เมื่อนึกถึงเกาหลี ส่วนใหญ่สถานที่ที่คนนึกออกเวลาจะไปเกาหลีก็คือ กรุงโซล ใช่ไหม? ไม่ว่าจะเป็น วังเคียงบกกุง นัมซานทาวเวอร์ ไปคล้องกุญแจคู่รัก ช้อปปิ้งและหา Street Food กินที่เมียงดง เดินเล่นฮงแด ดูเด็กมหาลัยร้องเพลง เต้น ตามถนน ถ่ายรูปกับทางเดินที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของมหาวิทยาลัยสตรีอีฮวา แต่เกาหลียังมีเมืองที่น่าสนใจอีกเมืองนึง คือ “เมืองซูวอน” ถือว่าใหญ่เป็นอันดับ 2 ของกรุงโซลเลยก็ว่าได้ เมืองซูวอน เป็นอีกเมืองแห่งประวัติศาสตร์เกาหลี ตั้งอยู่ในเขตปกครองจังหวัดคยองกี ซึ่งอยู่ทางใต้ของกรุงโซลนั่นเอง นั่งรถจากโซลไปแค่ประมาณชั่วโมงเดียวเท่านั้น ออกจากสนามบินอินชอนมาแล้ว เราสามารถนั่ง Limousine Airport Bus สาย 4100 จากสนามบินได้เลย ใช้เวลาประมาณ 1.45 ชม. ราคา 10000 วอน (ประมาณ 300 บาท) หรือถ้าใครจะแวะโซลก่อนก็สามารถนั่งรถไฟใต้ดินจากโซลมาได้เหมือนกันประมาณชั่วโมงนิดๆ มาถึงซูวอนแล้วก็เข้าไปฝากกระเป๋าที่โรงแรม เพราะโรงแรมที่เกาหลีส่วนใหญ่จะเช็กอินได้บ่ายสามโมง เราพักที่โรงแรม M Hotel Story อยู่ที่ สถานี Suwon City Hall เดินทางสะดวกใกล้รถไฟใต้ดินและราคาดีมาก จากนั้นเราก็ออกไปเดินเล่นและหาของกินที่ Suwon Rodeo Street อยู่ที่สถานี Suwon ห่างจากที่พักแค่ 2 สถานี ออกมาจากสถานี Suwon ทางออก 11 ก็เจอเลย ถนนเส้นนี้เรียกว่าเป็นฮงแดขนาดย่อมๆ เลยก็ว่าได้ ใครอยากช้อปปิ้งเครื่องสำอาง ที่นี่ก็มีทุกแบรนด์เหมือนที่โซลหมดทุกอย่าง เป็นถนนสั้นๆ แต่มีทุกอย่าง ทั้งร้านเสื้อผ้า เครื่องสำอาง ร้านอาหาร ร้านกาแฟ มาถึงนี่แล้ว อยากให้ลองกินต้มไส้กรอกเลือดรสเผ็ด ร้านดังที่ซูวอน ชื่อร้าน “เดอะ จินกุก” (더 진국) เดินตรงเข้ามาเกือบสุดถนน ร้านอยู่ซ้ายมือ มากินซ้ำเป็นครั้งที่สองแล้ว ซุปรสชาติเข้มข้น ข้างในซุปจะมีหมูต้มเปื่อยๆ และไส้กรอกเลือดที่ทำมาจากวุ้นเส้น หมูสับ คลุกเลือดหมูแล้วเอามายัดในไส้หมูอีกทีแล้วเอามานึ่ง อารมณ์จะคล้ายๆ ไส้อั่วแต่กลิ่นไม่ฉุน รสชาติคล้ายๆ เวลากินก๋วยเตี๋ยวน้ำตกข้น ๆ ใครเคยลองกินไส้กรอกเลือดแล้วรู้สึกว่าคาว อยากให้ลองมากินไส้กรอกเลือดต้มร้านนี้ คอนเฟิร์ม เดินเล่นสักพัก เราก็กลับไปเช็กอินที่โรงแรม อาบน้ำพักผ่อนแล้วก็ออกมาเดินรอบๆ แถวสถานี Suwon City Hall ใกล้ที่พัก ซึ่งของกินเยอะมาก เราได้เจอกับคาเฟ่น่ารักๆ ชื่อว่า Billy Angel Cake House แค่ออกจากโรงแรมเลี้ยวขวา เดินตรงไปเรื่อยๆ ก็เจอเลย เดินทางไปยัง ป้อมฮวาซอง (Hwaseong Fortress) ป้อมปราการที่ทาง Unesco จดทะเบียนให้ขึ้นเป็นมรดกโลก ในปี ค.ศ. 1997 ซึ่งป้อมฮวาซองนี้ มีอายุมากกว่า 200 ปีแล้ว ตั้งแต่ยุคสมัยโชซอน เมื่อเราเข้าไปแล้ว จะได้เจอกับร้านอาหาร คาเฟ่มากมาย รวมไปถึงบ้านโบราณ (ฮันอก) ที่ยกสมัยโชซอนมาไว้ที่นี่เลย เดินไปเรื่อยๆ บังเอิญไปเจอร้านกาแฟดอยช้างของไทยเราไปเปิดที่นั่นด้วย ปลื้มใจจริง ๆ จากนั้นเราก็เดินทางไปที่ พระราชวังฮวาซอง (ฮวาซองแฮงกุง) พระราชวังที่กษัตริย์จองโจ (องค์ชายลีซานในซีรีย์ที่เคยโด่งดังทางทีวีเมื่อหลายปีที่แล้ว) ทรงสร้างขึ้นเป็นที่ประทับพักผ่อน และยังเป็นสถานที่ถ่ายทำซีรีย์แดจังกึมอีกด้วย ด้านหน้าทางเขาพระราชวังฮวาซอง ภายในพระราชวังยังมีการจำลองท้องพระโรง รวมไปถึงหุ่นในห้องที่เคยใช้งานจริงทั้งของพระราชา การฉลองวันเกิดพระพันปี นางใน ขันที รวมไปถึงห้องเครื่องที่ใช้ปรุงอาหารอีกด้วย เหล่านางในกำลังปรุงอาหาร รูปภาพจากซีรีย์แดจังกึม ซึ่งเป็นสถานที่ถ่ายทำซีรีย์เรื่องนี้และประวัติศาสตร์ยังเริ่มต้นที่นี่ บริเวณที่ประทับพระราชา พระเจ้าจองโจ (ลีซาน) ที่นี่ยังมีหุ่นจำลองแดจังกึมและมินจุงโฮขนาดเท่าคนจริงไว้ให้ยืนถ่ายรูปเป็นที่ระลึกอีกด้วย แฟนซีรีส์ไม่ควรพลาดมุมนี้ เรามีโอกาสได้ไปวันที่เค้ามีพิธีจำลองขบวนเสด็จของพระเจ้าจองโจตามแบบเมื่อหลายร้อยปีก่อนพอดี ซึ่งงานนี้เค้าจะจัดขึ้นทุกปี ช่วงประมาณเดือนตุลาคม โดยจัดแสดงขบวนใหญ่ จำลองเหตุการณ์ที่พระมหากษัตริย์ออกมาเยี่ยมประชาชน มีการแสดงการต่อสู้ระหว่างทหารและโจรที่จะเข้ามาลอบสังหารพระมหากษัตริย์ เหมือนในซีรีส์มาก งานจัดยิ่งใหญ่มาก ถ้าใครเป็นแฟนซีรีส์ประวัติศาสตร์เกาหลีหรือชื่นชอบประวัติศาสตร์เกาหลี ถ้ามีโอกาสควรไปดูสักครั้ง คนเยอะมากๆ ไม่เสียค่าเข้าชมด้วย หลังจากใช้พลังงานในการเดินทางและเดินชมวัง ท้องเราก็เริ่มร้องอีกครั้ง เราจะเดินออกไปหาอะไรกินแถวตลาดใกล้ๆ วังกัน ชื่อตลาด Paldal Global Market เป็นตลาดเก่าแก่ มีมาตั้งแต่ยุคโชซอนหลายร้อยปีก่อน บริเวณภายในตลาด คนที่นี่ส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยว จะเป็นผู้สูงอายุและครอบครัวซะส่วนใหญ่ มีทั้งอาหารแบบพื้นเมืองทั่วไป Street Food รวมไปถึง Food Truck เอาใจวัยรุ่นอีกด้วย ราเมงจาก Food Truck เจ้าดัง ที่มี Standee รูปนักแสดงเกาหลีและโปสเตอร์จากรายการต่างๆ มารับประกันความอร่อย “มันดู” หรือ เกี๊ยวนึ่ง และซาลาเปาร้อนๆ ทำกันสดๆ ใหม่ๆ ตรงนั้นเลย อร่อยมากกกกกก ก.ไก่ ล้านตัว ปิดท้ายด้วยการไปทำสิ่งที่ถ้าไม่ทำ ถือว่ายังมาไม่ถึงเกาหลี ฮ่าๆ นั่นก็คือการไปยืนกินต็อกปกกีกับทวีคิม (ของทอด) ร้อน ๆ ข้างทาง ฟินสุด ๆ เมืองซูวอนเป็นเมืองที่เดินทางมาไม่ยาก เพราะอยู่ไม่ห่างจากโซล อากาศดี ไม่วุ่นวาย ที่กิน ที่เที่ยว ที่ช้อปเยอะมาก ถ้าใครมีเวลาว่างแค่วันเดียว มาแค่ One day trip ก็เที่ยวได้ทั่วแล้ว หรือถ้ากลัวเหนื่อยก็จองที่พักสักคืน ราคาไม่สูงเท่าในโซล ถ้าอยากแวะมาก่อนกลับไทย ก็สามารถมาแล้ว ขึ้นรถ Airport Limousine Bus กลับไปยังสนามบินอินชอนได้เลยเหมือนกัน แค่ต่อเดียวถึง ขึ้นได้ที่สถานียองทง Yeongtong Station รถมีถึง 2 ทุ่มเท่านั้น เช็กเวลาเดินทางกันดี ๆ นะคะ เคยตกรถมาแล้ว อิอิ ถ้ามีโอกาสก็ลองไปเที่ยวเมืองซูวอนดูนะคะ มีสเน่ห์คนละแบบกับโซลจริงๆ ภาพถ่ายโดย : Korea Calling Again