รีเซต

เที่ยวเขาใหญ่ นอนเต็นท์หรู ติดแอร์ Lalamukha Tented Resort 2 วัน 1 คืน ถ่ายรูปสวย ฟีลซาฟารี

เที่ยวเขาใหญ่ นอนเต็นท์หรู ติดแอร์ Lalamukha Tented Resort 2 วัน 1 คืน ถ่ายรูปสวย ฟีลซาฟารี
Filmthii
20 สิงหาคม 2561 ( 09:19 )
62.9K
32

        ในช่วงปลายฝนต้นหนาวปีนี้ มีแพลนจะออกไปเที่ยวที่ไหนกันบ้างหรือยังครับ ? ไหนๆ จะต้องออกไปเจอความเขียวชะอุ่ม และลมหนาวทั้งที ก็ต้องปักหมุด ลิส ที่เที่ยวธรรมชาติ หรือขึ้น ภูเขา ไปที่สูงๆ กันเลยดีป่ะ..ครั้งนี้เราจะพาทุกคนขับรถไปนอน เต็นท์หรู ติดแอร์ ที่ Lalamukha Tented Resort เขาใหญ่ 2 วัน 1 คืน เที่ยวใกล้กรุงเทพ กันครับ ถ้าอยากรู้ว่าชิลแค่ไหน ตามเราไปดูกันเลย

 

 

DAY 1

        "เก็บกระเป๋าเที่ยวต่อ..ไม่รอแล้ว" เสียงนาฬิกาตั้งปลุกดังขึ้นตอน 6 โมงเช้า บังคับให้เราลุกขึ้นจากเตียงนอน ไปอาบน้ำ แต่งตัว เตรียมพร้อมสำหรับการเดินทาง พาร่างกายพังๆ ไปพักผ่อนสูดโอโซนธรรมชาติกันที่เขาใหญ่ ทริปนี้เราไม่เหงา หรือโดดเดี่ยวอีกเช่นเคย เพราะเราได้เดินทางไปกับเพื่อนซี้อีกด้วย

        เราใช้เวลาเดินทางจากกรุงเทพฯ สู่ เขาใหญ่ จ.นครราชสีมา ประมาณ 2 ชั่วโมงนิดๆ โดยรถยนต์ส่วนตัว บอกได้เลยว่า เป็นการเดินทางที่ไม่เหนื่อย แถมไม่ไกลจากรุงเทพฯ เหมาะสำหรับการขับรถพาแฟน หรือครอบครัว ไปชิลมากๆ

        ก่อนจะแวะเข้าสู่ที่พัก เต็นท์หรู ติดแอร์ อย่างที่ Lalamukha Tented Resort เราก็ขอเพิ่มพลัง ชาร์จร่างกายด้วยกันแวะทานอาหารมื้อเที่ยงกันก่อน ที่ ร้านอาหารครัวจันผา ถนนเส้นธนะรัชต์ หากเดินทางมาจากกรุงเทพฯ ตัวร้านจะตั้งอยู่ทางขวามือนั่นเองครับ

 

 

        ร้านอาหารครัวจันผา เป็นร้านอาหาร บนเขาใหญ่ ที่เปิดเสิร์ฟความอร่อยมาอย่างยาวนานหลายปี แถมยังมีชื่อเสียงเป็นอย่างมากอีกด้วย บรรยากาศภายในร้านก็ชิล มีให้เลือกโซนที่นั่งทั้งแบบติดแอร์ และด้านนอก เมนูแนะนำประจำร้านอย่าง เมนูปลาช่อนเผาเกลือสูตรแม่ลาปลาเผา (350.-) ก็ห้ามพลาดเชียวนะ ! เพราะมันอร่อยจริงจัง จนหยุดไม่ได้ ความเด็ดก็คงอยู่ที่ตัวน้ำจิ้ม 3 แบบ 3 รสชาติ หื้มมม ฟินไปเลยทีเดียว ฮ่าๆ

 

 

        อีกเมนูที่เราว่าเด็ดไม่แพ้เมนูแรก ก็คือ เมนูกุ้งหลน (180.-) ที่ถูกเสิร์ฟมาพร้อมกับผักลวกจานโต รสชาติของกุ้งหลนดีเลยทีเดียว เนื้อด้านในก็เยอะ แน่นอีกด้วย ยิ่งทานควบคู่ไปกับผักลวก เข้ากันได้ดี แถมนอกจาก 2 เมนู เราก็ยังได้ลองสั่งเมนูอื่นๆ มาลองอีกด้วยนะครับ ถ้าใครอยากฟินเหมือนกับเราล่ะก็ อย่าลืมแวะเวียนกันไปดูนะ

        เมื่อทานอาหารมื้อเที่ยงจนอิ่มแล้ว เราก็ออกเดินทางมุ่งหน้าสู่ที่พัก Lalamukha Tented Resort กันเลย ! ใครอยากจะพักที่นี่เหมือนกับเราล่ะก็ สามารถเลือกใช้ถนนเส้นมิตรภาพ แล้วเลี้ยวเข้าสู่ถนนผ่านศึก-กุดคล้า ตรงร้านแดรี่โฮม มวกเหล็ก จากนั้นก็ขับรถตรงไปอีกเรื่อยๆ ไม่เกิน 30 กิโลเมตร ก็จะถึงที่พักแล้วล่ะครับ

 

 

        Lalamukha Tented Resort เป็นที่พักรูปแบบ เต็นท์หรู ติดแอร์ ฟีลซาฟารี นั่นเองครับ ในตัวรีสอร์ตมีพื้นที่กว้างขวาง แถมยังได้ใกล้ชิดกับทุ่งหญ้า ภูเขา เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งที่พักที่ได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติแบบสุดๆ อีกด้วย ใครที่ต้องการมาฟอกปอดใหม่ล่ะก็ "คุณมาถูกที่แล้วล่ะ"

 

 

        ก่อนอื่นเลย..เราต้องทำการเช็คอิน เพื่อเข้าสู่ห้องพักก่อนก่อนดีกว่าเนอะ ! ซึ่งทางที่พักที่นี่ มีห้องให้เลือกด้วยกัน 3 รูปแบบ ซึ่งแต่ล่ะรูปแบบก็จะมีความแตกต่างกันไปทั้งในเลือกของขนาด ความสะดวกสบาย และราคา ไม่ต้องกลัวว่าจะจินตนาการภาพไม่ออกนะครับ เพราะเราใจดี ! จะพาทุกคนเดินดูห้องทั้ง 3 แบบเลยครับ ฮ่าๆๆ

 

 

        เริ่มต้นกันที่ห้องพักรูปแบบ Eco Safari Tent ภายในเต็นท์จะประกอบไปด้วยเตียงใหญ่ 1 เตียง พร้อมโซฟาใหญ่อีก 1 ตัว เหมาะสำหรับใครที่อยากมานอนเล่นชิลๆ ฟีลแคมป์ ในราคาสบายกระเป๋า แม้ใครเลือกห้องรูปแบบนี้ จะต้องใช้ห้องน้ำรวม ร่วมกับเต็นท์อื่นๆ แต่ก็อย่าได้กังวลไป เพราะห้องน้ำ และห้องอาบน้ำของที่นี่ สะดวก สะอาด และดีเว่อร์ๆ

 

 

        ไปกันต่อที่ห้องพักรูปแบบ Deluxe Savanna Tent ที่ตอบโจทย์ใครที่อยากนอนเต็นท์หรู แถมมีห้องน้ำในตัวเต็นท์นั่นเองครับ ขนาดห้องก็ใหญ่ขึ้นมาอีกหน่อย รวมไปถึงเรื่องราคาด้วยเช่นกัน ฮ่าๆ อีกหนึ่งสิ่งที่เราชอบมากๆ ของที่พักที่นี่ก็คือ เรื่องการตกแต่งห้องภายใน ด้วยรูปภาพฝาผนัง ตุ๊กตาบนเตียงสัตว์ นานาชนิด อีกทั้งแต่ละห้องก็จะมีสัตว์ที่แตกต่างกันอีกด้วย อ้ะๆๆ ! ให้คุกกี้ทำนายกันนนนน

 

 

        มาถึงห้องรูปแบบสุดท้าย และถือเป็นไฮไลท์ประจำที่นี่เลยก็ว่าได้ อย่างห้อง Loft Tree House ทุกคนจะได้สัมผัสกับการพักผ่อน นอนเล่นชิลๆ บนบ้านต้นไม้ ที่ถูกออกแบบมาอย่างสวย สไตล์ Loft

 

 

        แถมห้องนี้ยังเหมาะสำหรับการเข้าพักแบบครอบครัวจำนวน 4 คน หรือแก๊งค์เพื่อนอีกด้วย ภายในมีการตกแต่ง และจัดระเบียบมุมต่างๆ ไว้อย่างลงตัวพอดิบพอดี มาพร้อมห้องน้ำ และห้องอาบน้ำในตัว เรียกได้ว่าตอนเช้า ตื่นนอนขึ้นมา จะมองเห็นวิวธรรมชาติ ที่ล้อมไปด้วยทิวเขาอย่างชัดเจนกว่าห้องอื่นๆ แน่นอน

 

 

        ให้ทายว่าเราเลือกพักแบบไหน ? ทาด้าาาาา เราได้เข้าพักห้อง รูปแบบ Eco Safari Tent นั่นเองครับในครั้งนี้ เพราะตั้งใจว่า อยากออกมานอนเต็นท์หรู ติดแอร์ ที่ชิดกลับธรรมชาติให้มากที่สุด เอาง่ายๆ ก็คือ เหมือนเรากำลังพาตัวย้อนไปตอนเข้าค่ายลูกเสือ ต้องไปนอนกลางป่าอย่างไรอย่างงั้น

        นอกจากทุกคนจะได้เต็มอิ่มไปกับรูปแบบห้องพักแนว เต็นท์หรู ติดแอร์ กันไปแล้ว เราจะพาทุกคนไปเดินเล่น ดูวิวรอบๆ ของ Lalamukha Tented Resort กันบ้าง ที่นี่มีสระว่ายน้ำให้ทุกคนได้สนุกกันอีกด้วยนะถ้าหากใครที่อยากได้ฟีลว่ายน้ำ ใกล้ชิดกับธรรชาติให้ได้มากที่สุด และลานโล่งรอบกองไฟ ที่เหมาะมากๆ สำหรับการมานั่งชิล พูดคุยกันในช่วงตอนเย็นๆ รวมไปถึงวิวสะพานแขวน ชิคๆ ที่ถ่ายรูปเท่าไหร่ก็ไม่มีเบื่อ

 

 

        ในช่วงบ่ายของวันนี้ หลังจากที่เราได้เดินพาทุกคนไปดูรอบๆ ที่พักกันจนได้รูปถ่ายชิคๆ ลงอวดเพื่อนในโซเชียลแล้ว เรายังได้ไปร่วมกิจกรรม การทำกระเป๋าผ้า DIY. กับทาง TravelokaTH ด้วยนะครับ

 

 

        และหลังจากที่เราได้ร่วมทำกิจกรรมเสร็จแล้ว ก็ถึงเวลาของมื้ออาหารเย็นพอดีครับ เราได้นัดเจอกับเพื่อนๆ ที่ ห้องอาหาร Jabulani ห้องอาหารแห่งนี้คือ ห้องอาหารเพียงหนึ่งเดียวของ Lalamukha Tented Resort ถูกแบ่งออกเป็น 2 โซน ก็คือโซนด้านใน และโซนด้านนอกนั่นเอง มีอาหารให้เราได้เลือกสั่งมาอร่อยกันมากมายอีกด้วย แต่ไหนๆ มาชิลที่เขาใหญ่ทั้งที ก็ต้องจัดบาร์บีคิว และซี่โครงหมูย่าง สักหน่อย หื้มมมม ฟินเลยครับ

 

 

        เมื่ออิ่มท้องสำหรับมื้อค่ำกันไปแล้ว ก็ถึงเวลาแยกย้ายกลับไปเข้านอนกัน บอกเลยว่ายิ่งเข้าสู่ช่วงบรรยากาศยามค่ำคืน ก็ยิ่งมีลมหนาว และอากาศเย็นสบายมากขึ้นเท่านั้น หูยยยยยย ถ้าใครที่มากับแฟน จะต้องฟินอย่างแน่นอน (ฝันดีครับ)


DAY 2

 

        ตื่นเช้าขึ้นมาอย่างสดใส พร้อมอาบน้ำแต่งตัว จัดกระเป๋าเตรียมกลับกรุงเทพฯ กันในช่วงบ่ายของวันนี้ ในมื้อเช้าเราได้ฝากท้องไว้ที่ห้องอาหาร Jabulani เช่นเคยครับ บอกเลยว่าบรรยากาศในช่วงเช้าของที่นี่ดีมากๆ ทานอาหารไป มองวิวภูเขาไป โอ๊ยยย แกกกกก ! ที่กรุงเทพฯ ไม่มีนะเว้ย

 

 

        ถึงเวลาบอกลา Lalamukha Tented Resort กันแล้วล่ะครับ ในครั้งนี้ ไว้เราจะกลับมาเยือนใหม่อย่างแน่นอน ! ก่อนจะกลับกรุงเทพฯ เราก็ขอแวะ The Birder’s Lodge Café กันสักหน่อย ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากตัวที่พักสักเท่าไหร่

 

 

        ที่นี่ เป็นคาเฟ่สุดฮิปท่ามกลางขุนเขา ในส่วนของคาเฟ่นั้นเป็นอาคารไม้ประดับตกแต่งด้วยต้นไม้สีเขียว ดูแล้วสบายตา บรรยากาศน่านั่งพักผ่อน มีมุมให้ถ่ายรูปสวยๆ หลายมุมทีเดียว ห้ามพลาดกับอาหารจานหลักหลากเมนู ตามด้วยเครื่องดื่มและของหวานในวันชิลล์ๆ

 

 

        ยังครับ ! ยังไม่อิ่มกันนะ เราขอพาทุกคนไปแวะอร่อยกันต่อที่ ร้านเป็นลาว สาขา Scenical World กันครับ ที่นี่มีเมนูเด็ดให้เราเลือกสั่งกันอยู่มากมาย หลากหลายเมนูด้วยกันครับ อาทิเช่น ไก่นาย่างสมุนไพร แกงลาวเห็ดสามอย่าง และส้มตำ เป็นต้น

 



        ใครเดินทางมาเที่ยวที่ Scenical World ล่ะก็ สามารถแวะเวียนกันมาได้นะครับ และแล้วก็จบทริปเขาใหญ่ 2 วัน 1 คืน กันไปแบบชิลๆ ไม่เน้นเหนื่อยแล้วล่ะ ใครที่อยากมาชิลแบบเราล่ะก็ ลองชวนเพื่อน แฟน หรือครอบครัวดูซิครับ รับรองดีจริง !

 

ขอบคุณทริปดีๆ จากทาง TravelokaTH 

 

ที่เที่ยว เขาใหญ่ อื่นๆ ที่น่าสนใจ

 

 

อัพเดทที่พักสุดชิลล์ ที่เที่ยวสุดมันส์ ที่กินสุดฮิป

ติดตาม travel.trueid.net ได้ที่