที่พร้อมจะไปดื่มด่ำกับธรรมชาติอย่างเต็มที่ เสียงมอเตอร์ไซค์ คู่ใจดังขึ้นพร้อมออกตัวเดินทาง เราขับรถกันมาได้ 7 กิโลเมตร ก็มาถึงจุดหมาย สิ่งแรกที่ทำเอาเราสะดุดตาอดที่จะมองไม่ได้ คือ ป้ายขนาดใหญ่ที่มีข้อความว่าจุดเช็กอินหาดสวนหินถิ่นวาริชภูมิ@สกลนคร และแน่นอนว่าด่านแรกที่เราต้องเจอคือจุดคัดกรองและลงชื่อก่อนที่จะเข้าสถานที่ตามมาตรการของรัฐบาล หลังจากที่หามุมจอดรถร่มๆได้แล้ว ก็พากันแบกสัมภาระที่เตรียมมาเดินตรงดิ่งเข้าไปยืนอยู่หน้าโขดหินใหญ่ที่เรียงตัวเหมือนขั้นบันได สายตาทั้งคู่จับจ้องไปยังภาพที่อยู่ตรงหน้าอย่างสุดลูกหูลูกตา วันนี้ท้องฟ้าปลอดโปร่ง หันไปทางไหนก็เจอแต่ก้อนเมฆสีขาวดั่งปุยนุ่นจับตัวรวมกันเป็นก้อนๆ มีทั้งต้นไม้น้อยใหญ่เขียวชอุ่มไปทั่วบริเวณรับรู้ได้ถึงความอุดมสมบูรณ์ สายลมพัดโชยมาปะทะที่หน้าทำให้รู้ว่าอากาศที่นี่บริสุทธิ์มากๆสามารถหายใจได้เต็มปอดกันเลยทีเดียว ทุกคนอาจสงสัยว่าทำไมถึงเรียกที่นี่ว่า “ทะเลน้ำจืด” เพราะหมู่บ้านดงคำโพธิ์ตั้งอยู่ติดกับริมเขื่อนน้ำอูน ซึ่งเป็นที่กักเก็บน้ำเอาไว้ใช้ตอนช่วงฤดูแล้ง จึงทำให้น้ำที่นี่เป็นน้ำจืดไม่ใช่น้ำทะเลจริงๆ สำหรับภาคอีสานแล้ว..แน่นอนว่ามันไม่มีทางที่จะมีทะเลได้ ด้วยภูมิศาสตร์ และพื้นที่ แต่ใครจะคิดล่ะว่าธรรมชาติได้เสกสรรความมหัศจรรย์นี้ไว้ให้พวกเราแล้ว ผืนทรายที่ทอดตัวยาวไปกว่าร้อยเมตรมันสามารถดึงความรู้สึกเหมือนว่าเรากำลังอยู่ที่ริมทะเล อีกฟากฝั่งก็โอบล้อมไปด้วยเขาภูพาน จึงทำให้คนที่ได้มาเห็นที่นี่จำกัดนิยามว่า “ทะเลน้ำจืด” หลังจากที่เชยชมกับบรรยากาศเสร็จ เราตัดสินใจกันว่าถึงเวลาที่จะต้องไปหาอะไรกินกันได้แล้ว เดินไปไม่กี่ก้าวเราก็จะเจอกับร้านขายของ ขายอาหารของชาวบ้านที่มีลักษณะเป็นเพิงไม้ตั้งอยู่เรียงรายกันเป็นแถว กลิ่นปลาเผาหอมอบอวลลอยมาชวนให้หิว เสียงสากที่ตำกระทบกับครกทำให้นึกถึงส้มตำที่แค่คิดก็น้ำลายไหลแล้ว ร้านขายน้ำ ขายขนมก็มีเยอะพอที่จะรองรับกับนักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชม และมีอีกอย่างที่เรารู้สึกประทับใจมากคือชาวบ้านที่นี่น่ารักและเป็นกันเองสุดๆ ร้านค้าแต่ละร้านจะสร้างกระต๊อบไม้ไว้ให้นักท่องเที่ยวนั่งกินลมชมวิวกัน ซึ่งจำนวนกระต๊อบไม้ถ้าคาดเดาจากสายตาแล้วคือมีมากกว่าร้อยหลัง เราสามารถเลือกนั่งที่กระต๊อบก็ได้หรืออยากไปนั่งตามโขดหินใหญ่ๆก็ได้ ถือว่าเอาตามที่ตนเองสะดวกได้เลย นอกจากจะได้อยู่ใกล้ชิดกับต้นไม้ใหญ่ๆแล้ว ยังได้สัมผัสกับสัตว์ต่างๆที่แอบแวะมาเยี่ยมเยือนเราเป็นพักๆ น้องแต่ละตัวน่ารักมาก ไม่ว่าจะเป็น น้องหมา มด ไก่ ผีเสื้อ และนี่แหละคือธรรมชาติที่เราตามหา ส่วนสะพานไม้นั้นเป็นอีกหนึ่งมุมที่ชาวบ้านบ้านดงคำโพธิ์ช่วยกันสร้างขึ้นมาเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้มาถ่ายรูปเช็กอินกัน พอตกช่วงบ่ายสี่โมงแดดเริ่มอ่อน พวกเราก็เลือกที่จะเดินลงไปที่หาดทรายที่อยู่ไม่ไกลจากบริเวณร้านค้ามากนัก ก้าวแรกที่ได้เหยียบไปบริเวณหาดทราย ลักษณะทรายถือว่านุ่มพอสมควรมันอาจจะไม่ได้ให้ความรู้สึกเหมือนการไปที่หาดทรายสีขาวที่ทะเลจริงๆ แต่ก็ถือว่าพอทำให้เราได้บรรยากาศคล้อยตามได้เหมือนกัน และสิ่งที่ทำให้รู้สึก ว้าว!!! จนคิดว่ามันมหัศจรรย์มาก คือน้ำใสมาก ไม่คิดว่าจะใสขนาดนี้ เพราะเป็นน้ำที่มาจากเขื่อน แต่ใสจนให้ความรู้สึกว่าเหมือนได้ไปเหยียบน้ำทะเลของจริง หากลองก้มมองดูจะสามารมองเห็นปลาเล็กปลาน้อย และหอยได้เลย นอกจากนี้แล้วยังมีบริการให้เช่าห่วงยาง เสื่อ ร่ม เก้าอี้พับ เสื้อชูชีพ ซึ่งราคาเช่าถูกมากๆ แค่เพียงหลักสิบเท่านั้น ถือว่าคุ้มค่ากันเลยทีเดียว และภาพที่เห็นแล้วทำให้อดยิ้มตามไม่ได้คือจะมีทั้งกลุ่มเด็กน้อยที่พากันเช่าห่วงยางมาเล่น ทั้งคุณพ่อที่พาลูกน้อยมาสัมผัสกับธรรมชาติ มองไปทางไหนก็เจอแต่รอยยิ้มและเสียงหัวเราะ ตั้งแต่ก้าวแรกที่ได้มาเหยียบที่นี่ ทั้งจากการสัมผัส มองเห็น เราจะสามารถรับรู้ได้ถึงความเป็นธรรมชาติ ความตั้งใจ และความพยายามของชาวบ้าน ที่อยากจะให้ “หาดสวนหิน ทะเลน้ำจืดที่เปรียบเสมือนสมบัติของจังหวัดสกลนครอีกชิ้นหนึ่ง” นั้นเป็นสถานที่ที่ใครมาก็ต้องแบกความสุขและความทรงจำดีๆกลับไป สำหรับทริปนี้..แค่เพียงวันเดียวที่ได้มาสัมผัสกับธรรมชาติและชาวบ้านที่นี่ ทำให้เรารู้สึกว่าความสุขไม่จำเป็นต้องหาจากที่ไหนไกล ติดที่ว่าเราจะเลือกมองเห็นคุณค่า ความสำคัญของมัน หรือเลือกที่จะมองข้ามเพราะเพียงแค่ว่ามันอยู่ใกล้ตัวเรามากเกินไปเท่านั้น...