แนะนำมุมภาพสวยๆ เวลาที่เหมาะสมกับการถ่ายภาพพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ ช้างสามเศียร จังหวัดสมุทรปราการ พิกัดสุดฮิตของชาวไทยชาวต่างชาติ ทั้งสายมูและสายท่องเที่ยวครับพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ สมุทรปราการ ถือเป็น Soft Power อันดับต้นๆ ของประเทศไทย มีชื่อเสียงไปทั่วโลก มีนักท่องเที่ยวชาวไทยชาวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวมากมาย ทั้งสายมูเน้นสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อเป็นมงคลแก่ชีวิต และสายท่องเที่ยวที่ชื่นชมความงามของศิลปะที่มีอยู่หนึ่งเดียวในโลก คอนเทนท์นี้ผมเน้นในส่วนความงามของศิลปะ และแนะนำมุมมองการถ่ายภาพที่สวยงามของสถานที่ที่เป็นตำนานแห่งนี้ภาพอาคารช้างเอราวัณที่ผมไปในช่วงบ่าย พระอาทิตย์จะคล้อยมาทางด้านหน้าช้างที่หันไปทางทิศตะวันตก ทำให้เห็นรายละเอียดมากรวมทั้งท้องฟ้าจะมีสีเข้มด้วย ตัวอาคารสีชมพูด้านล่างก็มีสีสันน้ำหนักที่สวยงามเช่นกันสองภาพนี้เปรียบเทียบกับภาพด้านบนที่ถ่ายตอนบ่าย ภาพทั้งสองถ่ายในช่วงเช้า จะเห็นได้ชัดเจนว่าตัวอาคารช้างเอราวัณมีนำ้หนักเข้ม ดำทมึน ท้องฟ้าที่อยู่เป็นฉากหลังขาวโพลน จนผมต้องแก้ไขในโปเรแกรมเพื่อให้เห็นรายละเอียดมากขึ้นภาพนี้ถ่ายในช่วงเวลากลางวัน ผมจัดงค์ประกอบ จัดตำแหน่งยืนถ่ายภาพให้พระอาทิตย์อยู่หลังช้างเอาวัณพอดี ถ้าจังหวะดีมีโชค พระอาทิตย์ทรงกลด จะเป็นภาพที่งดงามอย่างที่สุดครับทิศทางของพระอาทิตย์ขึ้นทางด้านท้ายและตกทางด้านหน้าของอาคารพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ ภาพนี้ถ่ายช่วงเวลาเช้าตรู่ตอนพิพิธภัณฑ์เปิด มีความสวยตรงแสงทองส่องเป็นบางส่วนบนใบหน้าช้าง ทำให้ภาพมีมิติ แต่เห็นแค่เศียรเดียวอาคารพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ นับเป็นการสร้างสรรค์งานศิลปะชั้นยอดเยี่ยมที่มีหนึ่งเดียว ตัวช้างทำด้วยโลหะทองแดงเคาะด้วยมือทั้งหมด เป็นประติมากรรมลอยตัวด้วยวิธีเคาะมือแห่งแรกที่ใหญ่ที่สุดในโลกทำจากโลหะทองแดง การหุ้มตัวช้างใช้แผ่นทองแดงเล็กสุดขนาดเท่าฝ่ามือนำมาเรียงต่อกันด้วยความประณีตนับแสนชิ้น มองจากด้านอกเป็นน้ำหนักและสีดำทะมืน ยืนเด่นสง่าหันไปทางทิศตะวันตก ตรงนี้ถ้าในช่วงเวลาเช้าแสงจะเข้าจากด้านหลัง ใครที่ไปเที่ยวช่วงครึ่งวันเช้า แล้วถ่ายภาพตัวอาคารช้างเอราวัณ จะไม่เห็นรายละเอียด โดยเฉพาะใบหน้าช้าง แต่ถ้าหากไปเที่ยวในช่วงบ่าย เมื่อถ่ายภาพตัวอาคารจะเห็นรายละเอียดใบหน้าช้างได้ดีกว่าครับตัวช้างเอราวัณยืนอยู่บนฐานทรงกลมที่เป็นอาคารห้องโถงด้านล่าง ออกแบบตกแต่งด้วยการผสมผสานศิลปะในหลายรูปแบบ เป็นการรวมศิลปะตะวันตกและศิลปะตะวันออกเข้าด้วยกัน ความวิจิตรงดงามของราวบันไดที่ทอดขึ้นไปสู้ชั้นด้านบน ตกแต่งจากเครื่องปั้นดินเผาโทนสีงาช้างสลับลวดลายสอดสีในลักษณะเครื่องเบญจรงค์ หัวบันไดด้านล่างทั้งสองข้างเป็นเบ็นช้าง 4 เศียรคู่ บนชานพักบันไดเป็นเจ้าแม่กวนกิมประทับอยู่ในเก๋งจีน เสาสี่เสาทรงแปดเลี่ยมมีเรี่องราวเกี่ยวกับศาสนาบนโลกนี้ ระหว่างทางขึ้นบันไดมีรูปปูนปั้นเหล่ากินนร กินรี วิทยาธร คนธรรพ์ ประดับด้วยเครื่องเซรามิคฝีมือช่างจากอัมพวา ตรงส่วนนี้มีมุมให้ถ่ายรูปมากมาย ทั้งมุมกว้างแบบฟิชอาย กว้างธรรมดา หรือจะเลือกเจาะเป็นส่วน ทำให้มีความสนุกในการจัดองค์ประกอบภาพ อาจจะต้องใช้ไอเอสโอสูง เพราะแสงบางส่วนมีน้อย แต่ก็ไม่เป็นที่น่ากังวลกับกล้องและโทรศัพท์สมัยใหม่นี้ครับเพดานทรงกลมท่ีตกแต่งด้วยสเตนกลาสเป็นศิลปะตะวันตก ภาพนี้ถ่ายด้วยเลนส์ฟิชอาย เพื่อให้เก็บรายละเอียดได้หมด ยืนอยู่ในตำแหน่งที่แทบจะไม่มีส่วนใดบัง ถ้าเลนส์มุมกว้างถึงแม้จะเก็บภาพได้หมด แต่ถ้าต้องยืนด้านล่างเพื่อเก็บส่วนของเพดานให้หมดก็จะมีส่วนอื่นบังมากพอควรตัวอาคารทรงกลมออกแบบให้เป็นฐานรองรับตัวช้างที่ยืนอยู่ข้างบน มีสี่เสาทรงแปดเหลี่ยมอยู่ภายใน หุ้มด้วยโลหะทองแดงดุนลาย เพดานเป็นงานสเตนกลาสเป็นรูปแผนที่โลกโบราณล้อมรอบด้วยจักรราศี และรอบชั้นนอกเป็นภาพมนุษย์รายละเอียดของลวดลายกระเบื้องดินเผา สีงาช้างที่ประดับตกแต่งในตัวอาคารมีความสวยงามละเอียดอ่อน ภาพนี้มีแสงส่องสะท้อนลอดเข้ามาสวยงามในช่วงเวลาบ่ายๆ ครับการตกแต่งภายในส่วนลำตัวของช้างเอราวัณ เป็นห้องที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางต่างๆ ห้องนี้ถือเป็นการจำลอง "ชั้นสวรรค์" พระพุทธรูปที่เป้นพระประธานปางลีลา โดดเด่นด้วยการจัดไฟสวยงามทุกองค์ บนเพดานเป็นภาพเขียนสมัยใหม่ จักรวาล มีหมู่ดวงดาวต่างๆ ครบถ้วน พระบรมรูปปั้นทองแดงพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ประดิษฐานบริเวณชั้นล่าง เจดีย์ทรงแปดเหลี่ยม ส่วนล่างเป็นพระพุทธรูปปางต่างๆ แปดปาง ส่วนบนเป็นพระพุทธรูป 4 องค์หันไปทางทิศทั้ง 4 เจดีย์ 8 เหลี่ยม สายมูต้องไม่พลาดมาไหว้พระประจำวันเกิด ที่นี่ครับ แต่เอ๊ะ วันเกิดมี 7 วัน แต่พระมี 8 ปาง วันพุธมีกลางวันและกลางคืนครับระเบียงรอบนอกตัวอาคารประกอบด้วยซุ้มแปดซุ้มรอบพิพิธภัณฑ์เป็นอุทยานพรรณไม้ในวรรณคดีและพันธุ์ไม้หายากจากทุกภูมิภาคของประเทศมีงานประติมากรรมลอยตัวเรื่องรามเกียรติ์ วางเรียงรายล้อมรอบอาคารบริเวณด้านนอกโดยรอบของช้างเอราวัณ มีประติมากรรมช้างในหลายรูปแบบตกแต่งไว้ เช่นรอบตัวอาคารเป็นช้างรูปทรงเหมือนกัน แต่มีความแตกต่างที่ลวดลายบนลำตัว ยืนพ่นน้ำออกจากงวง ลงสระน้ำ เปรียบเสมือนยืนอารักขาและแสดงความเคารพต่อช้างเอราวัณที่อยู่ตรงหน้า พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ (Erawan Museum) ตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิทขาเข้าจังหวัดสมุทรปราการ เปิดทำการตั้งแต่เวลา 09.00 – 19.00 น.ค่าบัตรเข้าชมพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ โดยไม่เข้าชมภายในตัวพิพิธภัณฑ์ผู้ใหญ่ 250 บาท, เด็ก (อายุ 6-15 ปี) 125 บาท ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 400 บาท เด็ก 200 บาท สามารถเดินชมบริเวณสวนได้โดยรอบการเดินทางด้วยรถไฟฟ้า BTS สะดวกสุดๆ ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในเขตกรุงเทพ นั่งเพลินๆจากใจกลาง กทม. แป็บเดียวก็ถึงแล้วลงที่สถานีท่ารถช้างเอราวัณ เดินไปอีก 350 เมตรก็ถึงแล้วครับเปิดสักการะตั้งแต่เวลา 09.00 – 19.00 น. สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 02 371 3135-6 โทรสาร. 02 380 0304 หรือ www.erawan-museum.com#morefunสมุทรปราการ #พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ #สมุทรปราการ #ปากน้ำ #ช้างสามเศียร #TatChaChoengsao #เมืองโบราณ ภาพถ่ายโดยครีเอเตอร์