ในช่วงเดือนตุลาคมของทุกปี มักมีวันหยุดต่อเนื่องยาว จึงเป็นช่วงเวลาที่เหมาะกับการจัดทริปท่องเที่ยวพักผ่อนยาวๆกันบ้าง แถมยังเป็นช่วงของการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ฤดูหนาวอากาศก็สดใสเป็นใจมากๆ และครั้งนี้เราจะแจกแพลนเที่ยว 3 วัน 2คืน สุขใจไปกับมนต์เสน่ห์แดนอีสานบนเส้นทางบึงกาฬ-นครพนมที่มีแต่ความสนุกสนานตื่นตาน่าประประทับใจตลอดเส้นทางจริงๆค่ะ พร้อมแล้วออกเดินทางกันเลยค่ะ เราออกเดินทางจาก กทม.โดยสายการบินแอร์เอเชียใช้เวลาประมาณ 1ชั่วโมง 20 นาที ก็มาถึงสนามบินอุดรธานี หารถเช่าแล้วมุ่งหน้าไปบึงกาฬกันก่อนเลย Day 1 เที่ยวดินแดนแห่งตำนานมหัศจรรย์ "ถ้ำนาคา"กำเนิดจังหวัดบึงกาฬ 1. "ถ้ำนาคา" เริ่มต้นทริปด้วยการออกแรงเดินลัดเลาะขึ้นเขาและบันไดสูงชันไปตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติถ้ำนาคา ที่ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติภูลังกา จ. บึงกาฬ ชมความมหัศจรรย์ของหินซันแครกที่มีรูปร่างและลวดลายแปลกตามากมาย ตลอดเส้นทางพิชิต"ถ้ำนาคา" บนยอดภูลังกา แลนมาร์คสำคัญที่มีทั้งมนต์ขลังและตำนานความที่เชื่อเรื่องราวของพญานาคกับมนุษย์ อันเป็นจุดกำเนิดของ อ.บึงโขงโหลง จ.บึงกาฬ "ถ้ำนาคา"นี้มีความงามทางธรรมชาติเฉพาะตัว โดยผนังถ้ำจะเป็นหินที่มีลวดลายคล้ายเกล็ดงู และมีหินก้อนใหญ่ลักษณะคล้ายลำตัวพญานาคที่ขดวนโอบล้อมถ้ำเอาไว้ ซึ่งดูแล้วก็เหมือนลำตัวพญานาคจนยากปฏิเสธทีเดียว ด้านบนโปร่งมีลมพัดผ่านตลอดเวลา มีพระพุทธรูปปางนาคปรกให้สักการะ มีจุดครอบเศียรขอพร และมีจุดถ่ายรูปที่สวยงามแปลกตามากมาย และเพื่อเป็นการรักษาความสวยงามและมนต์เสน่ห์ของถ้ำนาคาไว้ให้อยู่นานๆ เราก็ไม่ควรสัมผัสทุกๆสิ่งในถ้ำแห่งนี้และเที่ยวแบบรบกวนธรรมชาติให้น้อยที่สุดค่ะ พิกัด : https://maps.app.goo.gl/4wtCZR5tV1cvHcGb9 เวลาให้บริการ : เปิดทุกวัน เวลา 06.00-14.00 น. ค่าบริการ : ค่าบริการขึ้นถ้ำนาคารวมค่าประกันอุบัติเหตุคนละ 40 บาท สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม : อุทยานแห่งชาติภูลังกา โทร. 042-530766 2. "อุทยานแห่งชาติ ภูลังกา" จากถ้ำนาคาเราสามารถเดินเที่ยวต่อบนเส้นทางศึกษาธรรมชาติภายใน"อุทยานแห่งชาติ ภูลังกา" ชมความมหัศจรรย์ที่ธรรมชาติสร้างสรรค์ไว้อย่างงดงามอีกมากมาย ใกล้ๆถ้ำนาคาเราจะเจอ"เศียรที่ 4" หินก้อนใหญ่รูปร่างคล้ายหัวงู เดินไปตามลานหินไม่ไกลเราจะเจอ"บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์" มีน้ำอยู่พอดีกับปากบ่อล้อมรอบด้วยหินที่มีลวดลายคล้ายผิวหนังที่ขรุขระจึงมีชื่อเรียกอีกอย่างว่า สะดือภูลังกา หรือ ดวงตาพญานาค ทางเดินผ่านเป็นลานหินซันแครกกว้างเหมือนหลังพญานาค มาถึงจุดชมวิวที่มองเห็นเจดีย์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามองค์ คือ เจดีย์กองข้าวศรีบุญเนาว์ เจดีย์หลวงปู่วัง และเจดีย์หลวงปู่เสาร์ ถ้าเรายืนขอพรตรงจุดนี้ก็เหมือนได้สักการะขอพรจากเจดีย์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามองค์พร้อมกัน จากนั้นเดินไปสักการะ "เจดีย์หลวงปู่เสาร์" ด้านล่างเป็นจุดชมวิว"ผาใจขาด" แล้วเดินขึ้นบันไดพญานาคที่เรียกว่าบันไดสวรรค์นำเราขึ้นสู่ "เจดีย์หลวงปู่วัง" และ "จุดสูงสุดภูลังกา" ลงจากบันไดสวรรค์เราก็จะเริ่มเดินลงจากเทือกเขาภูลังกาลัดเลาะผ่านหน้าผาหินลวดลายสวยงามบางจุดมี มอส เฟิร์น กล้วยไม้เล็กๆขึ้นแทรกตามซอกหินดูสวยแปลกตา จนลงมาถึง "ถ้ำชัยมงคล หรือ ถ้ำหลวงปู่วัง" ที่มีก้อนหินใหญ่มหึมายื่นออกมาเป็นเหมือนหลังคาและมีพื้นไม้อยู่ด้านล่าง มีความร่มรื่นเงียบสงบเหมาะกับการประกอบกิจพิธีต่างๆ และนั่งสมาธิ ใกล้ๆกันจะพบกับ "เศียรที่ 1" เป็นหินที่มีรูปร่างคล้ายหัวงูขนาดใหญ่ที่สุดที่เจอบนภูลังกา และระหว่างทางเดินลงจากภูลังกาก็เจอกับ "เศียรที่ 3" ซึ่งเป็นหินที่มีลักษณะเหมือนหัวงูอีกจุดหนึ่งที่มีขนาดเล็กกว่า เมื่อเราเดินลงมาถึงจุดเริ่มต้นเส้นทางศึกษาธรรมชาติถ้ำนาคา ก็เป็นอันจบทริปถ้ำนาคา ซึ่งสำหรับเราใช้เวลาเกือบ 5 ชั่วโมงในการเดินเที่ยวครบทุกจุด บน"อุทยานแห่งชาติ ภูลังกา" 3. "ศาลปู่อือลือ เกาะดอนโพธิ์" เมื่อได้มาเยือนจังหวัดบึงกาฬและขึ้นชมถ้ำนาคาแล้วก่อนกลับไปพักผ่อน ก็ควรไปกราบสักการะขอพรปู่อือลือ เพื่อความเป็นสิริมงคลกันสักหน่อย ตามตำนานเชื่อกันว่าเป็นผู้ดูแลคุ้มครองบึงโขงโหลง เป็นเทวสถานที่ตั้งอยู่บนเกาะดอนโพธิ์กลางบึงโขงโหลง เราต้องติดต่อเรือนำเที่ยวบริเวณริมบึงโขงโหลงให้พาเขาชมใช้เวลาประมาณ 5-15 แล้วแต่จุดให้บริการและเสียค่าขึ้นชมเกาะคนละ 20 บาท เมื่อไปถึงก็จะมีผู้นำทำพิธีอย่างครบถ้วน ซึ่งถ้าไปตอนเย็นจะได้นั่งเรือชมพระอาทิตย์ดวงกลมโตสีส้มสดกำลังจะลาลับขอบฟ้าบรรยากาศดีและเป็นภาพที่สวยงามหาดูได้ยาก พิกัด : https://maps.app.goo.gl/8BWfJLYFcmziudVZ9 เวลาให้บริการ : เปิดทุกวัน เวลา 06.00-17.00 น. ค่าบริการ : ค่าเข้าชมเกาะดอนโพธิ์คนละ 20 บาท Day 2 เที่ยวผจญภัยในดินแดนสุดอันซีนป่านันทนาการหินสามวาฬ-ภูสิงห์ ชมแดนสวรรค์ภูทอก ก่อนบอกลาบึงกาฬ 1. "ป่านันทนาการหินสามวาฬ-ภูสิงห์" ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าดงดิบกะลา ป่าภูสิงห์ และป่าดงสีชมพู เป็นภูเขาหินทรายที่สลับซับซ้อนทอดตัวไปตามแนวเหนือ-ใต้ ครอบคลุมพื้นที่ อ.เมืองบึงกาฬและอ.ศรีวิไล มีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 200-300 เมตร การเปลี่ยนแปลงทางธรณีวิทยาของเปลือกโลกทำให้เกิดการเรียงตัวของก้อนหินทำให้เกิดประติมากรรมทางธรรมชาติที่สวยแปลกตามากมาย เริ่มต้นที่ ลานธรรม ลานหญ้ากว้างใหญ่ที่มีหินรูปร่างคล้ายสิงโตขนาดมหึมานอนหมอบอยู่ ข้างๆ พระพุทธรูปสีทองอร่าม จากนั้นใช้เส้นทางผ่าน กำแพงภูสิงห์ กำแพงหินขนาดใหญ่ลวดลายสวยงาม ไปแวะ จุดชมวิวถ้ำฤาษี ที่เป็นลานหินกว้างใหญ่สำหรับชมวิวทิวทัศน์ได้ไกลถึงแม่น้ำโขง และเป็นพิกัดกระโดดขี่ไม้กวาดถ่ายรูปที่เป็นช็อตในฝันของใครหลายคน ซึ่งรูปที่ได้ออกมาก็สวยงามไม่ผิดหวังเลย จากนั้นก็เดินไปจุดที่อันซีนที่สุดในภูสิงห์ "หินสามวาฬ" หน้าผาหินขนาดยักษ์ 3 ก้อนเรียงกัน ถ้ามองจากระยะไกลจะดูคล้ายฝูงปลาวาฬกำลังแวกว่ายอยู่กลางป่าเขียวขจี เราเดินขึ้นไปบนหลังวาฬพ่อ และวาฬแม่ เพื่อเก็บภาพสวยๆได้ และถ้ามาเช้าหน่อยก็จะได้ชมพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยงามจากจุดนี้เลย แต่การเดินบนหน้าผารูปวาฬนี้ควรใช้ความระมัดระวังอย่างมากห้ามเดินออกนอกเส้นเหลืองเด็ดขาดเพื่อความปลอดภัยค่ะ แล้วก็ไปต่อกันที่ "หินช้าง"เป็นหินสีชมพูแดงรูปลูกช้างที่นั่งหันหน้าออกไปทางหน้าผาชมวิว เลยไปอีกไม่ไกลจะเห็น"ประตูภูสิงห์" มีหินขนาดใหญ่ตั้งอยู่ริมผาและมีช่องตรงกลางเปิดให้ลมพัดผ่านคล้ายประตูที่สร้างจากธรรมชาติ เปิดออกไปชมความงามสุดอลังการของผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์ สามารถรับลมชมวิวพร้อมทั้งถ่ายรูปแบบสวยอลังการไม่แพ้ที่ใดเลย และจุดสุดท้าย "จุดชมวิวส้างร้อยบ่อ" ลานหินเล็กๆ ที่มีการยุบตัวของหินจนเกิดเป็นหลุมบ่อทั้งเล็กใหญ่เต็มลานไปหมดดูสวยงามแปลกตามาก จากจุดนี้สามารถชมวิวเมืองบึงกาฬที่สวยงามและยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ยามพลบค่ำที่สวยงามของป่าภูสิงห์ การเดินทางเที่ยวชมทั้งหมดนี้ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง โดยเราต้องเหมารถนำเที่ยวในพื้นที่ให้พาชมจุดท่องเที่ยวสำคัญ พร้อมไกด์ตัวน้อยที่คอยบอกเล่าเรื่องราวของป่าภูสิงห์และถ่ายรูปสวยๆให้ตลอดทริปเลยค่ะ พิกัด : https://maps.app.goo.gl/v2uF6maTDpTxdi7i7 เวลาให้บริการ : ทุกวัน เวลา 05.00-17.00 น. ค่าบริการ : คนไทย 20 บาท | ชาวต่างชาติ 100 บาท ค่าบริการยานพาหนะ : รถกระบะนำเที่ยวในพื้นที่ ราคาคันละ 500 บาท นั่งได้ 10 คน สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม : https://www.facebook.com/profile.php?id=100080879161271 2. "วัดเจติยาคีรีวิหาร (วัดภูทอก) ดินแดนแห่งสรวงสวรรค์ จ.บึงกาฬ" ตั้งอยู่ที่บ้านนาคำแคน ต.นาแสง อ. ศรีวิไล จ. บึงกาฬ ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2483 โดยพระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ ลูกศิษย์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต เป็นสถานที่ปฏิบัติที่มีธรรมสวยงาม ท่ามกลางผืนป่าเขียวขจีมีอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี เพราะสร้างอยู่บนภูเขาหินทรายขนาดใหญ่ มีภูเขาสองลูกเรียงกันเรียกว่า “ภูทอกใหญ่” และ “ภูทอกน้อย” ที่มองเห็นกันได้ ถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่ต้องห้ามพลาดเมื่อมีโอกาสมาเที่ยวบึงกาฬ เมื่อเดินผ่านประตูเข้ามาเราก็ต้องเดินขึ้นไปตามบันไดไม้ จากชั้นที่1 จนถึงจุดสูงสุดชั้นที่ 7 ความสูงชันจะเริ่มที่ชั้นที่3-4 มาถึงชั้นที่5 จะมีศาลาให้นั่งพัก และสักการะขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จนหายเหนื่อย จึงขึ้นไปต่อชั้นที่ 6 ที่ถือว่าเป็นแดนสวรรค์ที่สวยงามที่สุด มีสะพานไม้ให้เดินชมวิวรอบเขาแบบ 360 องศา สูงจนมองไม่เห็นพื้นเบื้องล่าง มีลมพัดผ่านเย็นสบาย สัมผัสได้ถึงความสงบทำให้มีสติในการเดิน และจากชั้นที่6 นี้เราจะมองเห็นพุทธวิหารที่ตั้งอยู่ชั้นที่5 ในมุมสูงอย่างชัดเจนสวยงาม เมื่อวนจนครบรอบก็มีทางเลือกให้สองทางจะขึ้นบันไดไปต่อที่ชั้น7 ยอดเขาที่ต้องปีนป่ายเดินป่าเพื่อชมวิวจากยอดสูงสุดได้ หรือจะเดินลงบันไดกลับไปชั้นที่5ลงสู่ด้านล่างได้เลย สำหรับเราเลือกขึ้นไปเดินชมวิวชั้นที่ 7 แล้วกลับมาเดินวนรับบรรยากาศดีๆกับวิวสวยๆที่ชั้น 6 อีกรอบ เป็นการบอกลาบึงกาฬที่น่าประทับใจสุดๆ พิกัด : https://maps.app.goo.gl/pKKhLU82auau3T1AA เวลาเปิดให้เข้าชม : เปิดให้เข้าชมทุกวันเวลา 08.30-17.00 น. 3. "ถนนคนเดินริมฝั่งโขง นครพนม" ผ่อนคลายริมโขง ช้อป ชิม ชิว ตลาดกลางคืน นครพนม เราเดินทางจากบึงกาฬมาถึงนครพนมเป็นเวลาเย็นๆ เก็บของเข้าที่พัก แล้วก็ออกไปเดินเล่นรับลมยามเย็นริมฝั่งโขง บริเวณ "ลานพญาศรีสัตตนาคราช" มีเด็กมาแสดงความสามารถเปิดหมวก ทั้งเล่นดนตรี ร้องเพลง เต้นรำ ดูน่ารักเพลินตาดีมาก มีร้านขายของกินของใช้ก็มีมากมายให้เราเลือกซื้อหาตามใจปรารถนา เดินเล่นเพลินๆ ไปจนถึง "หอนาฬิกาเวียดนามอนุสรณ์" ก็มีร้านนั่งชิวให้เลือกนั่งดื่มชิวๆได้ด้วยค่ะ และถ้ามาเที่ยวนครพนมในช่วงวันหยุดเทศกาลวันออกพรรษาซึ่งมักตรงกับช่วงต้นเดือนตุลาคม ก็จะได้ชมประเพณีไหลเรือไฟที่สวยงามตระการตาอีกด้วย พิกัด : https://maps.app.goo.gl/1UhSNsaXzvsw4tAh9 เวลาให้บริการ : ทุกวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ เวลา 16.30 น.เป็นต้นไป Day 3 เยือนถิ่นภูไท บนเส้นทางสวรรค์ชายโขง ไหว้พระธาตุศักดิ์สิทธิ์แห่งเมืองนครพนม 1. "ลานศรีสัตตนาคราช"ถนนสวรรค์ชายโขง ยามเช้าอากาศริมฝั่งแม่น้ำโขงสดชื่นฟีลดีมากๆ หาจักรยานสักคันมาปั่นชมวิวริมฝั่งแม่น้ำโขงบนถนนสวรรค์ชายโขง แวะสักการะองค์พญาศรีสัตตนาคราช พร้อมรับลมชมวิวถ่ายรูปสวยๆ ที่"ลานพญาศรีสัตตนาคราช" บริเวณใกล้เคียงมีร้านอาหารเช้าให้เลือกทานหลายร้าน หรือถ้าอยากนั่งจิบกาแฟชิวๆก็ให้ปั่นไปเรื่อยๆ ชมวิถีชีวิตริมโขง ผ่านหอนาฬิกาเวียดนามอนุสรณ์ ที่สร้างไว้เป็นที่ระลึกถึงความสัมพันธ์อันดีของไทยกับเวียดนาม ผ่านโบสถ์คริสต์ที่มีความสวยงาม ก็จะเจอคาเฟ่เก๋ๆ นั่งพักหาเครื่องดื่มเย็นๆชื่นใจก่อนปั่นจักรยานกลับค่ะ พิกัด : https://maps.app.goo.gl/pJ4iPNUpNSnFwzew6 2. วัดมหาธาตุหรือวัดมิ่งเมือง อยู่ในเมืองนครพนมไม่ไกลจากลานพญาศรีสัตตนาคราชมากนัก เป็นที่ประดิษฐานองค์พระธาตุนคร ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นองค์พระธาตุประจำวันเกิดของคนเกิดวันเสาร์ โดยจำลองแบบมาจากพระธาตุพนมองค์เดิม มีลวดลายอันวิจิตรบรรจงงดงามตระการตา ทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส ภายในองค์พระธาตุบรรจุพระอรหันตสารีริกธาตุ องค์พระพุทธรูปทองคำ และของมีค่าต่างๆที่มีประชาชนนำมาถวาย เมื่อไหว้พระธาตุเสร็จบริเวณใกล้เคียงก็มีร้านขายของฝากมากมายให้เราเลือกซื้อกลับไปฝากคนที่รักได้อีกด้วย พิกัด : https://maps.app.goo.gl/djZ8VWMARWE49Qir7 เวลาให้บริการ : เปิดให้บริการทุกวันเวลา 05.00-21.00 น. 3. วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองนครพนม เป็นวัดพระอารามหลวง ชั้นเอก ชนิดวรมหาวิหารตั้งอยู่บนถนนชยางกูร บ้านธาตุพนม ต.ธาตุพนม อ.ธาตุพนม จ.นครพนม มีลักษณะเป็นเจดีย์รูปสี่เหลี่ยมจตุรัสก่อด้วยอิฐ กว้างด้านละ 12.33 เมตร สูง 53.6 เมตร มีกำแพงล้อมองค์พระธาตุ 4 ชั้นพระธาตุพนม ถือแลนด์มาร์กสำคัญที่ต้องมาเช็คอินเมื่อมาเยือนนครพนม องค์พระธาตุพนมเป็นสถานที่รวมความศรัทธาของคนไทยและคนลาวมายาวนานหลายร้อยปี ด้านในเป็นที่ประดิษฐานพระอุรังคธาตุหรือพระธาตุส่วนอกขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า และยังมีข้าวของมีค่าตั้งแต่ในยุคเก่าอีกมากมายซึ่งถูกนำมาถวายเป็นพุทธบูชา เชื่อกันว่านี่คือองค์พระธาตุประจำวันของคนเกิดวันอาทิตย์ และเป็นพระธาตุประจำปีเกิดของคนเกิดปีวอกอีกด้วย แต่สำหรับคนทั่วไปการได้มาสักการะพระธาตุพนมสักครั้งก็ถือเป็นสิริมงคลของชีวิตแล้วค่ะ พิกัด : https://maps.app.goo.gl/feyK3nb7XfHTYKHb9 เวลาให้บริการ : เปิดให้บริการทุกวันเวลา 05.00-21.00 น. เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับทริปเที่ยวบึงกาฬ-นครพนม ที่สนุกสุขใจเพลิดเพลินไปกับมนต์เสน่ห์แดนอีสานที่น่าประทับใจ หากช่วงวันหยุดยาวนี้ใครกำลังวางแพลนไปเที่ยวพักผ่อน บนดินแดนมหัศจรรย์มีตำนานเล่าขานมากมายให้ได้เรียนรู้ ตื่นตากับประติมากรรมทางธรรมชาติมากมาย ลองเอาแพลนที่เรานำมาฝากนี้ไปปรับใช้กันดูนะคะ โดยส่วนตัวเราว่าเหมือนการเดินทางที่แสนมหัศจรรย์เลยค่ะ มีความสุขในทุกการเดินทางนะคะ รูปหน้าปกและภาพประกอบทั้งหมดถ่ายทำโดย Noonee อยากไปเที่ยวไหนหรือเปล่า? หาข้อมูลที่เที่ยวสุดปังได้ที่ App TrueID โหลดเลย ฟรี !