ช่วงต้นปีที่ผ่านมาเป็นช่วงฤดูหนาวของไทย ทต่เหมาะแก่การหยุดทำงานเพื่อออกทริปเที่ยวเป็นอย่างมาก ประจวบเหมาะกับพี่ ๆ ในทีมเราอยากไปนอนดูดาวตก เราจึงได้โอกาสตกลงไปเที่ยวด้วย หลังจากลุยงานหนักมาหลายเดือน และเป็น “ครั้งแรกในชีวิตที่จะได้เที่ยวแบบนอนกางเต็นท์” เพราะเราคิดว่าการนอนเต็นท์เป็นอะไรที่ลำบากมากสำหรับตัวเอง ไม่ใช่ทางของตัวเองเลย แต่พวกพี่ ๆ เขาโน้มน้าวให้เราลองเปิดใจนอนเต็นท์ดูสักครั้งในชีวิต เผื่อจะทำให้เราเปลี่ยนความคิดมองมันใหม่ได้ ว่ามันสนุกแค่ไหน เมื่อรวมทีมคนอยากเที่ยวได้ครบแล้ว ตกลงกันว่าไปเที่ยวใกล้ ๆ ไม่ต้องไกลมาก เอาแบบเดินทางง่ายไม่ลำบากมากนัก จึงเลือกไปเที่ยวที่ "กาญจนบุรี" นั่นก็คือ “น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น” เพราะว่าใกล้ และเดินทางสะดวกนั่นเอง ตกลงกันว่าไปเที่ยวแบบ "นอนกางเต็นท์ดูดาว 2 วัน 1 คืน" เมื่อวันเดินทางมาถึง เราก็นัดรวมพล เก็บกระเป๋า เงินพร้อม เต็นท์พร้อม เสบียงพร้อม ใจและกายพร้อมก็ขนทุกอย่างขึ้นรถ ส่วนรถที่ใช้เดินทางเป็นรถตู้ส่วนตัว ขนทั้งของ และคนได้อย่างสบาย ๆ พร้อมแล้วก็ออกเดินทางกันได้ แต่ไม่ว่าจะเที่ยวบ่อยแค่ไหน การเตรียมความพร้อมก็เป็นสิ่งสำคัญเสมอ การวางแผนเรื่องเดินทาง ที่พัก เสื้อผ้า โดยเฉพาะเรื่องอาหารการกิน ห้ามพลาดเด็ดขาด!!! ดังนั้นเมื่อแวะเติมน้ำมัน เราก็แวะซื้อขนม และเครื่องดื่มตุนไว้ เพื่อนั่งกินบนรถกันไปยาวๆ โดยเราขับรถไปทางตัวเมืองกาญจนบุรี ขับผ่านไปจนถึงเส้นถนนแสงชูโตถนนสายหลัก ถึงสี่แยกแก่งเสี้ยน ก็ตรงไปทางอำเภอศรีสวัสดิ์ ซึ่งทางไปง่ายมาก ๆ ขับตรงไปอย่างเดียวเลย เมื่อถึงทางเข้าเขตเขื่อนศรีนครินทร์ ให้ขับไปถนนทางซ้าย จะขับมาเจอสามแยก ให้เลี้ยวซ้ายข้ามแม่น้ำแควใหญ่ไปทางน้ำตกห้วยขมิ้น ผ่านตลาดเทศบาลเอราวัณ ตรงไปจนถึงสามแยกอีกที ให้เลี้ยวซ้ายตามป้ายไปน้ำตกห้วยขมิ้นอีก 44 Km เส้นทางนี้ได้ลาดยางเรียบร้อยแล้ว เหมาะสำหรับรถยนต์ทุกประเภท เมื่อขับมาถึงหน้าด่านทางเข้าอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์แล้ว เราต้องเสียค่าเข้าอุทยานคนละ 100 บาท จากนั้นขับตรงขึ้นบริเวณจุดกางเต้น ต้องเสียค่ากางเต็นท์อีกคนละ 50 บาท เมื่อลงสำรวจดูแล้วบริเวณนี้แล้วปรากฏว่าห้ามนำรถเข้าไปยังบริเวณจุดกางเต็นท์ ซึ่งเป็นลานหญ้าโล่ง ๆ ที่มองเห็นวิวเขื่อนศรีนครินทร์สวย ๆ ได้จากจุดนี้ แถมยังสามารถเดินไปเล่นน้ำตกชั้นที่ 4 ได้อย่างสบาย ๆ ซึ่งน้ำตกห้วยแม่ขมิ้นนี้มีทั้งหมด 7 ชั้น และชั้นที่สวยที่สุดคือชั้นที่ 4 นี่เอง มีชื่อว่า “ฉัตรเพชร” ซึ่งลานกางเต็นท์จุดนี้ต้องขนของจากลานจอดรถเดินไปยังจุดกางเต็นท์เอง แต่ทางพวกเราอยากได้ฟิลทำอาหาร และกางเต็นท์ข้าง ๆ รถมากกว่า เราจึงเปลี่ยนแผน และตกลงกันว่าจะไปนอนกางเต็นท์โซนด้านล่าง ซึ่งโซนด้านล่างนี้มีร้านค้าขายอาหารของอุทยานอยู่ด้วย เราจึงจอดรถปักหลักบริเวณใกล้ ๆ กับร้านค้า และรีบจัดการกางเต็นท์ ตั้งโต๊ะ เตรียมเสบียง ช่วยกันทำอาหาร ปิ้งย่าง ต่าง ๆ ไว้เป็นมื้อเย็น นั่งเล่นคุยกันตอนกลางคืน เพราะเวลาใกล้จะค่ำแล้ว เดี๋ยวจะทำลำบาก เมื่อบรรยากาศมืดลง พร้อมกับเสียงร้องของจิ้งหรีดเรไร ที่พร้อมใจประสานเสียงร้องกันทั่วป่า ก่อนที่แสงอาทิตย์จะหมดไป เราก็รีบต่อแสงไฟให้สว่างโดยขอต่อไฟใช้จากร้านค้าใจดี อากาศก็เริ่มเย็นลงเรื่อย ๆ เพราะช่วงที่ไปเที่ยวเป็นช่วงหน้าหนาว อากาศที่นี่ประมาณ 17 องศา!!! ต้องรีบเตรียมตัวอาบน้ำ เปลี่ยนชุดเป็นเสื้อกันหนาว กางเกงขายาว ใส่ถุงเท้าให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายเข้าไว้ เพราะสำหรับคืนนี้อีกยาวไกล ตามจุดประสงค์ของพวกเราคือ “นอนดูดาว” แต่ต้องรอช่วงดึก ๆ ประมาณเที่ยงคืน เพราะจะเห็นดาวได้ชัดกว่าช่วงหัวค่ำ เมื่อถึงเวลาแล้วเราก็หยิบเสื่อพร้อมผ้าห่ม ไปยังลานกว้างบริเวณหน้าเต๊นท์ที่สามารถมองเห็นดาวได้ชัด เพราะบริเวณโซนนี้ต้นไม้สูงค่อนข้างเยอะ ต้องหามุมดีๆ เมื่อได้มุมแล้วก็กางเสื่อทิ้งตัวนอนดูดาว พร้อมกับเปิดแอปดูดาวกันไปด้วย เพื่อที่จะหาแนวของทางช้างเผือก แต่ช่วงเดือนที่ไปนี้ไม่ใช่ช่วงเดือนที่แนวของทางเผือกยังจะโผล่ขึ้นมาให้ได้ยลโฉมกัน ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดายมาก ๆ เช้าตื่นขึ้นมาพบกับบรรยากาศยามเช้าที่สดชื่น มีเสียงไก่ป่าขัน ไอหมองจาง ๆ อากาศที่เย็นสบาย รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก ไม่หนาวเหมือนช่วงกลางคืนที่ผ่านมา พร้อมจิบกาแฟ ทานขนมปัง ไข่ดาวง่าย ๆ รองท้องก่อนที่จะกระโดดน้ำตกเล่นบริเวณหน้าลานกางเต็นท์ จากนั้นเราก็เตรียมตัวขึ้นไปเดินถ่ายรูปเล่น ดูน้ำตกสวย ๆ ด้านบน เพราะอากาศไม่ร้อนเลยทำให้เดินดูธรรมชาติได้อย่างชิว ๆ ลมพัดเย็นสบาย ได้ชมความงามของน้ำตกแต่ละชั้นเพลินมาก เมื่อเที่ยวดูธรรมชาติจนอิ่มใจแล้ว ก่อนกลับเราก็แวะฝากท้องกันที่ร้านค้าของอุทยาน ขอบอกว่าอร่อยมาก ยิ่งเมนูที่ทางร้านแนะนำคือ “หน่อไม้ผัดไข่” เมนูนี้อร่อยจนเกลี้ยงจานเลยจริง ๆ ใครที่มาเที่ยว ลองแวะฝากท้องที่นี่ บอกเลยว่าอาหารร้านนี้ต้องโดน!!! และแล้วประสบการณ์การเที่ยวแบบนอนกางเต็นท์ครั้งแรกในชีวิตก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี สุขกายสบายใจมาก ๆ ได้ดื่มด่ำ และสัมผัสกับธรรมชาติแบบเต็มๆ มันทำให้เราเปลี่ยนมุมมองการเที่ยวแบบนี้ไปในทางที่ดี และสนุกขึ้นจริง ๆ สนุกกับบรรยากาศรอบๆเต็นท์ สนุกกับกิจกรรมต่าง ๆ ในอนาคตเราคิดว่าคงจะมีทริปแบบนอนการเต็นท์อีก เป็นทริปที่ 2, 3, 4 และต่อ ๆ ไปอย่างแน่นอน... ภาพถ่ายทั้งหมดโดย : เจ้าของบทความ