ภูอีเลิศ แหล่งท่องเที่ยวใหม่ในจังหวัดเลย สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการเดินทางแบบ Adventure เพื่อนร่วมทริปในครั้งนี้ มี 4 คนเช่นเคย พี่แขก พี่แจ้ พี่ป๊อบ และเรา เราเริ่มออกเดินทางตีสี่ ของเช้าวันเสาร์ เพื่อให้ไปถึงจุดหมายในช่วงบ่ายของวันเดียวกัน ในระหว่างทางมีเรื่องให้เม้าท์มอยตลอดทาง ใช้เวลาไม่นานอย่างที่คิด ก็เข้าสู่เขตจังหวัดเลย เราแวะเข้าไปทานอาหารเช้าที่ร้านข้าวเปียกปากหมา ก่อนจะออกเดินทางมุ่งหน้าไปยังอำเภอด่านซ้าย เมื่อถึงอำเภอด่านซ้ายเราไม่ลิมที่จะแวะชมพิพิธภัณฑ์ผีตาโขน ณ วัดโพนชัย ในตัวอำเภอ จากนั้นแวะซื้อหมูกระทะ (สำหรับอาหารเย็นบนภู) และที่ขาดไม่ได้คือ แวะร้านสะดวกซื้อเพื่อซื้อเสบียง เมื่อทุกอย่างพร้อมเราก็มุ่งหน้าไปยังจุดหมาย ภูอีเลิศ ตำบลปากหมัน อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย ไปถึงหมู่บ้านปากหมันประมาณบ่ายโมงครึ่ง เข้าไปจอดรถบริเวณวัด ซึ่งวัดนี้ติดกับประเทศลาว โดยมีแค่แม่น้ำสายเล็ก ๆ กั้นเท่านั้น ในบริเวณวัดมีรถอีแต๊ก 1 คันจอดรออยู่ เพื่อพาเราขึ้นไปยอดภู ในตอนนั้นเองเราจึงได้รู้ว่า วันนี้มีเราแค่ 4 คนเท่านั้นที่จะขึ้นไปบนภูอีกเลิศ ในใจก็เริ่มหวั่นนิด ๆ ว่าภูใหญ่ขนาดนั้นแต่มีนักท่องเที่ยวแค่ 4 คนอยู่กลางป่า บรรยากาศคงวังเวงน่าดู แต่เมื่อมองหน้าเพื่อนร่วมทริปแล้วก็ตัดสินใจ เอาวะมาถึงที่แล้ว ก็ต้องให้คุ้มค่า เราตกลงกันว่าจะขึ้นภูประมาณบ่ายสองโมงครึ่งเพื่อไม่ให้ร้อนมาก ในระหว่างรอเวลาขึ้นภู เราก็จัดแจงอาบน้ำภายในวัดให้เสร็จสรรพ เพราะบนภูอีเลิศไม่มีสถานที่ให้อาบน้ำ เมื่อทุกคนพร้อมเราก็ช่วยกันขนสัมภาระต่างๆ ขึ้นรถอีแต๊ก รถอีแต๊กที่พูดถึงเขาจะดัดแปลงรถไถนาเดินตามให้ข้างหน้าและข้างหลังมีที่ให้นั่งได้ อีแต๊ก 1 คัน สามารถนั่งได้ 4 คน ข้างหน้าสองคน ข้างหลังสองคน ผู้นำทางของเราเป็นเด็กหนุ่มวัยรุ่นในหมู่บ้าน ในใจก็นึกหวั่นกับการเดินทางเพราะต้องขึ้นภูที่ลาดชันมากกับคนขับที่เป็นวัยรุ่น ใจตุ๊ม ๆ ต่อม ๆ กับการเดินทาง แต่พอเอาเข้าจริงผิดคาด น้องเขาขับนิ่ม ระวัง และใจเย็นมาก ทางขึ้นเขามีทั้งทางที่ลาดชัน และทางราบ ระยะทางไม่ถึงยี่สิบกิโลเมตร แต่ใช้เวลาเกือบสามชั่วโมง สองข้างทางเต็มไปด้วยต้นไม้ที่ยังอุดมสมบูรณ์ เพราะความร่วมมือของชาวบ้านที่ช่วยกันอนุรักษ์ไว้เป็นป่าชุมชน มีการติดป้ายให้ความรู้เกี่ยวกับต้นไม้แต่ละชนิดและประโยชน์ของป่า การเดินทางเกือบสามชั่วโมงแต่รู้สึกว่าสามชั่วโมงไม่ใช่ระยะเวลาที่ยาวนานเลย เมื่อเทียบกับวิวสองข้างทาง ไม่นานเราก็ถึงจุดหมาย เมื่อรถจอดสนิทเราก็ช่วยกันขนสัมภาระลงแล้วจัดแจงกางเต็นท์ ทันที ความจริงที่นี่มีซุ้มไม้ไว้รองรับนักท่องเที่ยวหลายซุ้ม แต่เราเลือกที่จะกางเต็นท์ เพราะต้องการซึมซับบรรยากาศของการเที่ยวป่าให้ได้มากที่สุด เมื่อแดดร่มลมตก เราจึงเคลื่อนตัวไปยังผาอีเลิศ จุดเช็คอินของที่นี่ บอกเลยว่าได้บรรยากาศสุด ๆ บนภูอากาศเย็นสบาย ภาพที่เรานั่งอยู่ริมผามองลงไปข้างล่างหมู่บ้านที่เราขึ้นมา รถที่เราจอดอยู่ข้างวัด คันเล็กนิดเดียว มองไปอีกฝั่งของผา มีภูสูงเรียงราย ถนนที่อยู่บนภูอีกฝั่งที่คดเคี้ยวแลดูแปลกตาและสวยงามไปอีกแบบ อีกข้างของภูอีเลิศ นั่นคือฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน ที่ธรรมชาติแลดูเงียบสงบ ไม่มีรถราวิ่งไปวิ่งมาให้ตาลาย เมื่อพระอาทิตย์ตกดิน เราก็กลับมายังเต๊นท์ ก่อไฟเพื่อกินหมูกระทะ วันนี้มีงานกีฬาระดับตำบล ตอนเย็นมีงานเลี้ยง ทำให้เราได้รับการขับกล่อมจากเสียงเพลงที่มาจากงานเลี้ยงกีฬา หมูกระทะมื้อนี้จึงเป็นมื้อที่อร่อยที่สุด หลังจากมื้อค่ำ เราก็ปูเสื่อนอนดูดาว และคุยสัพเพเหระ ไม่น่าเชื่อว่าเราจะอยู่บนภูสูงเพียงแค่ 5 คนกับน้องคนขับ แต่เราไม่รู้สึกกลัวหรือวังเวงอย่างที่คิด เราแยกย้ายกันเข้านอนในเวลาเกือบห้าทุ่ม ในตอนเช้าเราตื่นตั้งแต่ตีสี่ครึ่ง เพื่อมารอชมหมอกก่อนพระอาทิตย์ขึ้น เราโชคดีมาก คนนำทางบอกเราว่าหลายวันที่ผ่านมาไม่มีหมอกเลย แต่เช้าวันนี้พี่หมอกไม่ทำให้เราผิดหวัง พี่หมอกค่อย ๆ เคลื่อนตัวออกมาจากซอกภู ผ่านหน้าเราไปอย่างช้า ๆ อาจจะไม่มาก แต่ก็ทำให้เราประทับใจไม่รู้ลืม เราดื่มด่ำกับธรรมชาติที่สวยงาม ถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกแทบจะทุกจุดก่อนจะออกเดินทางลงจากภู เราเริ่มเดินทางกลับลงมาประมาณแปดโมงเช้า ลงมาถึงวัดเกือบเที่ยง อาบน้ำที่วัด และเดินทางกลับ ในทริปการเดินทางครั้งนี้เป็นการเดินทางที่มีครบทุกรสชาติ บอกได้คำเดียวว่าคุ้มค่ามาก รายจ่ายหารกันคนละไม่ถึงพัน แต่สิ่งที่ได้มีค่ามากกว่าเงินที่จ่ายมหาศาล มิตรภาพของการเดินทางหาซื้อไม่ได้ด้วยเงิน ถ้าคุณชอบการเดินทางแนวนี้ แนะนำเลย ไม่แน่นะ วันหนึ่งเราอาจจะได้เจอกันบนภูใดภูหนึ่งก็ได้ ภาพประกอบทั้งหมด โดยผู้เขียน