#บันทึกของเฟี้ยวฟ้าว #ทริปนี้แม่พาทัวร์ เมื่อพูดถึงอำเภอแม่สายหลายๆ คุ้นเคยและรู้จัก หลายๆ คนเคยมาเที่ยวแต่จะมีส่วนน้อยมากที่ข้ามด่านมาเที่ยวฝั่งพม่าและเรียนรู้การใช้ชีวิตของที่นี่ เราเป็นคนหนึ่งที่เดินทางมาแม่สายบ่อยมากเพราะอะไรรู้ไหม ? เพราะบ้านยายเราอยู่ที่ฝั่งพม่ามาทุกครั้งทุกเทศกาล แต่ก็ไม่มีโอกาสได้มารีวิวอะไรแบบนี้ จะยังไงแบบไหนลองตามไปอ่านกันเลย ก่อนที่เราจะข้ามด่านไปเราก็ต้องแวะไปทำบัตรข้ามด่านชั่วคราวที่ว่าอำเภอแม่สายกันก่อนเลย เตรียมเงินกับบัตรประชาชนให้พร้อมค่าบริการตกคนละ 30 บาท แต่ยืนก็ต้องกดบัตรคิวยืนรอเรียกคิวตัวเองนานมาก เราได้คิวที่ 161 บางคนที่มาหลายๆ คนแนะนำฝากให้คนเดียวก็พอนะเชื่อเรา พอถึงด่านเราก็เดินเข้ามาตามที่เจ้าหน้าที่บอกเลย พอใกล้จะถึงฝั่งนู้น เก็บค่าบริการอีก 10 บาท รวมทั้งหมดจะเสีย 40 แต่ถ้าสำหรับคนที่มีญาติหรือจะไปนอนฝั่งนู้นเขาคิดคืนละ 20 บาท ข้ามมาถึงก็เดินตามหาป้าเพราะป้า เข็ญรถขายผลไม้อยู่ที่ตลาดนี้ ตลาดนี้เข้าเรียกว่าตลาดท่าล้อ ใครผ่านมาแถวนี้อย่าลืมแวะมาอุดหนุนร้านป้าเราได้นะ ทั้งถูกทั้งแถมอันนี้พูดจริง ระหว่างที่ยืนคุยกันสายตาก็ช่างรวดเร็วเนอะฮ่าๆ หั้นไปเห็นร้านกาแฟจร้า ในซอยที่ป้าเราอยู่ มีร้านกาแฟด้วยนะ ร้านก็น่านั่งอยู่นะแต่เสียดายไม่ได้เข้าไปนั่งเล่นเลยเลยเก็บภาพบรรยากาศในร้านมาฝาก มีชาวต่างชาติพวกฝรั่งนั่งกินในร้านด้วยนะแก วันนี้มีโอกาสได้มาเที่ยวแม่สายมาเที่ยวบ้านยาย แต่ก็ยังไม่ไปถึงบ้านเลยบอกแม่ว่าอยากเที่ยววัดหรืออะไรก็ได้ที่ได้นั่งรถเที่ยวอ่ะ แม่บอกว่าแพงอยู่นะ ป้าก็เลยบอกว่าเดียวไปถามคนรู้จักให้จะได้ราคาถูก ก็ได้มาถูกไหมก็ไม่รู้ดิ ก็ตกคนละ 150 บาทแต่ได้เที่ยวสามวัดนะ ก็เป็นสามล้อเครื่องนั้นแหละที่คนทางนู้นเรียกกัน ป้าเราบอกว่าบอกลุงคนขับว่าไปส่งพวกเราถึงบ้านด้วยนะ ลุงแกก็รับปาก ขึ้นรถมาลุงแกก็ถามจะไปวัดไหน ถ้าไปวัดเดียวคนละ 100 บาทแต่ได้ไปแค่ที่เดียวแต่ถ้าไปทั้งสามวัดตกคนละ 150 บาท เราก็เลยหันไปถามแม่ว่าจะเอายังไง ? แม่ก็เลยบอกว่าไหนๆ ก็มาเที่ยวแล้วเทออยากเที่ยวก็ไปทั้งสามที่เลยบอกกับลุงคนขับว่าไปทั้งสามวัดเลย ลุงแกก็เลยจัดให้ไปเลยจ้า ระหว่างทางเราก็เก็ฐภาพบรรยากาศข้างทางมาฝาก ซึ่งการขับรถของฝั่งนี้จะสลับกับฝั่งไทยนะบอกไว้ก่อนเผื่อใครมีโอกาสได้มาขับรถ แต่คงไม่มีใครอยากลองขับหรอกเพราะว่ามันงงมากๆ เพราะเราเคยขับครั้งหนึ่งเกือบโดนชนจ้า ฮ่าๆ ของเขาจะขับทางขวานะ ตอนไปของเราจะทางซ้ายใช้ป่ะแต่ของเขาทางไปจะขวาและทางกลับจะเป็นทางซ้าย งงมากแม่ วัดแรกที่ลุงแกพาไปคือวัด พระเจ้าระฆัง ลุงแกบอกว่าเดียวลุงจอดรออยูู่แถวนี้ ส่นเรากับแม่ก็ลงไปกราบไหว้ขอพร และสิ่งที่พลาดก็เก็บภาพบรรยากาศรอบมาฝากทกๆ คนกัน พอเสร็จจากที่แรกลุงแกก็พามาวัดที่สองเลย ลุงแกบอกว่าเดียวจะพาไปพระธาตุหลวง ก็ไม่ไกลจากกันเท่าไหร่นะเราว่า ฮ่าๆ พอมาถึงเห็นเจดีย์คือแบบ บอกแม่เลยว่าที่นี่แหละที่อยากมาก็เลยบอกลุงให้รีบๆ จอดฮ่าๆ พอลุงแกจอดรถแกก็บอกว่ารออยู่แถวนี้นะ จากนั้นก็เดินเข้าสิ่งแรกที่ตกใจคือ มีคนมาบริการกางร่มให้ตอนแรกไม่รู้ไงใครจะไม่เอาก็ได้นะบอกไว้ก่อน มีดอกไม้ขายชุดละ 20 บาท ก็ซื้อดอกคนที่ถือร่มก็จะถามเราว่าเกิดวันอะไรเพราะเขาจะพาไปไหว้ตามวันเกิดของเราเลยนะ ก็คือบริการดีๆ จริงอ่ะถือร่มเดินตามเราจนเราเกรงใจอ่ะ พาทัวร์ทั่ววัดไปเลย พอใกล้จะกลับคนที่ถือร่มก็พาเรามากราบไหว้สักการะที่สุดท้าย เข้าสู่การขายของของเขาจ้า เราหลงกลเขาแล้วอยากสิร้องไห้ โห้งานนี้กางร่มไม่ฟรีนะจ๊ะ เพราะเขากางร่มให้บริการยังดีเพราะเขาจะอาศัยกาขายของนั้นเอง 55 แม่กับเราโดนไปเลยคนละ 100 แม่ซื้อโลชั่นของพม่าเราซื้อสบู่ของพม่า ขายเก่งแม้ๆ และก่อนจะกลับเราก็เลยขอถ่ายรูปกับคนที่ถือร่มให้ทั้งสองคนเลย ถือว่าเป็นที่เราโดนหลอก 55 แต่ก็บริการดีจริงๆ แหละถือส่งจนถึงรถอ่ะ ถึงเวลากลับเราก็ขอบคุณและสวัสดีพวกเขาก็ขึ้นรถต่อมาที่สวัดสุดท้ายนั้นก็คือ พระธาตุเพรชขาวหรนือไม่รู้จำชื่อไม่ได้ ก็ลงไปกราไหว้สักการะก่อนกลับขอพรว่าที่มาวัดสามที่นี่ก็ขอพรว่า ขอให้ปีใหม่ปีนี้มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง อยู่เย็นเป็นสุขทั้งครอบครัวและสุดท้ายก็ขอว่าขอให้ได้งานดีๆ ทำสักทีไม่มีเงินใช้แล้ว 55 ก่อนจะกลับก็ขอถ่ายรูปลุงคนขับรถสักหน่อย และอยากจะบอกทุกคนว่าอย่าหลงเชื่ออะไรง่ายๆ แบบนี้เรานะเดียวจะเสียเงินฟรีๆ เพราะคนกางร่มคนที่เขาบริการให้เรา 555 สุดท้ายก็อยากจะบอกว่า อย่ากลัวออกเดินทางเพราะมันไม้ได้น่ากลัวอย่างที่เราคิดแต่บางทีก็คิดผางแผนหน่อยก็ดีนะ ปีใหม่ปีนี้ขอให้ทุกคนขับขี่กันอย่างปลอดภัย จะไปไหนก็วางแผนกันก่อนออกเดินนะจ๊ะจากผู้ปราณาดี ภาพถ่ายโดยผู้เขียน